เรื่องราว และเส้นทางชีวิตของคนบันเทิง โดยเฉพาะนักแสดง แค่หล่อ แค่สวย หรือต่อให้มีความสามารถขั้นเทพแค่ไหน ก็ไม่ได้การันตีถึงความสำเร็จ ว่าจะโด่งดังในระดับชั้นที่คนทั้งประเทศต้องหันกลับมามองหรือเปล่า !!???
เพราะสำคัญกว่ารูปสมบัติ และคุณสมบัติทั้งหมดทั้งปวงที่ว่า ก็คือเรื่องของจังหวะ และโอกาส หรือจะเรียกว่าขึ้นอยู่กับดวงของคนๆ นั้นด้วยก็ว่าได้
สำนวนที่ว่า .... อยู่ผิดที่ กี่ปีก็ไม่สำเร็จ .... ถูกพิสูจน์มาแล้วในหลายๆ กรณี
หมายรวมถึงกรณีของ “ก๊อต-จิรายุ ตันตระกูล” นี่ก็ด้วย
อย่างที่รู้ๆ กันว่า ก๊อต แจ้งเกิดในวงการจากการเป็นนักแสดงในสังกัด ช่อง 3 ตั้งแต่ปี 2553 แต่ว่าอยู่ในลำดับชั้นของนักแสดงบทรอง โดยเน้นหนักไปที่บทร้าย ซึ่งไม่ง่ายเลยที่จะทำให้บทที่คนดูทุกคนมักจะมองข้าม อาจจะถึงขนาดเกลียดเสียด้วยซ้ำ กลับเป็นบทที่ทุกคนจดจำ และให้ความสนใจ
ก๊อต ถูกวางสถานะอยู่แบบนั้น โดยไม่เคยถูกดึงขึ้นมาเป็นนักแสดงนำ กระทั่งหมดสัญญา และประกาศตนเป็นนักแสดงอิสระ
การเป็นนักแสดงอิสระก็ไม่ได้ง่ายอีกเช่นเดียวกัน เพราะถ้าไม่ได้มีฝีมือที่เจ๋งมากพอที่จะเป็นตัวเลือกแรกของผู้จัด ก็อาจจะต้องปิดประตูในเส้นทางสายนี้ไปเลยทีเดียว
แต่ไม่ใช่สำหรับ ก๊อต ที่ต้องบอกว่าเป็นการประกาศอิสรภาพที่ถูกที่ถูกเวลา เพราะเพียงก้าวเท้าออกมาจากเซฟโซน ก็ได้รับโอกาสให้รับบทเป็น “อำพน” ในละคร “กระเช้าสีดา” ของค่าย CHANGE2561 โดย “พี่ฉอด-สายทิพย์ มนตรีกุลฯ” ออกอากาศทาง ช่องวัน31 ซึ่งถ้าใครได้ดูในเวอร์ชันเดิมของ ช่อง 3 จะรู้เลยว่าบท “อำพน” คือบทสมทบดีๆ นี่เอง แทบไม่มีอะไรให้โชว์ฝีไม้ลายมือด้วยซ้ำ แต่เมื่อเรื่องนี้มาอยู่ในมือของค่าย CHANGE2561 และมีการปรับบทของ “อำพน” ให้มีน้ำหนัก และมีความสำคัญต่อเรื่องมากยิ่งขึ้น ประกอบกับละครได้รับความนิยมอย่างสูง แม้จะอยู่ในช่วงการระบาดของโควิด-19 จึงส่งให้ ก๊อต โดดเด่นขึ้นมาในระดับชั้นของนักแสดงหัวแถว มีดีกรีเป็นถึง “สามีแห่งชาติ” ในช่วงเวลาที่ละครออกอากาศ
เรียกว่าข้ามผ่านการเป็นมวยรองสมัยอยู่ช่องเดิม กลายมาเป็นตัวตึงในช่องใหม่
เคยดู ก๊อต ให้สัมภาษณ์ในรายการทีวี และพูดถึงเทคนิคการแสดงของเขา ก็ต้องยอมรับเลยว่า เขาเป็นหนึ่งในนักแสดงที่ทำการบ้านกับบทอย่างหนัก ดูได้จากแฟ้มบทที่มีการขีดเขียนด้วยลายมือ เพื่อให้รู้ว่าแต่ละซีนต้องแสดงแบบไหน แต่ละบทสนทนาต้องเว้นวรรคตอน หรือลงน้ำหนักในแต่ละคำอย่างไร
ก็ไม่แปลกที่ฉากที่ ก๊อต ต้องปะทะอารมณ์กับนักแสดงฝีมือเก๋าอย่าง “นพพล โกมารชุน” จึงสามารถรับ-ส่งอารมณ์ และโต้ตอบได้ชนิดที่ไม่ถูกฆ่าตายคาจอ
ล่าสุดก็เตรียมจะมีละครออกอากาศทาง ช่องวัน 31 อีกหนึ่งเรื่อง นั่นก็คือ “ชีวิตภาคสอง” ซึ่งก็มีโอกาสโคจรกลับมาปะทะกับ นพพล อีกครั้ง รวมทั้งยังมีนักแสดงสายดรามามาเสริมทัพอีกเพียบ โดยเฉพาะ “คริส หอวัง”
ที่สำคัญเชิงชั้นการแสดงของเขา ไมเพียงได้รับการยอมรับในระดับประเทศเท่านั้น แต่ยังเป็นที่ถูกพูดถึงในระดับเอเซียเลยทีเดียว
โดยการได้รับมอบหมายงานใหม่ที่ต้องรับผิดชอบหนักกว่าเดิม แต่ก็เป็นประสบการณ์ใหม่ที่ท้าทายความสามารถไม่น้อย นั่นก็คือการเป็น “ผู้กำกับคิวบู๊” ของภาพยนตร์จีนเรื่องหนึ่งที่กำลังถ่ายทำกันอยู่ในขณะนี้ เป็นผลงานของผู้กำกับชาวจีน "หยาง ซู่เผิง" (Mr.Yang Shu Peng) เจ้าของรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยม Best Director Award Macau International Film Festival ปี 2009 จากภาพยนตร์เรื่อง “The Robbers”
หยาง ซู่เผิง คนนี้แหละ ที่เป็นทั้งผู้กำกับและผู้เขียนบทของภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ที่เป็นการลงทุนร่วมกันระหว่างไทยกับจีนกว่า 100 ล้านบาท เพื่อจะปฏิวัติวงการหนังแอ็กชั่นไทยสู่ระดับโลก ด้วยโปรดักชันเทียบเท่าฮอลลีวูด ในเรื่อง “ปิดเมืองล่า PATTAYA HEAT" ซึ่ง ก๊อต เป็นหนึ่งในนักแสดงในเรื่อง
นอกจากนั้น ยังมีพระเอกตัวพ่อสายหนัง อย่าง “อนันดา เวอร์ริ่งแฮม” รวมถึง “พลอย - เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์” , “น้อย วงพรู” และ “ธเนศ วรากุลนุเคราะห์” ร่วมแสดงด้วย
นั่นหมายถึงว่าระหว่างที่ได้ร่วมงานกันในภาพยนตร์เรื่องนี้ ก๊อต จะต้องฉายแสง และแสดงศักยภาพบางอย่างในตัวเองให้ผู้กำกับได้เห็นว่า เขามีดีมากกว่าที่จะทำหน้าที่เป็นแค่นักแสดง ที่รับผิดชอบเฉพาะกับบทบาทของตัวเองเท่านั้น จึงได้มอบหมายงานสำคัญแบบนี้ให้ ซึ่ง ก๊อต ก็จะมีหน้าที่ในการออกแบบ และดูแลคิวบู๊ของนักแสดงทุกคนในเรื่อง พูดง่ายๆ ว่าฉากแอ็กชั่นต่างๆ ล้วนผ่านกระบวนการคิดของเขามาแล้วทั้งสิ้น
ถ้าวันนี้ ก๊อต ยังคงเลือกที่จะอยู่กับเซฟโซนของตัวเอง บางทีโอกาสดีๆ แบบนี้ ก็อาจจะมาไม่ถึงตัว
แต่เพราะความ “กล้า” ที่จะ “ก้าว” ออกมา ทำให้เขาสามารถเดินทางมาไกลได้อย่างที่เห็น
ผู้จัดการ 360 องศาสุดสัปดาห์ ฉบับ 28 ตุลาคม – 3 พฤศจิกายน 2566