“มาริสา” คลำเจอซีสต์ที่หน้าอก ผ่าตัดออกพร้อมซิลิโคน เตือนผู้หญิงวัย 30+ ควรไปตรวจเต้านม รู้เร็ว รักษาเร็วยิ่งดี คุยสามีตกลงไม่มีลูก เพราะสังคมและสิ่งแวดล้อมไม่เหมาะสม ไม่เหมือนสมัยตนที่อยู่กับธรรมชาติ ตอนนี้เลี้ยงหมา 3 ตัวก็แย่แล้ว
ถอดสายน้ำเกลือมาทำงานแบบสวยๆ สำหรับนักแสดงสาว “มาริสา อานิต้า” ที่วันนี้ (1 พ.ย.) ต้องพันหน้าอกมาร่วมงานบวงสรวงละคร มนตราฟ้าฟื้น ที่ช่อง 7 หลังเพิ่งไปแอดมิตผ่าตัดซีสต์ที่เต้านมมาหมาดๆ โดยงานนี้เจ้าตัวได้เผยสัญญาณเตือนก่อนเจอก้อนเนื้อให้ฟัง พร้อมแนะนำผู้หญิงวัย 30+ ว่าควรไปตรวจเต้านม
“ไปผ่าซีสต์ในหน้าอกค่ะ แล้วก็เอาหน้าอกส่วนที่ไม่ได้ใช้แล้วออกทั้งหมด คือมันมีก้อนอยู่ในหน้าอก เลยรู้สึกกังวลนิดหนึ่ง ก็เลยไปตรวจ คุณหมอเลยแนะนำว่าให้ผ่าออกหมดเลยทีเดียว ส่วนเป็นเนื้อร้ายหรือเปล่าตอนนี้ยังไม่รู้ ส่งไปตรวจอยู่ว่ามันเป็นเนื้ออะไร แต่ตอนนี้คลีนออกหมดแล้วค่ะ จริงๆ ตอนแรกไม่ได้สังเกต ก็อาบน้ำปกติ ทาครีม วันนั้นก็ไม่รู้นึกอะไร นวดยกกระชับซะหน่อย อายุเยอะแล้วก็นวดนิดหนึ่ง ก็รู้สึกว่ามันแปลกๆ แล้วบังเอิญว่าละครปิดกล้องแล้ว ก็เลยไปตรวจซะเลย เพราะว่าช่วงนี้เราก็อยู่ในช่วงที่เบรกอยู่ ก็ไปจัดการดูให้เรียบร้อย ก็เอ้า คุณหมอบอกว่ามันเป็นก้อนเนื้อนะเอาออกไหมเก็บไว้เราก็ไม่รู้ว่ามันจะแตกตัวหรือเปล่าหรือเป็นก้อนอะไร เพราะถ้าอัลตร้าซาวด์เอ็กซเรย์มันจะเห็นไม่ชัด ก็เลยโอเคเอาออกไปเลยแล้วกัน เลยมีจังหวะว่าละครได้ออกอากาศพอดี มันก็เลยชนจังหวะตรงนี้พอดี”
ไม่กังวลเพราะคนเป็นกันเยอะ
“จริงๆ ไม่ได้กังวลนะ เห็นว่าคนเป็นกันเยอะ บางคนก็เป็นที่มือหรืออะไรแบบนี้ ก็เลยรู้สึกว่ามันไม่ได้มีอะไรน่ากังวล แต่ว่าในเมื่อคุณหมอบอกว่าให้เอาออก ก็โอเคเราก็เชื่อหมอ ไม่ได้คิดอะไรมาก ว่ามันจะต้องเป็นเนื้อร้ายหรือไม่ร้าย ในเมื่อคุณหมอบอกว่ามันเรียบร้อย ก็โอเคเราก็รู้แค่นั้นพอ ถามว่ามีสัญญาณก่อนไหม มันก็เคยมีบ้าง บางทีมันตึงๆ แต่เราก็คิดว่า หรือเพราะเราออกกำลังกาย หรือทำงานหนักแล้วมันก็เหนื่อย ซึ่งเราก็ไม่ได้สนใจอะไรกับมันมาก คุณหมอก็ไม่ได้วินิจฉัยว่ามันเกิดขึ้นจากอะไร แต่เขาก็บอกว่ามันเกิดขึ้นได้ มันก็คล้ายๆ คนที่เป็นซีสต์ตามมือเป็นเหมือนถุงน้ำ”
ไม่หาข้อมูลในโซเชียลเพิ่มเพราะกลัวเป็นบ้า หมอบอกชิลก็ชิลตามหมอ
“เป็นคนไม่อ่าน เพราะกลัวบ้า กลัวคิดไปเอง ก็เลยตัดสินใจว่าจะไม่เสิร์จข้อมูลอะไรเพิ่มเติม เอาแค่ที่คุณหมอบอก แล้วตอนที่ไปตรวจ คุณหมอก็หน้าชิลมาก สบายๆ ง่ายๆ ก็ถ้าคุณหมอบอกสบายๆ เราก็สบายๆ ค่ะ เพราะว่าคุณหมอที่ดูให้ เขาก็เชี่ยวชาญกับโรคมะเร็งเต้านม แล้วก็หมอก็น่าจะให้ข้อมูลเราดีที่สุด ดีกว่า Google เพราะว่า Google ถ้าเราเข้าไปอาจจะเป็น A B C D เราก็จะกลายเป็นอีบ้า (หัวเราะ)”
ไม่รู้ก้อนใหญ่ไหม แต่เอาออกไป 2 ก้อน
“บอกไม่ถูกเลย เพราะว่าไม่เห็นค่ะ บอกหมอไม่อยากดูกลัวเรากลัว แต่เจอสองก้อน สองฝั่ง แต่ฝั่งขวาเล็กๆ คือคุณหมอบอกว่าบางทีมันก็เป็นที่ฮอร์โมนด้วย ด้วยอายุที่มันมากขึ้น บวกกับไลฟ์สไตล์ในการใช้ชีวิต คือต้องยอมรับว่าอาชีพแสดง มันใช้ชีวิตไม่เหมือนปกติกินไม่เป็นเวลา นอนไม่เต็มที่ มันก็เป็นตัวกระตุ้นได้หมด แล้วก็ฮอร์โมนผู้หญิง ที่มันเปลี่ยนไปหลัง จากที่อายุ 35 มันก็จะมีอะไรบางอย่างที่มันเปลี่ยนแปลงไป”
หลังผ่าตัดยังไม่มีเอฟเฟกต์ กลัวอย่างเดียวคือกลัวนมเหี่ยว
“กลัวนมเหี่ยวค่ะ (หัวเราะ) กลัวความหย่อนคล้อย คือเราเคยทำศัลยกรรมหน้าอก เอาเข้าไปแล้วเราก็เอาออกมาพร้อมซีสต์ไปด้วยเลยทีเดียวถามว่าเกี่ยวกับการทำหน้าอกไหม คุณหมอบอกว่าอันนั้นไม่เกี่ยว คือคนที่ทำศัลยกรรมหน้าอก แล้วเป็นซีสต์หรือมะเร็ง จะไม่ได้เกิดขึ้นจากการศัลยกรรมหน้าอก เพราะว่าเราศัลยกรรมมาแล้ว 20 ปีแล้ว
เอาหน้าอกออกแล้วสบายตัวขึ้น
“ก็โอเคนะ มันก็สบายตัวขึ้น แล้วเราก็สบายใจตรงที่ไอ้ก้อนต่างๆ ที่มันเกิดขึ้นมาหายไปมากกว่า ในเรื่องของสรีระอาจจะไม่ใช่ปัจจัยสำคัญในการใช้งานแล้ว คือภาพลักษณ์ของสามันเปลี่ยนไปตามวัย เดี๋ยวนี้เราก็ไม่ได้แบบ…(ทำท่าเซ็กซี่) มันก็เป็นธรรมชาติของมันไป สาว่าก็โอเคแล้ว เป็นธรรมชาติของมัน ตอนนี้ใส่ผ้ากระชับอยู่ ก็เลยไม่รู้สึกว่ามันแตกต่างขนาดไหน เพราะว่าเพิ่งไปผ่ามาเมื่อวานตอนเย็น”
แนะผู้หญิงวัย 30+ ควรตรวจสุขภาพเต้านม รู้เร็วรักษาเร็วยิ่งดี
“ตื่นเช้ามาก็ อ้าว นมเล็กเชียว (หัวเราะ) นิดหนึ่ง แต่นอกนั้นก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันแตกต่างหรืออะไรเลย คนรอบข้างก็ยังไม่มีใครพูดอะไร เพราะว่ามันเพิ่งไปเอาออกเมื่อวานตอนเย็นเอง ก็ยังไม่มีคนทักว่ามันเปลี่ยนแปลงไปมากมายขนาดไหน คือมันก็เป็นความผิดพลาดของเราด้วย ที่เราก็ไม่เคยตรวจเมมโมแกรมเต้านม ก็โดนหมอว่าอยู่เหมือนกันว่าผู้หญิงวัยนี้ วัย 30 ขึ้นไปแล้ว ต้องตรวจสุขภาพเต้านม ต้องตรวจเลยเพราะว่ามันสำคัญมากๆ แล้วยิ่งรู้เร็ว เจอเร็ว มันก็จะยิ่งรักษาได้เร็วขึ้น แต่ว่าการใช้ชีวิตไลฟ์สไตล์ต่างๆ ก็เหมือนเดิมค่ะ ไม่เปลี่ยนไป”
ไม่ถึงกับต้องโละตู้เสื้อผ้า เพราะตอนแรกก็ไม่ได้ใหญ่ขนาดนั้น
“เฮ้ย เมื่อก่อนมันก็ไม่ขนาดนั้น (หัวเราะ) เมื่อก่อนมันก็ไม่ได้ใหญ่ขนาดนั้น มันก็ไม่ได้ขนาดนั้น มันก็ไม่ได้มากมาย ไปตามกาลเวลา (โละชุดว่ายน้ำ?) ไม่ถึงขนาดนั้นที่มีอยู่ก็ใส่ได้”
ตัดช้อยส์เรื่องมีลูก เลี้ยงหมา 3 ตัวก็แย่แล้ว
“อ๋อ ไม่ได้มีลูกอยู่แล้วค่ะ ตอนนี้ก็มีหมาสามตัวก็แย่แล้วค่ะตัดช้อยส์เรื่องมีลูกแล้วค่ะ”
สังคมและสิ่งแวดล้อมไม่อำนวย อยากให้ลูกได้อยู่กับธรรมชาติเหมือนสมัยตัวเอง
“สังคมและสิ่งแวดล้อมค่ะ สาว่าสังคมและสิ่งแวดล้อม ไม่ค่อยเหมาะกับการมีลูก มันดูแลยาก ทั้งเรื่องสภาพเศรษฐกิจและมนุษย์ โดยรวมจิตใจคน สามองว่าไปเรียน มันเหมือนเป็นการแข่งขัน คือเพื่อนๆ สาลูกๆ เขาเรียนโรงเรียนอินเตอร์ มันก็จะเป็นเรื่องของการแข่งขัน แม่ต้องแบรนด์เนม คือสามองว่าอยากให้เด็กเติบโตเหมือนรุ่นสา ที่วิ่งเล่นในทุ่ง ที่มีความเป็นธรรมชาติมากกว่านี้ แต่สังคมปัจจุบันไม่ได้เปิดโอกาสให้เด็กได้เรียนรู้ในธรรมชาติจริงๆ แต่ถ้าไปอยู่ต่างประเทศ มันก็มีโอกาสที่เขาจะได้เรียนรู้ธรรมชาติ จริงๆ เคยคิดที่จะมี แต่ถ้าเราปักหลักอยู่ที่นี่ สาว่ามันยังไม่เหมาะสมเท่าไหร่ เราไม่สามารถปล่อยลูกขี่จักรยานไปโรงเรียนได้ด้วยเอง อันนี้ปั่นไปไม่รู้ใครจะมาอุ้มลูกฉันไปหรือเปล่า”
คุยกับสามีเข้าใจว่าไม่มีลูก
“ก็คุยตกลงกับแฟนเกือบ 2 ปีค่ะ ว่าเอายังไงดี คือสามีบอกว่ามีก็ได้ ไม่มีก็ได้ แล้วแต่ แต่เขาอยากคิดให้ตกว่าจะเอายังไง จะได้วางแผนใช้จ่ายได้เต็มที่ ถ้ามีลูกต้องกั๊กส่วนหนึ่งเอาไว้ แต่ตอนนี้ทำงานมาก็เต็มที่เลย ใช้ชีวิตเต็มที่ ทำงาน เที่ยว แล้วเงินเก็บก็ส่วนหนึ่งค่ะ”