“เพ็ชร ฐกฤต” เผยลงทุนทำสวนไปหลักล้าน ทำมา 3 ปีมีช่วงที่พืชผลตาย น้ำท่วม ท้อไปบ้าง บอกกับตัวเองว่ากูมาทำอะไรที่นี่ แต่ดีที่ได้ “มายด์ ฑาริกา” แฟนสาวคอยช่วยเตือนสติ เผยตอนนี้ยังต้องรออีก 3 ปีกว่าผลผลิตจะนำออกมาขายได้ เล็งทำรีสอร์ตและสร้างบ้านเพิ่ม อีก 3 ปีค่อยวางแพลนเรื่องแต่ง
เชื่อว่าหลายคนคงแทบไม่เชื่อว่าพระเอกหนุ่ม “เพ็ชร ฐกฤต ตวันพงค์” จะผันตัวเองมาเป็นชาวสวน ทำการเกษตรได้ ซึ่งขนาดเจ้าตัวเองยังยอมรับว่าไม่เคยคิดว่าจะทำได้มาก่อน แต่เพราะได้แฟนสาว “มายด์ ฑาริกา อินสุวรรณ์” ที่คอยบอก คอยแนะนำ ทำให้ตนมีความตั้งใจทำสวนมาได้กว่า 3 ปีแล้ว แม้จะท้อไปบ้าง แต่ผ่านช่วงเครียดมาแล้ว ตอนนี้ถือว่าอยู่ตัวมากขึ้น
"ตอนนี้ก็เริ่มโตขึ้นเรื่อยๆ แล้ว พวกต้นไม้ ไม้ผลที่เราทำกันมา 3 ปีกว่าแล้วตั้งแต่โควิดแรกๆ เลย ตอนนี้ก็เริ่มโตมีผลผลิตบ้างแล้ว ตอนนี้พื้นรวมๆ ประมาณ 10 ไร่ จากเมื่อก่อน 6 ไร่ สโคปมันกว้างขึ้น การดูแลก็เพิ่มขึ้น มีทั้งสวน มีน้องหมา 4-5 ตัวที่เก็บมาเลี้ยง แล้วอนาคตก็จะทำเป็นรีสอร์ต คาเฟ่ ที่จัดงานสัมมานา งานวิวาห์ด้วย ตอนนี้คือให้ต้นไม้โต รอจัดสวน จะเป็นสวนแนวอังกฤษครับ อุปสรรคก็มีบ้างครับ เป็นในเรื่องของไม้ผลมากกว่า เราดูแล้วบางอย่างปลูกยาก อย่างทุเรียน เงาะ บางทีโตแล้วก็ยืนต้นได้ ที่ดีสุดก็น้อยหน่า มะม่วง มะพร้าว ลำไย ลิ้นจี่ได้อยู่ คือเราก็ยังไม่รู้ว่าเพราะอะไร อาจจะดิน ร้อน แห้งแล้ง บางทีก็เหนื่อยท้อเหมือนกัน เราตั้งใจปลูก แต่พอมันตายก็ตายเยอะครับ ช่วงที่ฝนตกหนักน้ำท่วมขังก็ตายเยอะ
มูลค่าเสียหายก็ไม่เยอะเท่าไหร่ แต่เรานับเป็นราคาไม่ได้ มันเป็นความสุขของเราด้วย คือพอมันตายไปก็เป็นบทเรียน ประสบการณ์ของเราที่ต้องมานั่งแก้ไข ว่าต้องปรับเปลี่ยนยังไง ถ้าดินมันแข็งเกินไปเอามูลสัตว์มาใส่ไหม แล้วคลุกให้มันเข้ากัน"
บอกลงทุนเป็นหลักล้าน เคยคิด “มาทำอะไรที่นี่วะ”
"ก็ 7 หลักเหมือนกัน คำนวณก็ 2-3 ล้าน คร่าวๆ นะ ต้นไม้ก็เยอะ ซื้อไม้ล้อมก็เยอะ ปรับพื้นที่ทำถนน กั้นรั้วใช้เงินเยอะ แต่มันก็คือระยะยาวที่เราต้องรีบทำ รีบลงทุนตั้งแต่ตอนนี้ที่เรายังมีกำลังอยู่ ส่วนน้องมายด์จริงๆ เขาเป็นผู้นำนะ เราเป็นผู้ตาม ในเรื่องของความเชี่ยวชาญ เขาจะเก่งในเรื่องของไม้ผล การตอนกิ่ง เสียบกิ่ง ขยายกิ่ง เพาะพวกไม้สวน ไม้ดอก น้องมายด์ทำเองหมด เขาก็เรียนรู้จากที่บ้านเขาทำสวนเหมือนกัน แต่ก็เรียนรู้เพิ่มเติมจากยูทิวบ์การเกษตรอะไรแบบนี้ เพ็ชรแรกๆ ก็ไม่เป็นอะไรเลย เริ่มจากศูนย์ น้องมายด์ก็ศูนย์ แต่เขาจะเก่ง จะหัวไวกว่า เขาทำได้ทุกอย่างจริงๆ
จริงๆ ในหัวเพ็ชรไม่มีเลยเรื่องการทำสวน ไม่เคยคิดด้วยซ้ำ แต่พอโควิดเข้ามา เราเปลี่ยนความคิด น้องมายด์ก็เริ่มมาคุยว่าพี่ลองไปหาซื้อที่ลองทำสวนไหม เราก็กลัวว่าจะทำไหวเหรอ เพราะเกษตรมันเหนื่อยมากๆ จนมาลองดูที่ทางที่ชัยนาทก็ได้ที่มา ลองทำก็เอาเรื่องเหมือนกัน เหนื่อยเหมือนกัน ช่วงแรกๆ เครียดมาก นั่งคิดกับตัวเองว่านี่กูมาทำอะไรที่นี่วะ (หัวเราะ) คือมันมีจิตสองจิตที่เถียงกันอยู่ คือมันจะมีภาพแรกๆ ของเราอยู่ที่แบบตัดหญ้าทั้งแปลงเลย 6 ไร่ ตัดเองหมดเลย นั่งเหนื่อยมาก โคตรเหนื่อย เป็นอาชีพที่เหนื่อยจริงๆ ร้อนด้วย คิดว่าเรามานั่งทำอะไรที่นี่วะ แต่พอมันผ่านจุดนี้ไปได้มันเหมือนปลดโซ่ตัวเอง ปลดความกลัวความกังวลของตัวเอง"
บอกยอมเมียแล้วจะเจริญ
"น้องมายด์เป็นคนเริ่ม น้องมายด์เป็นคนดึงเพ็ชรขึ้นมาจากตม จากโคลนดำๆ เลย น้องมายด์เป็นคนออกแบบเองหมด แต่เพ็ชรจะเป็นคนทำ วางผังเอง เดินท่อน้ำเอง ทุกอย่างเพ็ชรทำเอง เราจะได้รู้ครับ เราบริหารเองทำเองจะได้รู้ ถ้าเรามีคนสวนเราจะได้บอกเขาได้ถูก ว่าทำยังไง ปลูกยังไงให้มันเติบโต น้องมายด์เขาบอกแบบนี้ เขาจะใช้สมอง ส่วนเราจะเป็นแขนขาให้เขา ถ้าเราใช้สมองด้วยจะตีกัน มีแค่คนเดียว เราให้เขานำ
ก็ตามสุภาษิต ถ้ายอมเมียก็เจริญทุกคน ก็เห็นผล เห็นเลย มันทำให้เราโตขึ้น มีเป้าหมายที่ชัดเจนขึ้น คืออายุเราก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เราต้องคิดระยะยาวอนาคต เราต้องวางแพลนยังไงกับชีวิตตัวเอง เกษียนเราจะไปอยู่ที่ไหนทำอะไร แต่ช่วงที่คิดว่ามาทำอะไรที่นี่ก็มีอยากเลิกเหมือนกัน มานั่งคิดคนเดียวนะ ไม่กล้าคุยกับน้องมายด์ คือความตั้งใจเขาเราก็ไม่อยากหักหาญน้ำใจเขา น้ำเชี่ยวอย่าเอาเรือไปขวาง ไม่งั้นเรือจะล่มหมด ด้วยความที่เขาหวังดี เราก็สู้ ทำดู"
เผย “มายด์” เป็นคนแนะแนวทางชีวิตให้ ทำให้มีวันนี้ได้
"ถามว่ากลัวไหม ก็นิดนึง เอาเพ็ชร ฐกฤต อยู่ก็สุดยอดแล้วครับ ชีวิตมันก็ผ่านจุดนั้นมาแล้ว เราก็ปรับเปลี่ยนชีวิตใหม่ โตขึ้น มายด์เซ็ตเราก็เปลี่ยน ตอนวัยรุ่นเราก็ใช้ชีวิตให้คุ้มไปเลย แต่ ณ จุดนี้เราก็เปลี่ยนตัวเอง เขาคอยตบให้เข้ากรอบ เขาไม่ได้พูดอะไรมาปั้งเดียว เขาจะมีจิตวิทยาในการพูด เขาจะบอกว่าพี่ต้องทำแบบนี้นะ พี่ต้องเป็นแบบนี้นะ พี่ต้องคิดได้แล้วนะเผื่ออนาคตถ้าพี่แก่ตัวขึ้น เบื่อจากวงการ พี่ไปทำโน่นก็ยังมีที่รองรับ มีสวนของตัวเอง มีคาเฟ่ พี่ก็นั่งจิบกาแฟกินสบายเลย คือเขาจะคอยบอกคอยตบให้เข้าเฟรมตลอด แต่เราก็ไม่ได้รู้สึกฝืนนะ ว่าทำไมต้องมาทำตามด้วย แต่พอเราคิดไลฟ์สไตล์ความคิดเราเหมือนกัน มันเลยไปด้วยกันได้ ศีลเสมอกัน
ถ้าสมมติว่าวันนี้ไม่มีน้องมายด์ อาจจะเละเทะ (หัวเราะ) เพ็ชรเลิกปาร์ตี้ตั้งแต่ 28 ตั้งแต่เริ่มมาคบกับน้องมายด์ ตอนนี้ก็ 34 แล้ว เขาไม่ได้ขอนะ แต่เราเหนื่อยที่จะปาร์ตี้ ถึงเวลาที่เราจะปรับเปลี่ยน ทำงานเราก็แฮปปี้ ไปสวนก็อยู่กับตัวเอง ด้วยอายุของมันมากกว่า ตอนนี้ก็ลงตัวหมดครับ แต่ตอนนี้ผลไม้ยังไม่ได้เริ่มขาย เพราะมันเพิ่งเริ่มโต อย่างต่ำก็อีกสัก 3 ปี กำลังสวยเลย รอให้ต้นไม้เริ่มโตก่อน ตอนนี้ก็ทำสวนสนด้วย แล้วเดี๋ยวเราจะปลูกบ้านอีก 3 หลัง เป็นบ้านไม้สัก เหมือนยุโรปต่างประเทศ เป็นรีสอร์ตครับ รองรับคนที่เลี้ยงหมาแมวด้วย"
วางแพลนอีก 3 ปี อายุ 37 ค่อยดูเรื่องแต่งอีกที
"ทีแรกที่วางกันไว้ว่าจะแต่งอีก 3 ปี แล้วมันติดช่วงโควิด ทุกอย่างมันคลาดเคลื่อนหมดเลย ก็เลยไปเช็กหมอดูอีกรอบ เขาบอกว่าอย่าเพิ่งแต่ง รอให้ 37 ก่อน อีก 3 ปี ว่าดวงชะตามันจะเปลี่ยนอีกหรือเปล่า ตอนนี้ยังไม่มีแพลน น้องมายด์ก็ไม่ซีเรียส พร้อมเมื่อไหร่แต่งเมื่อนั้นก็ได้ ก็ไม่เคยคิดเหมือนกันว่าชีวิตจะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ จากผู้ชายวัยรุ่นที่เต็มที่ เที่ยวเต็มที่ ปาร์ตี้เต็มที่ พอถึงจุดนึงชีวิตมันก็ต้องเปลี่ยน เราก็นิ่งขึ้น จะทำอะไรคิดรอบคอบมากขึ้น ก็เป็นไปตามอายุของมัน คนข้างตัวด้วยที่เขาคอยซัปพอร์ตเราตลอด น้องมายด์ดึงสติเราตลอด แต่เราก็ไม่เคยหลุด
ส่วนเรื่องขายบ้าน คือตอนนี้มีหลายหลังมาก ที่สวน 2 หลัง กรุงเทพฯ 2 หลัง บ้านน้องมายด์ แล้วก็บ้านเพ็ชรมันใหญ่การดูแลมันเหนื่อย เลยต้องปล่อยหลังนึง เพราะใจเพ็ชรกับน้องมายด์เราอยากมีซื้อที่เอง ออกแบบบ้านเอง อยากให้มีพื้นที่กว้างๆ ไม่ไปรบกวนข้างบ้าน เผื่อหมาเห่า หลักๆ ประเด็นที่อยากปล่อยบ้าน เพราะมันเยอะมาก ซึ่งตอนนี้เพ็ชรก็อยู่บ้านกับน้องมายด์ คือบ้านมี 2 หลัง เลยอยากเคลียร์หลังใหญ่ก่อน
ไม่ได้ร้อนเงินครับ แต่ว่าอยากขายให้เร็วที่สุด เพราะค่าใช้จ่ายหลายหลังแล้วมันเยอะ การดูแลไม่ทั่วถึงครับ ถามว่าใจหายไหม คือเพ็ชรไม่ได้ยึดติดกับวัตถุ เราสร้างใหม่ได้ อันไหนที่มันแบกแล้วเหนื่อย เราก็ปล่อยวาง ตอนนี้เราอยากได้ที่กว้างๆ ในกรุงเทพฯ มากกว่าครับ"