ยังไม่เคยออกมาพูดความในใจชัดๆ เลยสักครั้ง สำหรับ นักแสดงผู้จัดละครชื่อดังและคุณแม่สุดแกร่ง "หนิง ปณิตา พัฒนาหิรัญ” ซึ่งคราวนี้หนิงยอมเล่าทั้งน้ำตาให้กับ “วู้ดดี้ วุฒิธร มิลินทจินดา” ในรายการ WOODY FM ถึงบทเรียนที่ชีวิตคู่ ยอมทนมา 10 ปีวันนี้ถึงเวลาปล่อย ร่ำไห้! ชีวิตนี้ไม่เคยทำอะไรเพื่อตัวเองเลย
รู้สึกว่าหนิงเลือกที่จะหยุดนิ่งเงียบในบางเรื่อง ในสมัยก่อนคิดว่าคงจะไม่ยอม แต่คราวนี้กลับเงียบและใช้เวลาไตร่ตรอง กระบวนความคิดของหนิงที่ผ่านมาต่างจากอดีตยังไง ?
“เพราะหนิงมีลูกไง แล้วเด็กคนหนึ่งที่หนิงฟูมฟักมาตั้งแต่ในท้อง ทุกคนที่รู้จักน้องณิรินก็จะชื่นชมเขา ว่าเขาเป็นเด็กมีสัมมาคารวะ มีมารยาท มีความสุข แอ็กทีฟในการทำอะไรหลายๆ เรื่อง แล้ววันหนึ่งลูกของหนิงเริ่มเปลี่ยนไปไม่แอ็กทีฟในเรื่องที่ควรจะมีความสุขในแบบเด็ก แล้วสิ่งที่อยู่ในความคิดเขาก็จะเป็นเหมือนหนิงในภาคเวลาที่หนิงรักเพื่อนคือคอยห่วงคนโน้นห่วงคนนี้ ทั้งหมดทั้งโลก เขาก็จะคอยห่วงว่าวันนี้แม่จะเป็นยังไง แม่ร้องไห้ไหม แม่ออกไปทำงานเป็นยังไงบ้าง มันทำให้โลกทั้งใบของเขาตรงนั้นแทนที่จะไปใช้ชีวิตที่สดใส ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ ตรงนั้นมันถดถอยลง แล้วก็แบกทุกอย่าง ความรู้สึกของคนรอบข้างแบบที่แม่เป็นในวัย 10 กว่าขวบ”
ความสัมพันธ์ระหว่างแม่และลูกเป็นยังไง ?
“หนิงเลี้ยงเขาเหมือนเพื่อน เขาก็เป็นทุกอย่างให้หนิง เป็นพลัง หนิงก็เป็นทุกอย่างให้เขา มันเหมือนเราเป็นคนๆ เดียวกัน”
ดังนั้นที่ผ่านมาทุกเรื่องราว เขาพูดกับแม่ตรงๆ เลยไหม ไม่แน่ใจว่าสื่อที่บ้านเปิดรับขนาดไหนสำหรับเขา ?
“วันนี้น่าจะยากตรงที่ว่าเราปิดอะไรไม่ได้ จากเหตุการณ์ที่ผ่านมาเราปิด แต่เขารู้จากเพื่อน เพื่อนๆ ก็รู้จากพ่อแม่ตัวเอง เลยเป็นอะไรที่ทำให้เราปิดไม่ได้เลย เขารู้ในประเด็นที่ว่าเรามีปัญหากันอยู่แล้ว แต่สิ่งที่เราพยายามจะแสดงหรือทำให้เขาเห็นเหมือนกับว่าเราไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน อันนั้นมันคือผู้ใหญ่ 2 คนที่มีปัญหา ตัวคุณไม่ได้มีปัญหาอะไร การที่ผู้ใหญ่ 2 คนมีปัญหากันไม่ได้หมายความว่าเด็กต้องมีปัญหา คือที่บ้านจะไม่ทำอะไรเป็นเรื่องใหญ่ แต่พอสื่อมันเยอะ บางเรื่องเราไม่ได้บอกรายละเอียด แต่คนไปถามเขาถึงในรายละเอียด มันเจ็บปวดตรงนี้
แล้วเวลาเด็กคุยกัน โอ้โห เด็กเขาไม่ได้คุยอะไรต่างจากพวกเราเลย สิ่งที่เด็กเม้าธ์ก็ไม่ต่างจากพวกเรา แต่สิ่งเดียวที่เด็กต่างจากเราคือกระบวนการความคิด เขาจะคิดถูกคิดผิดต่างจากเรา เพราะเรามีประสบการณ์มากกว่าเท่านั้นเอง ความโชคดีของหนิงคือ หนิงมีกุนซือ ขอนุญาตใช้คำนี้
จริงๆ วันที่หนิงแย่มากๆ ถามว่าเพื่อนหนิงรู้เรื่องไหม รู้เรื่องประปราย แต่ไม่ได้หมายความว่าโทร.คุยกับเพื่อนตลอดเวลา แต่ว่าวันนี้ไม่ไหวในการตัดสินใจของตัวเองจริงๆ ด้วยเหตุและด้วยผลและด้วยอารมณ์ หนิงจะโทร.หา พี่อ้อม สุนิสา เขาก็จะเป็นฝ่ายสนับสนุนในแง่ว่าให้ทางเลือก คุณจะทำแบบที่คุณคิดก็ได้แต่ผลอย่างนี้อันนี้จากที่พี่คิดนะ แต่ถ้าทำแบบนี้ผลจะเป็นอย่างนี้ๆ หนิงก็เอากลับไปคิดแล้วก็กลับมาคุย”
10 ปีที่ผ่านมา หนิง ได้เรียนรู้อะไรมากที่สุด ?
“สติและความใจเย็น ทุกปัญหาเวลาเข้ามาหนิงเชื่อว่าเวลาใครมีปัญหา ก็รู้สึกเราอยากจะหลุดจากปัญหา แต่เมื่อหลุดจากปัญหาไม่ได้ เราจะรับมือกับปัญหาอย่างไรให้มีผลกระทบต่อตัวเรา ต่อใจตัวเราให้น้อยที่สุด คือผู้ใหญ่ชอบสอนบอกว่า มีเรื่องอะไรหนักๆ ก็บอกว่าช่างมันเถอะๆ
คำว่าช่างมัน ดูเหมือนทำง่าย แต่มันทำยากมากแต่เมื่อทำได้แล้ว คำว่าช่างมันก็จะต่อไปอีกว่าช่างมันแล้วยอมรับกับมันไหม ยากไปอีกสเต็ปแล้วพอยอมรับกับมันเสร็จ ยอมที่จะปล่อยมันไหม กระบวนการของหนิงสุดท้ายช่างมัน ยอมรับอยู่ให้มันมีความสุข แต่มันไม่มีหรอกยอมรับแล้วอยู่ให้มันมีความสุขจริงๆ คนเรามีหัวจิตหัวใจ แล้วถ้าอยู่ได้ไม่มีความสุขจริงๆ 100% ปล่อยไหม? แล้วพอปล่อยมันก็จะมีความกลัวๆ แต่พอได้ปล่อยจริงๆ โห! มันแค่นี้จริงๆ เหรอ”
ที่ไม่ปล่อยแล้วแบกไว้ นี่คือกี่ปี ?
“10 ปี”
10 เป็นบทเรียนที่ยิ่งใหญ่มาก ในเรื่องนี้ หนิง ทนและอยู่จนสุดๆ ว่าทนจนสุดจะเป็นยังไง ?
“คือบางครั้งหนิงอยากจะลบคำตราหน้า ลบคำที่โดนตำหนิติฉินทุกอย่างมาตลอด หนิงเป็นคนที่เสียเพราะว่าหนิงใจร้อน ทำอะไรเร็ว ใช้อารมณ์ ปากไม่ดี พูดจาตรงไปตรงมา แต่ทั้งหมดหนิงยังเป็นแบบหนิงคนเดิมได้นะ เพียงแค่ใจเย็นๆ และจากที่คิดอะไรแล้วพูดเลย เราก็แค่เอาเหตุผลมานำก่อน ว่าทำยังไงให้เราคิดแบบนี้
แต่เป้าหมายเดิม ความเร็วในการตัดสินใจและการทำอะไรลดลงมาก พอมันลดลง เวลาที่มันลดเราต้องใช้ความพยายามมากใช่ไหมแต่มันจะมีความรอบคอบมากขึ้น เราก็จะเห็นระหว่างทางแล้วว่าอะไรเป็นจุดด้อยของเราก็จะลงไปขยี้ในจุดนั้นเพื่อแก้ไขและปรับปรุง แล้วพอวันที่เราตัดสินใจว่าปล่อย เราจะไม่มี 1 2 3 4 5 ที่เราจะต้องมาตอบคำถามตัวเองว่าเราทำดีแล้วหรือยัง
ที่ทนไม่ใช่ทนเพราะอยากจะยื้อหรือยังอยากจะรัก ความรักมันจบไปนานมากแล้ว แต่ที่ทน ที่ยื้อมีแค่ 2 สิ่ง ถ้ามันดีเกิดดวงดีโชคดีนะลูกของเราก็จะได้สมบูรณ์ แต่ถ้าดวงไม่ดีโชคไม่ดี แต่บนความไม่ดีที่จะต้องปล่อย แล้วเดินออกมา หนิงจะจบทุกอย่างแบบที่ใครที่เคยว่าเราเอาไว้ทั้งหมด จะพิสูจน์ใช้เวลากับมันให้รู้ว่าคนๆ หนึ่ง ถ้าเราเปลี่ยนคนอีกคนไม่ได้ เราสามารถเปลี่ยนตัวเราเองได้จริงๆ นะ มันอาจจะไม่ถูกใจใคร 100% นะ แต่มันดีที่สุดสำหรับตัวเรา แล้วยิ่งวันนี้การที่หนิงโทร.หาคนน้อยที่สุด การที่เราตัดสินใจแบบนี้แล้วปรึกษาคนน้อยที่สุด มันทำให้เห็นว่าเราเปลี่ยนได้จริงๆ จากตัวเรา ไม่ใช่จากที่มีเสื่อคอยรับๆๆ แล้วสุดท้ายไม่รู้จริงหรือเปล่า”
ระหว่างที่เจอเรื่องราวทั้งหมด หนิง ก็ยังทำงานได้ดี มีพลังกับการทำงาน เพราะหนิงเป็นคนที่จริงจังมาก แอบรู้สึกว่าถ้าหนิงไม่มีงานจะบ้าไหม ถ้าไม่มีงานก็อยากรู้ชีวิต หนิง จะเป็นยังไง ?
“คือชีวิตหนิงถ้าอยู่เฉยๆ โดยไม่ต้องทำงาน หนิงว่าหนิงบ้า เพราะพลังขับเคลื่อนหนิงทั้งหมด มันถูกขับเคลื่อนด้วยพลังในการทำงาน เพราะมีจุดมุ่งหมายว่าหนิงทำงานต้องการอะไร เรามีคนข้างหลังที่เป็นห่วงอีกเยอะแยะมากมาย ที่สุดก็คือลูกหนิง แม่หนิง ครอบครัวหนิง แล้วเรายังมีลูกน้องที่เขาเป็นทหารคอยอยู่ข้างหลังเรา
คนเรามันจะประสบความสำเร็จได้ ในวันนี้ที่เป็น หนิง ปณิตา เราไม่ได้เก่งคนเดียว และหลายๆเรื่องหนิงก็ดันไม่เก่งด้วย หนิงมีแม่ทัพซ้ายขวามีขุนพลมีทหารที่สนับสนุนอยู่ข้างหลัง แล้วถ้าวันนี้หนิงล้มคนข้างหลังเราอีกเท่าไหร่ เราก็ต้องพยายามจะยืนขึ้นมาให้ได้ เรามีเรื่องต้องทำ เรามีเป้าหมายข้างหน้า”
ล่าสุดที่ หนิง ได้แสดงความรักกับตัวเองจริงๆ คือตอนไหน เพราะรู้สึกว่าชีวิตที่ผ่านมา หนิง ให้ใจกับทุกคนอย่างเดียว ?
“โหว... (น้ำตาคลอ เสียงสั่น) ไม่มี เวลาซื้อของ แต่จริงๆ มันก็แค่บำบัดชั่วคราว (ร้องไห้) จนกลายเป็นวันนี้เชื่อไหมใครถามว่าอยากได้อะไรบ้างไปซื้อของคลายเครียดกัน ไม่อยากได้อะไร”
ที่พูดมาไม่เห็นว่าหนิงทำอะไรเพื่อตัวเอง เลยไม่รู้ว่าหนิงเคยชื่นชมตัวเองหรือเปล่า ?
หนิง : รู้ไหมว่าคำถามนี้เป็นคำถามที่ทั้งพี่อ้อมเอง ทั้งที่ปรึกษาเอง ก็บอกว่าให้หนิงไปหามาหน่อย เขาถามว่าอะไรที่มันเป็นความสุขของคุณหนิง ทำให้หมอหน่อยได้ไหม หนิงก็บอกว่าความสุขของหนิงเหรอ หนิงเป็นคนชอบแต่งตัวสวยๆ เป็นคนชอบไปนวดหน้าทำเล็บ ทำผม รู้สึกว่าตัวเองสวยแล้วหนิงมีความสุข หนิงก็ไปทำตามที่หนิงพูดกับที่ปรึกษา มีอยู่วันหนึ่งทั้งวันหลังจากที่ปรึกษาพูด เราก็เข้าเอ็มควอเทียร์เลย ไปช้อปปิ้ง เอาเข้าจริงๆ มันก็ไม่ใช่ เชื่อไหมว่าสัมภาษณ์มาหลายรายการเลยนะ ยังไม่เคยร้องไห้ พี่วู้ดดี้ว่าหนิงร้องไห้ง่ายไหมถ้ามีกล้อง ยากมากนะ น้อยมาก หนิงเป็นคนไม่ค่อยร้องไห้โดยไม่จำเป็น จนเพื่อนๆ พูดว่าร้องไห้บ้างก็ได้”
สามารถติดตาม Woody FM ได้ที่ช่องทาง Podcast : WOODY FM , Facebook: Woody, Youtube: Woody ทุกวันพุธ เวลา 19.00 น.