"เจิงจื้อเหว่ย" นักแสดงและผู้กำกับชื่อดังของฮ่องกงตกเป็นข่าวฉาวอีกครั้ง หลังมีคลิปที่เจ้าตัวร่วมอวยพรวันเกิดให้ลูกชายหัวหน้าแก๊งตระกูลโกกั้งที่กำลังเป็นข่าวครึกโครมในพม่าออกมา
กำลังเป็นที่วิจารณ์อย่างหนักในสังคมออนไลน์แดนมังกรทีเดียวสำหรับคลิปที่คนบันเทิงจีนยุค 90 หลายคนได้ร่วมอวยพรวันเกิดให้กับ "ไป๋อิงชาง" ลูกชายของ ไป๋โซ่วเซิง ซึ่งเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของแก๊ง "โกกั้ง" ที่ทำธุรกิจผิดกฏหมายในพม่า ทั้งค้ามนุษย์ เว็บพนัน แก๊งคอลเซ็นเตอร์ กระทั่งถูกทางการจีนหมายหัวกลายเป็นข่าวใหญ่ที่อื้อฉาวอยู่ในตอนนี้
โดยในบรรดาคนบันเทิง อาทิ โหวเย่าหัว (Hou Yaohua), ตู้ฉู่ตง (Du Xudong), หวัง รัวซี (Wang Ruoxi), เฉาฉาหลี หรือ ชาลี เฉา (Charlie Cao) นั้น ที่ถูกจับตามากที่สุดก็เห็นจะเป็น "เจิงจื้อเหว่ย" หรือที่หลายคนเรียกว่าพี่เตี้ยที่ได้ชื่อว่าเป็นขาใหญ่คนหนึ่งของวงการจากหลายข่าวฉาวในอดีต
ทั้งนี้หลังคลิปถูกเผยแพร่ออกมาจนกลายเป็นที่พูดถึงหนึ่งในคนบันเทิงที่ปรากฎตัวในคลิปอย่าง ชาลี เฉา ดาราตัวประกอบที่หลายคนคุ้นหน้าก็ได้ออกมาชี้แจงโดยระบุว่าเขาได้รับการว่าจ้างให้ถ่ายทำคลิปอวยพรวันเกิดล่วงหน้าโดยที่เขาก็ไม่ได้รู้จักกับอีกฝ่าย ซึ่งในตอนแรกนั้นเขาเองลังเลที่จะทำแต่ผู้จัดการส่วนตัวได้บอกว่ามีคนดังหลายคนบันทึกไว้ด้วยเขาจึงตอบตกลง
พร้อมกันนี้เจ้าตัวก็ได้เอ่ยปากขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งดูเหมือนหลายคนจะเข้าใจเป็นอย่างดี และเชื่อว่าที่เจ้าตัวทำไปนั้นก็เพราะเรื่องเงินจริงๆ
สำหรับที่จีนนั้นถือเป็นเรื่องปกติที่ดาราคนดังจะได้รับการว่าจ้างให้มีการถ่าย VCR อวยพรวันเกิดหรืองานแต่งงานให้กับคนทั่วไปซึ่งได้รับความนิยมมากสำหรับคนรวยในจีนเมื่อหลายปีก่อน
ขณะที่ปัจจุบันพบว่าแม้จะยังมีเอเจนซี่หลายเจ้าที่รับทำธุรกิจนี้อยู่โดยมีราคาตั้งแต่ 1000 หยวนขึ้นไป ทว่าส่วนใหญ่นั้นจะเป็นการหลอกลวงด้วยการสร้างเป็นคลิปปลอมๆ ขึ้นมาโดยใช้เอไอมากกว่า
นอกจาก ชาลี เฉา แล้วทางด้านของ "เจิงจื้อเหว่ย" เองก็ได้ออกมาชี้แจงเรื่องนี้เช่นกัน โดยเจ้าตัวเผยว่าตนเองไม่ได้รู้จักกับลูกชายหัวหน้าแก๊งที่ว่าเลย แต่ถูกขอร้องจากเพื่อนชาวจีนแผ่นดินใหญ่ให้ถ่ายคลิปอวยพรวันเกิดให้ ซึ่งจากนี้ไปตนคงจะไม่อวยพรวันเกิดให้กับคนที่ไม่รู้จักอีกแล้ว
อย่างไรคำชี้แจงของพี่เตี้ยที่ว่ากลับดูเหมือนมีหลายคนไม่เชื่อสักเท่าไหร่
โดยส่วนใหญ่ต่างก็ว่าคนที่มีชื่อเสียงระดับเขานั้นคงไม่ทำอะไรแบบนี้เพียงเพื่อแลกกับเงินเล็กน้อยอย่างแน่นอน ขณะที่สื่อของฮ่องกงเองก็ยังรายงานข่าวถึงขนาดทำนองที่ว่าเขาอาจจะมีส่วนได้ส่วนเสียในกลุ่มฉ้อโกงทางอิเล็กทรอนิกส์กันเลยทีเดียว
เรียกว่าสุดท้ายเรื่องนี้จะจริงหรือไม่จริงอย่างไร แต่ตอนนี้ภาพลักษณ์ของเจ้าตัวที่แย่อยู่แล้วก็ยิ่งดูแย่หนักกว่าเดิมเข้าไปอีกเป็นที่เรียบร้อย
