ฟ้าผ่าอีกครั้งที่ตึกมาลีนนท์ !!!!
เมื่อ ช่อง 3 ร่อนจดหมายแถลงการณ์ล่าสุด ว่าด้วยการลาออกจากทุกตำแหน่งของ “สุรินทร์ กฤตยาพงศ์พันธุ์” ซึ่งนั่งเก้าอี้กรรมการและผู้บริหาร บริษัท บีอีซีเวิลด์ จำกัด (มหาชน) มีผลตั้งแต่วันที่ 3 พฤศจิกายน
การสละเก้าอี้บิ๊กแห่งวิก 3 พระราม 4 ในครั้งนี้ ถือว่าทำเอาช็อกวงการไปเลยทีเดียว
เพราะเป็นการจากลาในช่วงที่ ช่อง 3 กำลังขาขึ้นสุดๆ
โดยเฉพาะละครล็อตล่าสุดของ ช่อง 3 ที่ฟาดเรตติ้งถล่มทลายแบบยกแผง
“เจ้าสาวบ้านไร่” เรือธงความสำเร็จของละครก่อนข่าว ฟาดเรตติ้งทั่วประเทศในตอนล่าสุดไปได้ 6.58 ขณะที่รวมทั้งยอดผู้ชมออนไลน์ก็ไปถึง 2.7 แสนคน ยังไม่นับยอดดูย้อนหลังผ่าน 3Plus อีกกว่า 14 ล้านวิว
และไม่พูดถึงไม่ได้ กับความสำเร็จระดับปรากฏการณ์อีกครั้งของละคร “พรหมลิขิต” ที่แหกทุกฏของละครภาคต่อ เพราะทุบทุกสถิติไม่แพ้ภาคแรก ด้วยตัวเลขเรตติ้งทั่วประเทศ ที่กวาดไปได้ถึง 7.12 พร้อมกับที่มียอดผู้ชมดูสดออนไลน์กว่า 1.4 ล้านคน และที่ดูย้อนหลังผ่าน 3Plus อีก 34 ล้านวิว
เป็นความสำเร็จที่ทำให้คาดเดาไม่ได้เลยจริงๆ ว่าเหตุผลกลใดที่ทำให้ผู้บริหารระดับสูงตัดสินใจลาออกในช่วงนี้
ตามเหตุผลที่รับฟังมาก็คือ มีปัญหาเรื่องสุขภาพ ซึ่งก็เป็นไปตามช่วงวัย ประกอบกับการทำงานหนักมาก แบกรับความกดดันสูง ก็ย่อมมีวันอ่อนล้าอ่อนแรงเป็นธรรมดา
กับอีกเหตุผลหนึ่งที่ซ่อนอยู่ ก็อาจเป็นไปได้ว่ามีความเกี่ยวโยงกับเรื่องของวิสัยทัศน์การทำงาน และวัฒนธรรมขององค์กรที่ไม่สอดคล้องต้องกันกับทีมผู้บริหารชุดใหม่
เพราะภายหลังจากที่ “ประวิทย์ มาลีนนท์” และครอบครัว ขายหุ้นทั้งหมด ช่อง 3 ก็ได้ผู้ถือหุ้นรายใหม่อย่างกลุ่ม
“จุฬางกูร” ที่ทยอยซื้อหุ้นเข้ามาเสริมทัพ แม้ว่าทิศทางการบริหารโดยรวม ยังมีกลุ่ม “มาลีนนท์” ที่ไม่ใช่สายครอบครัวของ ประวิทย์ เป็นผู้ดูแล แต่ก็ไม่ใช่ทีมเดิมที่เคยประสานงานสิบทิศแบบรู้ทางกันมา ก่อนหน้าที่เขาจะโบกมือลาไปนั่งตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บางกอก มีเดีย แอนด์ บรอดคาสติ้ง จำกัด หรือ ช่อง PPTV HD 36 ของตระกูลปราสาททองโอสถ ในปี 2560 และวนกลับมาที่บ้านหลังเดิมอีกครั้งเมื่อ 3 ปีก่อน ในช่วงที่ “อริยะ พนมยงค์” ลาออกไป
เท่ากับว่า สุรินทร์ ออกจาก ช่อง 3 ไป 3 ปี และก็กลับมาเพื่อออกอีกครั้งในระยะเวลา 3 ปีเช่นเดียวกัน !!!
โดยมิชชันหลักที่ได้รับมอบหมายในการต้อนรับการกลับมา ก็คือต้องกอบกู้ช่องให้ฟื้นคืนกำไรขึ้นมา หลังจากประสบกับปัญหาขาดทุนต่อเนื่องมาหลายปี ด้วยกลยุทธ์ Single Content Multiple Platform เพื่อเป็นการเปิดโอกาสสร้างรายได้จากทุกช่องทาง
โดยเฉพาะการพัฒนาแพลตฟอร์ม 3Plus Premium มีการเพิ่มคอนเทนต์ใหม่ ๆ ให้มีความน่าสนใจมากขึ้น
นอกจากนั้น ยังมีการจับมือกับพันธมิตร ทั้ง เอ็ม พิคเจอร์ส (M PICTURES) หรือ เอ็ม สตูดิโอ (M STUDIO) และการร่วมทุนกับ เมเจอร์ จอยน์ ฟิล์ม เพื่อผลิตภาพยนตร์ ที่ผ่านตามาแล้ว ก็คือ “บัวผันฟันยับ” และที่กำลังโกยเงินถลมทลายอย่าง “ธี่หยด”
อีกทั้งยังมีการมองหาน่านน้ำใหม่ ด้วยการลงมาลุยธุรกิจเพลง กับซิงเกิ้ลเพลงของ 2 นางเอก “แต้ว-ณฐพร” และ “โบว์-เมลดา”
และแผนฟื้นฟูในครั้งนี้ ก็สร้างตัวเลขกำไรกับ ช่อง 3 ได้ตามเป้าประสงค์
ปี 2563 (คาบเกี่ยวกับผู้บริหารคนเดิม) รายได้ 5,908 ล้านบาท ขาดทุน 214 ล้านบาท
ปี 2564 รายได้ 5,728 ล้านบาท กำไร 761 ล้านบาท
ปี 2565 รายได้ 5,151 ล้านบาท กำไร 607 ล้านบาท
ปี 2566 (ตัวเลขของ 6 เดือนแรก) รายได้ 2,219 ล้านบาท กำไร 78 ล้านบาท
วันนี้ สุรินทร์ ตัดสินใจปล่อยวางทั้งความสำเร็จ และความกดดันที่เคยแบกไว้บนบ่า ให้เป็นภารกิจของผู้นำคนใหม่ ที่ยังไม่รู้ว่าจะเป็นใคร รับหน้าที่นั้นต่อไป !!!!!
ผู้จัดการ 360 องศาสุดสัปดาห์ ฉบับ 11-17 พฤศจิกายน 2566