“อุ้ม ลักขณา” คัมแบ็กแล้ว อัปอึ๋มทวงคืนบัลลังก์ความเซ็กซี่ โวยัดตู้มแล้วปัง มั่นขึ้น ตัวจริงต้องแบบนี้ แบนๆ เหี่ยวๆ ยานๆ ไม่ใช่เรา แจงทำไมต้องฝังชิปที่ซิลิโคน ลั่นไม่มีใครด่าแล้วหลังชี้แจงใส่ชุดซีทรูไปสระว่ายน้ำ ไม่ได้เดินห้าง ทำตัวน่าเกลียด ชัดเจนไม่มีโมเมนต์เราสองคนกับ “บอล กฤษณะ” อีกแล้ว
ยัดอึ๋มกลับมาทวงบัลลังก์สายแซบอีกครั้ง สำหรับ “อุ้ม ลักขณา วัธนวงส์ศิริ”ล่าสุดเจ้าตัวเผยในงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ Aurmea Beauty Face Cream (ครีมเคลียร์ฝ้าออร่ามี) Pearl Bangkok อารีย์ พหลโยธิน กรุงเทพฯ ลั่น อุ้ม ลักขณา ของจริงต้องเป็นแบบนี้!
“คัมแบ็กแล้วค่ะ ต้องกลับมาทำงานทำการ กลับมาทวงบัลลังก์ ก็ไม่รู้ว่าจะทวงได้อยู่รึเปล่า ก็ไปอัปอึ๋มมาเรียบร้อยแล้วค่ะ คราวก่อนคือเอาออกไปเลย คราวนี้ใส่ใหม่ก็เลือกที่เล็กลงกว่าเดิม ตอนแรกอุ้มใส่ 325 ซีซี ซึ่งมันใหญ่มาก ตอนนั้นคือมันหนัก มันจะดูโป๊ ดูตัวหนาๆ เซ็กซ์ซิมโบลไปเลย เอาออกไปไม่มีซิลิโคนมาเกือบปี ตอนนั้นก็คิดว่าคงไม่มีอีกแล้ว คงไม่กลับมาทำ แต่พอกลับมาทำก็ปรึกษาคุณหมอ อยากได้แค่ใส่เสื้อผ้าสวย เมื่อก่อนใส่เกาะอกไม่ได้เลย มันจะฟุบไม่หมดเลย แต่ตอนนี้กลับมาเกาะอกได้แล้ว ใส่แค่ 250 ซีซี
รอบนี้มันพิเศษที่มีการฝังไมโครชิปที่ซิลิโคนแล้วค่ะ เราก็ไม่เคยรู้มาก่อน เพราะตอนเราทำก็รุ่นโบราณ ซิลิโคนมันจะไม่ได้มีบอกยี่ห้ออะไร แต่รุ่นใหม่เราใช้ซิลิโคนแบรนด์ของฝรั่ง เขาจะมีการฝังชิปลงไปที่ซิลิโคน เพื่อที่ว่าเราสามารถจะไปทำที่ไหนก็ได้ในโลกใบนี้ สมมติเราจะไปหาหมอเมืองนอก แล้วถ้าคุณหมออยากจะรู้ประวัติของเราว่าเราทำซิลิโคนมาแบบไหน รุ่นไหน ไซส์อะไร เขาก็ใช้แค่เครื่องสแกน ก็จะเห็นข้อมูลเราหมดเลยว่าเราใส่ซิลิโคนมากี่ซีซี ทำมากี่ปีแล้ว เขาจะรู้รายละเอียดหมด เหมือนผลิตภัณฑ์ที่มีคิวอาร์โค้ด แต่อันนี้คืออยู่ในนมของเรา มันก็ง่ายต่อการทำงานของแพทย์ทั่วโลก เขาก็จะมีแอปฯ เกี่ยวกับเรื่องของซิลิโคนเป็นเรื่องเป็นราวเลย”
เพิ่งทำ 2 อาทิตย์ นมยังชาและเจ็บ แต่ขับรถแล้ว
“เพิ่ง 2 อาทิตย์เอง มันก็ยังชาอยู่ นมชาอยู่ข้างนึง ยังเจ็บอยู่ แต่ก็แอบขับรถแล้วนะ เราก็ต้องเป็นสาวสตรอง แต่เราก็ต้องพยุง แต่คือเราชินกับการโล่งโจ่งไม่มีอะไรมากกว่า เราลืมไปหมดแล้วไง พอเรากลับมามีเราก็ต้องมารื้อความทรงจำใหม่ว่ามันจะต้องดูแลตัวเองยังไงนะ เราต้องระวังเพราะเรามีลูกน้อย แล้วเขาไม่ได้ระมัดระวังให้เราไง เตะบ้าง ตีบ้าง มาโดนบ้าง มากอด เราก็ต้องคอยระวัง”
อุ้ม ลักขณา โนแบน เหี่ยว ยาน ดูมๆ แล้วปัง เป็นจังหวะชีวิต
“อุ้มว่ามันเป็นจังหวะชีวิตมากกว่า เรากลับมาทำงาน เราก็ควรจะกลับมาในพาร์ตที่เราดูดีขึ้น ก็เหมือนจังหวะงานมันก็เข้ามา ก็รู้สึกว่ามันน่าจะเป็นจังหวะชีวิตที่ดี ที่อะไรๆ มันค่อนข้างลงตัว แต่ก็ต้องมีการบาดเจ็บเพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์เกิดขึ้น อุ้มก็คือถือเคล็ดเลย เราเป็นสายมูตัวแม่อยู่แล้ว ก่อนทำก็คือต้องปรึกษาอาจารย์ที่เรานับถือว่าเราควรจะต้องทำวันไหน ฤกษ์เวลากี่โมง ต้องให้เป๊ะ ก็คิดว่าน่าจะเกี่ยวด้วยนะคนอาจจะเห็นว่าเราสวยขึ้น พุ่งขึ้น ปังขึ้น
เราเองก็รู้สึกว่านี่สิ อุ้ม ลักขณาต้องอย่างนี้ มันต้องเซ็กซี่ เธอจะมานมแบน เหี่ยวๆ ยานๆ มันไม่ใช่อุ้มตอนนี้เราก็รู้สึกว่าเรามั่นใจขึ้น เพราะตอนที่เราไม่มีเต้า เราไม่คิดว่าเราจะกลับมาทำงานแล้วไง เราจะรู้สึกเฉยๆ มากเลยกับการไม่มีนม เรารู้สึกว่าใส่เสื้อผ้าไม่สวยก็ไม่เป็นไร อยู่ไปตามสังขารตัวเองแล้ว ณ ตอนนั้น แขวนเต้าจริงๆ แต่พออะไรที่ทุกอย่างมันเปลี่ยนไป เราต้องกลับมาทำงาน หาเงิน เราก็ต้องทำตัวเองให้เป็นเวอร์ชั่นที่ดีที่สุดเพื่อให้ตัวเองมีความมั่นใจทำงานได้ดี เราไม่ได้ทำใหญ่จนน่าเกลียด น่ากลัว เราก็ทำแบบสวยๆ”
เซ็กซี่ต้องมีลิมิต บอกลูกยังแซว สวยแบบนี้ ผู้ชายหล่อต้องจีบ
“ทุกอย่างมันต้องมีลิมิตอยู่แล้ว น้องดิสนีย์เกิดและโตมากับการดูแลเลี้ยงดูของเรา เราสอน เราแต่งตัวนี่ลูกเห็นนะ ลูกช่วยเลือก ช่วยคิด ทุกอย่างเราสอนลูกหมดว่าชุดนี้เราควรใส่แบบไหน กาลเทศะต้องแบบไหน ฉะนั้นการทำงานก็เหมือนกัน เขาเป็นเด็กที่เข้าใจมากว่ามันเป็นเรื่องของการทำงาน แล้วเขาก็ซัปพอร์ตเรามากๆ อย่างเมื่อวานขออนุญาตลูกออกไปข้างนอก ขออนุญาตแต่งตัว เขาก็บอกม๊าสวยมากๆ ต้องมีผู้ชายหล่อๆ มาจีบแน่ๆ เลย เขาก็เชียร์อัป เราก็ต้องมีลิมิต เพราะเราเองก็เลข 4 แล้ว เราก็ต้องพิจารณาตัวเองด้วย แต่ไม่มีคนจีบเลย โล่ง”
เผยไม่คิดว่าจะโดนดรามาหนักใส่ชุดซีทรู จูงมือลูก แต่พอชี้แจง คนเข้าใจผิดก็เข้ามาขอโทษ ไม่ติดใจ ไร้คนด่าแล้ว
“อันนั้นคือเป็นชุดที่เราเดินริมสระว่ายน้ำ พอมันเกิดดรามาขึ้นเราก็ได้แจ้งไปแล้ว ตัวอุ้มไม่คิดเลยว่าจะมีดรามาหนักมาก เพราะตัวอุ้มเองเราดูสถานที่ที่เราไป เราไปโรงแรมที่เป็นโรงแรมส่วนตัว บริเวณที่อุ้มถ่าย คือสระว่ายน้ำกลางโรงแรม มีคนนอนอาบแดด ว่ายน้ำกัน อุ้มกำลังเดินไปที่ห้อง ซึ่งระหว่างทางจะมีร้านอาหาร เราก็มอง เล็งแล้วว่าเราใส่ชุดว่ายน้ำลงมาได้ แต่เราไม่ได้จะใส่บิกินี่ เราใส่ชุดคลุมซีทรู
เราก็ได้อธิบายไปแล้วว่านี่คือสระว่ายน้ำนะคะ เราลงมาถ่ายรูปเล่นกับลูกริมสระว่ายน้ำ แต่เราก็ไม่ได้อธิบายไปหมดว่าเสร็จแล้วเราจะต้องถอดชุดเพื่อไปใส่เล่นน้ำ เปลี่ยนชุดเพื่อไปกินข้าว อุ้มก็ไม่ได้อินดีเทลขนาดนั้น มันเลยกลายเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน พอเขาได้ทราบในสิ่งที่เราพูด ทุกคนก็เข้าใจ ทุกคนไม่ได้ด่า จริงๆ ก็ไม่คิดว่าจะเป็นดรามาเพราะตัวอุ้มเองใส่ชุดซีทรูบ่อยมาก
ส่วนเรื่องที่บอกว่ามีลูกด้วย ปกติอุ้มก็ถ่ายรูปกับน้องทุกครั้ง ถ่ายกับน้องตลอดเวลา เราจะมีซีนถ่ายกับน้องในชุดว่ายน้ำตลอด ไปย้อนคลิปเก่าๆ ได้ เราใส่และถ่ายเป็นเรื่องปกติ แต่ที่ดรามาเพราะเขาเข้าใจผิดว่าเป็นห้าง คนเข้าใจผิดว่าอุ้มไปเดินห้างด้วยชุดซีทรูกับลูก ตำนานใหม่ใส่ชุดซีทรู ข้างในเป็นบิกินี่เดินห้างกับลูกก็เลยกลายเป็นดรามา แต่พอเราอธิบายไปแล้วว่าสระว่ายน้ำโรงแรม ก็มีคนเข้ามาขอโทษเยอะที่เข้าใจผิด อุ้มไม่ติดใจอุ้มเข้าใจคนเรามีทั้งคนชอบและคนไม่ชอบ มีทั้งคนที่วิจารณ์ดี วิจารณ์ไม่ดี เราเป็นคนสาธารณะเราต้องรับได้ในสิ่งที่คอมเมนต์มันจะเกิดกับเรา เราก็ไม่อะไร ปล่อยผ่าน และชี้แจงไป เขาก็ลบที่เขาโพสต์ว่าอุ้มออกไปนะ เขาก็ลงเป็นคลิปที่อุ้มแถลงว่าอยู่สระว่ายน้ำ ก็เลยไม่ได้ติดใจอะไร”
อย่าตัดสินเซ็กซี่แล้วต้องเป็นคนไม่ดี
“อาจจะต้องถ่ายบริเวณรอบๆให้เห็นชัดเจนมากขึ้นว่าอยู่ตรงไหน แต่เรื่องจะต้องลดความเซ็กซี่ คือมันเป็นตัวตนของเรา เราไม่อยากให้คนมาตัดสินเราว่าผู้หญิงเซ็กซี่จะต้องเป็นคนไม่ดี อุ้มเป็นเซ็กซี่สตาร์มาตลอด เราก็อยู่มานาน ถ้าเห็นอุ้มนุ่งขาวห่มขาวอุ้มว่าอันนี้แปลก คนน่าจะไม่ชิน (หัวเราะ)
ถามว่าเราบาลานซ์ความเป็นแม่ กับความเซ็กซี่ไว้ยังไงบ้าง อย่างที่บอกว่ามันคือเรื่องของกาลเทศะที่จะไป อุ้มไม่ได้ใส่ชุดโป๊ๆ เดินกลางห้าง เข้าวัด ชีวิตปกติแต่งตัวโป๊ตลอดเวลา ไม่ใช่ค่ะ อยู่บ้านอุ้มก็โทรมๆ ใส่กางเกงช้าง เสื้อยืด จนลูกต้องไล่ให้ไปแต่งหน้าแต่งตัว ลูกสาวอุ้มชอบความสวยความงาม และเขาก็ซึมซับรับรู้ในการที่เราจะสอนหรือบอกเขา เราไปเล่นน้ำกันเราต้องใส่ชุดว่ายน้ำนะ วันนี้เราไปออกกำลังกายเราก็ใส่ชุดออกกำลังกาย วันนี้เราไปวัดเราก็แต่งตัวแบบนี้ มันเป็นการสอนและปลูกฝังเขา อุ้มไม่ได้ทำอะไรน่าเกลียด ผิดกาลเทศะ ก็คือสถานที่เป็นเหตุ ทุกคนเข้าใจผิดค่ะ มันคือโรงแรมที่มีสระว่ายน้ำส่วนตัว ไม่ใช่ห้าง ใครจะใส่บิกินีเดินรอบโรงแรมก็ตามสบายเลย”
จัดทริปเที่ยวฝรั่งเศสกับลูก ไม่ได้พักใจ อยู่ในจุดสบายใจแล้ว
“เป็นทริปสองคนแม่ลูก เราไม่เคยได้ไปเที่ยวไหนกันเองสองคนเลยแบบที่ไปไกลๆ พอดีมีเพื่อนอยู่ฝรั่งเศส แล้วอุ้มไม่เคยไปฝรั่งเศส บวกกับอยากพาลูกไปดิสนีย์แลนด์ก็เลยพร้อมไป ลองดู ไม่รู้ว่าไปสองคนจะรอดไหม ก็จะไปกัน 10 วัน ไม่ได้พักใจพักกายอะไร ณ วันนี้อุ้มอยู่ในจุดที่สบายใจแล้ว เรียกว่าเราไปใช้ชีวิตมากกว่า เราควรจะไปใช้ชีวิตได้แล้ว เราอายุขนาดนี้แล้ว ไม่รู้ว่าวันข้างหน้ามันจะเกิดอะไรขึ้น เราจะเป็นอย่างไร เราอยากใช้เวลาทุกนาทีกับลูกให้มีความสุข ฉะนั้น ณ วันนี้เราพร้อมเราก็ไป”
ชัดเจน ไม่มีโมเมนต์เราสองคนกับ “บอล กฤษณะ อมิตรสูญ” อดีตสามีอีกแล้ว
“ณ ตอนนี้เราสองคนไม่ได้พูดคุยในเรื่องของเราสองคนแล้ว ไม่ได้พูดว่าเราจะพยายาม เราจะปรับเพื่อให้เราทั้งสองคนกลับมาอยู่ในจุดเดิม เราไม่ได้มีการพูดคุยในเรื่องจุดนี้แล้ว ณ วันนี้เราพูดกันว่าเราจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด จุดตรงกลางที่เราจะทำได้คือเพื่อลูก ณ วันนี้สิ่งที่อุ้มกับเขาจะทำร่วมกันได้ก็คือเพื่อลูก ซึ่งเขาก็ทำหน้าที่ของเขาได้ดี เขาก็รับผิดชอบดูแลดิสนีย์ได้เป็นอย่างดี อุ้มก็เปิดโอกาสให้เขาได้มาหาลูก แต่ ณ โมเมนต์ของเราสองคนมันไม่มีแล้ว มีเพียงพ่อแม่ลูก”
โบ้ยถามฝ่ายชายเรื่องมูฟออน
“มูฟออนไหมต้องไปถามเขา ส่วนอุ้มก็อยู่ในฐานะของพ่อแม่ค่ะ”
![](https://w3.mgronline.com/banner/ent-banner.png)