“น้ำหวาน” เปิดใจอยากไปต่อแต่ “กวาง” ไม่ไหว เข้าใจความอดทนไม่เท่ากัน ยังปรารถนาดีและพร้อมซัปพอร์ตไม่ว่าสถานะไหน ยันคุณแม่ไม่ใช่ต้นเหตุจบความสัมพันธ์ ไปไหนมาไหนกัน 3 คน เกือบทุกครั้งกวางเป็นคนเอ่ยปากชวน และเคยพูดว่าไม่มีปัญหากับแม่ ลั่นเป็นคนกลางมันยากและเหนื่อย นั่นก็แม่ นี่ก็แฟน แตะประเด็นอะไรไม่ได้เลย ไม่ตกใจประกาศขายเรือนหอ เพราะอีกฝ่ายตั้งใจขายนานแล้ว
หลังในช่วงบ่ายของวันนี้ (25 ต.ค.) ได้ฟังหนุ่ม “กวาง เอบีนอร์มอล”หรือ “ศิริศิลป์ โชติวิจิตร” ออกมาเปิดใจครั้งแรกถึงสาเหตุเลิก “น้ำหวาน ซาซ่า”หรือ “น้ำหวาน พิมรา เจริญภักดี” ไปแล้ว ว่าปัญหาหนักคือรีเลชั่นชิฟ 3 คน ไม่ค่อยมีโอกาสอยู่ด้วยกัน 2 คน ทำให้โอกาสรีเทิร์นยาก เพราะรักแต่เข้ากับครอบครัวฝ่ายหญิงไม่ได้ ล่าสุดเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา สาวน้ำหวานก็ได้ออกมาเปิดใจต่อ พร้อมยืนยันว่าคุณแม่ของตัวเอง ไม่ใช่คนที่ทำให้ความสัมพันธ์ครั้งนี้มันจบลง
“สภาพจิตใจตอนนี้ก็สวิงนะคะ บางทีก็ดี บางทีก็ดาวน์ เป็นเรื่องปกติ แต่เราก็มีกำลังใจจากคนรอบข้าง ที่ช่วยให้เรามีความสบายใจมากยิ่งขึ้นค่ะ ถามว่าเยียวยาตัวเองยังไง ก็ใช้ชีวิตไปตามปกติ คิดถึงเป้าหมายในอนาคต ก็คือเปลี่ยนโฟกัสไปค่ะ แล้วก็ไปทานข้าวกับเพื่อน ออกมาทำงาน มันก็ช่วยฮีลได้ คือชีวิตมันเปลี่ยนไปในแง่ของชีวิตประจำวันค่ะ
ทุกอย่างเกิดจากการตัดสินใจร่วมกัน
“ถามว่าย้อนกลับไปมันเกิดอะไรขึ้น หวานขออนุญาตไม่ลงไปประเด็นเหตุการณ์วันนั้นที่มันเกิดขึ้นนะคะ แต่ว่ามันก็เกิดจากเราสองคนตัดสินใจร่วมกัน ในปัญหาที่เราแก้ไม่ได้ อย่างที่หวานบอกไปว่า มันเหมือนเราวิ่งออกมา แล้วเราเห็นว่าเพื่อนที่วิ่งมากับเราเขาเหนื่อยหรือเขาหมดแรง ถ้าเราอยากไปเอาเหรียญทอง เราก็ต้องลากเขาไปให้จบใช่ไหมค่ะ อันนั้นเราอาจจะรักตัวเอง แต่ถ้าเรารักเขา ถึงเขาไม่ต้องพูดว่าเขาเหนื่อยหรือเขาไปไม่ไหว แค่เราเห็นหน้าเราก็รู้แล้ว ถ้าเรารักเขา เราก็ต้องให้เขาพัก เหรียญทองตรงข้างหน้าอาจจะไม่ต้อง ความรู้สึกของเขาน่าจะสำคัญกว่า”
ก่อนจะถึงจุดที่เหนื่อย ผ่านอะไรด้วยกันมาเยอะมาก
“หวานกับพี่กวางผ่านอะไรกันมาเยอะมากนะคะ ตลอดหลายปีที่คบกัน ตั้งแต่วันแรกก็สู้กันมา ณ ปัจจุบัน มันก็สู้กันมาเยอะ ผ่านอะไรกันมาเยอะค่ะ จุดเหนื่อยของคนเรามันไม่เท่ากันค่ะ เรารู้สึกว่าเรายังวิ่งต่อได้ แต่ในอีกในหนึ่งนัยหนึ่ง เราไม่ได้บอกว่าเขาไม่อดทน แต่ว่าพลังของเขาอาจจะวิ่งต่อไปไม่ได้ตรงนี้เราต้องเข้าใจค่ะ มันบอกไม่ได้ว่าอะไรที่มันเหนื่อย ความอดทนแต่ละคนมันอาจจะไม่เท่ากัน”
คุยกันก่อนจะโพสต์ลดสถานะแค่ 1 วัน
“คุยกันก่อนหน้าที่จะโพสต์ 1 วันค่ะ มันก็คงเป็นปัญหาอะไรต่างๆ ที่มันถูกสะสมมา โดยที่มันได้รับการระบายออกแล้ว เพียงแต่ว่ามันอาจจะเป็นจุดที่แบบ…เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันเล็กนิดเดียว แต่รีแอ็กชั่นมันอาจจะใหญ่ ก็คุยกันอยู่ 2 วัน แต่ก็เลิกกันด้วยดีนะคะ”
ไม่เคยคิดว่าจะเดินมาถึงจุดนี้
“ไม่มีใครคิดค่ะ แฟนกันปกติก็ไม่ได้คิด ยิ่งคนที่มีเป้าหมายจะแต่งงานกันยิ่งไม่คิดนะคะ”
ตลอดเวลาที่คบมีทะเลาะกันจุกจิก พูดว่าเลิกเลยๆ แต่ก็ปรับความเข้าใจกันได้
“จุกจิกค่ะ นิสัยไม่เหมือนกัน แต่ว่ามันไม่ได้เป็นอะไรที่รุนแรง คือบางทีก็มีที่เลิกเลยๆ เป็นเรื่องปกติเหมือนกับทุกคน แต่สุดท้ายเราไม่ได้จะเลิกกันจริงๆ ค่ะเราปรับความเข้าใจกันอยู่เสมอ เรารู้จักกันและกันดีมากค่ะ”
ครั้งนี้เลิกจริง เพราะปัญหามันแก้ร่วมกันไม่ได้แล้ว
“อย่างที่หวานบอกค่ะ ว่าปัญหามันแก้ร่วมกันไม่ได้ เราก็อย่าแก้ เราผ่านการพยายามที่สุด ถามว่าหวานสู้ได้อีกไหม หวานสู้ได้ หวานไปต่อได้ แต่ว่าต้องดูเพื่อนร่วมทางเราด้วย ว่าเขาหมดแรงค่ะ”
คำว่าเลิกเลยๆ ไม่ได้พูดบ่อย แต่พูดด้วยอารมณ์
“ไม่ค่ะไม่ น้อยมาก มันอาจจะพูดด้วยอารมณ์ก่อน แบบเวลามีปัญหากัน แต่มันไม่เคยเกิดขึ้นจริงๆ ค่ะ คุยกัน 5-10 นาทีก็ดีกันแล้ว ไม่ได้มีอะไร (แล้วทำไมตอนนี้มันถึงกลับมาไม่ได้แล้ว?) ปัญหามันอาจจะมีความใหญ่และเล็กต่างกันมั้งค่ะ อันนี้มันเป็นปัญหาเล็กๆ เรื่องที่เกิดบนเรือมันไม่ใหญ่เลย แต่อาจจะเป็นปัญหาที่เรามองไม่เห็นทางออก ปัญหาอื่นเรามองเห็นทางออก ปัญหานี้เรามองไม่เห็นทางออก แล้วก็ผ่านการพยายามแก้ พยายามปรับค่ะ”
ปัญหาของสองคน เคลียร์กันจบทุกครั้ง แต่ปัญหาใหญ่ครั้งนี้ ต้องอาศัยอื่นๆ ช่วย
“ถ้าส่วนตัวหวานกวางสองคน เราเคลียร์ทุกครั้งค่ะ แต่ว่าถ้าเป็นปัญหาอื่นๆ บางทีหวานเป็นคนกลาง หวานมีสองมือ หวานแก้ไม่ได้ทุกอย่าง หวานต้องอาศัยความร่วมมือในการแก้ ถ้าปัญหาเล็กหวานแก้ได้ แต่ปัญหาใหญ่ก็อาจจะต้องอาศัยอื่นๆ ในการช่วยค่ะ”
“กวาง” โพสต์ว่าเรื่องนี้มีคุณแม่เข้ามาเกี่ยว
“หวานอยากจะบอกว่าใจของหวาน ขออนุญาตไม่ลงดีเทล แต่หวานอยากบอกว่า เรื่องของครอบครัว ปัญหาส่วนตัว ใจหวานไม่ได้อยากให้ใครรู้ ว่าปัญหา 1 2 3 4 ต้องมานั่งพูดถึงปัญหาที่มันลึกลับซับซ้อนหรือบานปลาย ไม่เคยเกิดขึ้นกับหวาน หวานตั้งใจแค่จะบอกแค่ว่าเรามีปัญหาที่เราแก้กันไม่ได้ เราไม่ได้โกหก แต่ตั้งใจที่จะบอกประมาณหนึ่ง เพราะว่าการพูดบางปัญหา มันส่งผลไม่ใช่แค่กับเราสองคน มันส่งผลกับคนอื่นเรื่องในครอบครัวหวานอยากเก็บไว้ในครอบครัว เพียงแต่ว่าในเมื่อวันนี้มันเป็นอย่างนี้แล้ว หน้าที่ของเราก็คือต้องรับผิดชอบค่ะ เพราะมันก็แก้ไขอะไรไม่ได้”
การไปไหนมาไหนด้วยกัน 3 คน ไม่ใช่ปัญหา เกือบทุกครั้งจะเป็น “กวาง” ที่เอ่ยปากชวนแม่
“คือต้องบอกว่าปกติพี่กวางกับหวาน ใช้เวลาอยู่ด้วยกันเยอะมาก แล้วใน 24 ชั่วโมงของหวาน หวานพยายามจัดสรรให้ดีที่สุดสำหรับทุกคนอยู่แล้ว เสร็จงานไปหาพี่กวาง บางวันเรารู้สึกว่าพรุ่งนี้เราทำงานอีก เราทิ้งแม่ไว้ข้างหลัง แม่จะเหงาหรือเปล่า พรุ่งนี้พี่กวางเอาไงชวนแม่มาไหม พี่กวางก็บอกว่าเอามาสิ เดี๋ยวไปกินข้าวกัน
คือทุกครั้งเขาก็ค่อนข้างที่จะเป็นคนออกปากชวนด้วยซ้ำ แต่ถึงไม่ได้มีแม่ มันก็มีเพื่อนเขา ที่อยู่บ้านเดียวกับเขาค่ะ ก็คือไปไหนมาไหนด้วยกันเป็นกลุ่มอยู่แล้ว อย่างเทศกาลสำคัญต่างๆ ปกติเราใช้เวลาสองคนเยอะแล้ว วาเลนไทน์หรืออะไรก็จะชวนแบบเพื่อนไปกินข้าวกัน อย่างไปดำน้ำเหมือนกัน ทริปนั้นหวานเข้าไปอ่านคอมเมนต์มา เขาบอกว่าจะไปดำน้ำกันสองคน ทำไมคุยแม่ต้องเข้ามายุ่ง ทริปนั้นไปกัน 6 คนค่ะ ทุกครั้งไป 10-20 คนตลอด คุณแม่ไม่ได้ไปเฝ้า คุณแม่ไปเพื่อดำน้ำ พอดำน้ำเสร็จ กินข้าวเย็นเสร็จเขาเข้าห้อง ที่เหลือหวานก็สามารถอยู่กี่โมงก็ได้ คุณแม่ไม่ได้กระทบในเรื่องของความสัมพันธ์ ถ้าเขาเจตนาไม่ดี เขาคงบอกให้เลิก นี่ไม่เคยเลย เข้าข้างพี่กวางด้วยซ้ำในการทะเลาะกับหวาน”
ช่วงไหนที่ชวนแม่มาบ่อยก็จะรู้ตัว และความจริงแม่ก็ไม่ได้อยากมา
“มันไม่ได้บ่อยขนาดนั้นค่ะ ถ้าช่วงไหนมันถี่เรารู้ตัว ว่าเราชวนแม่มาบ่อย ก็เว้นว่าง ซึ่งคุณแม่เองเขาก็ไม่ได้อยากมา มีแต่เราสองคนผลัดกันชวนมาทำกับข้าว แล้วคุณแม่ก็ติดน้องหมาที่เลี้ยงด้วยกัน ก็จะแวะซื้อขนมมาให้ แล้วบ้านเราอยู่ใกล้กัน ถ้าตัวไม่ได้ไปเขาก็ฝากของกินไปกับแม่บ้าน เพราะแม่บ้านคนเดียวกัน (คุณแม่ได้พูดกับเราไหม ว่ากวางโอเคกับแม่หรือเปล่า?) คุณแม่กับพี่กวางทราบแก่ใจว่าเขาโอเค พี่กวางยังเคยเอ่ยปาก ว่าแม่กับกวางไม่มีปัญหา แม่กับกวางเข้ากันได้ดี”
ยันแม่ไม่ใช่คนที่ทำให้ความสัมพันธ์จบลง เพราะความรักเป็นเรื่องของคนสองคน คนอื่นไม่มีผลขนาดน้้น
“ความรักเป็นเรื่องของคนสองคนนะคะ หวานเชื่อว่าคนอื่นไม่ได้มีผลขนาดนั้น ถ้าไม่ใช่มือที่สามที่เป็นตัวเป็นตนขึ้นมาเนาะ ถ้าเราแข็งแรงพอ อะไรมันก็เป็นไปได้หมด เราสามารถฝ่าฟันทุกอย่างได้หมด หวานไม่ได้โทษใคร โทษตัวเองที่อาจจะจัดสรรเรื่องนี้ได้ไม่ดีพอ ไม่โทษใครเลย ตอนเขาโพสต์หวานก็บอกให้เขาลบนะคะ เพราะว่าคนอื่นไม่ใช่คนที่ทำงานเหมือนเรา ไม่ควรได้รับผลกระทบ เราอยู่ตรงนี้มานานเราเข้าใจอยู่แล้ว แต่ในเมื่อพี่กวางเขาตัดสินใจแบบนั้น เราก็เคารพสิทธิ์ตรงนั้น”
เผยบอกให้ “กวาง” ลบโพสต์แล้ว แต่อีกฝ่ายไม่ลบ
“เขาก็อาจจะเคลียร์ในส่วนที่เป็นประเด็นเรื่องนักศึกษา แต่ว่าในส่วนอื่นก็เป็นข้อความเสริมขึ้นมา ซึ่งหวานเชื่อว่าผ่านการพิจารณาจากพี่กวางมาอย่างดีแล้ว หวานก็บอกให้ลบ แต่ว่าเราก็ต้องเคารพสิทธิ์ของเขา เพราะมันเป็นพื้นที่ของเขาค่ะ”
เคลียร์ชัดตอนเลิกกันไม่มีมือที่สาม
“เรื่องนักศึกษา หวานแค่ให้เขาดูเฉยๆ ค่ะ เพราะคอมเมนต์มันเป็นของเขา แล้วหวานก็รู้สึกว่าหวานกำลังโดนทุกทาง เพราฉะนั้นเรื่องนี้ขอเคลียร์ไปเป็นเรื่องๆ อย่าเอามารวม อย่าให้มีประเด็น เพราะเราเลิกกันไม่ได้มีมือที่สาม ณ วันที่เราเลิกกันไม่มีทั้งฝั่งหวานและฝั่งเขา ยืนยันแบบนี้ แต่ด้วยอารมณ์เวลานั้นที่รับอะไรมาเยอะๆ อาจจะแคปเห็นชื่อคู่เราก็ส่งไปให้ หวานก็ขอโทษเขาไปแล้ว หวานไม่ควรไปคิดแบบนั้นกับเขา เพราะว่าหวานควรจะรู้จักเขาดีมากกว่าใครๆ”
ไม่มีใครเป็นคนบอกเลิกใคร แต่มองหน้ากันก็รู้ว่าถึงจุดที่ต้องลดสถานะ
“มันมองหน้ากันก็รู้ค่ะ มันน่าจะถึงจุดที่เราต่างคนต่างต้องลดระดับ มันคือการลดระดับเพื่อยกระดับความสัมพันธ์ สำหรับหวานนะ เราลดปัญหาตรงนี้ แต่เรายังเป็นเพื่อนกันอยู่ ดีกว่าวันนึงเรามาฟาดกันเอง คราวนี้เป็นเพื่อนกันไม่ได้แล้ว ทีนี้ที่ผ่านมาทั้งหมดมันก็คือสูญเปล่าไม่มีใครคิดว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้าย ท้ายสุด อันนี้ตอบตรงๆ คิดว่ามันน่าจะมีทางแก้ เพราะตัวเรายังไหว ตัวเราสู้ได้”
เรือนหอตั้งใจจะขายอยู่แล้ว แค่เพิ่งมาโพสต์จังหวะนี้พอดี
“เรือนหอหรือบ้านที่เขาอยู่ มีความตั้งใจจะขายมาสักระยะหนึ่งแล้ว ตั้งแต่ก่อนที่จะเลิกกัน เพียงแต่ว่าหลายคนอาจจะไม่ทราบ เพราะฉะนั้นเขาโพสต์ขึ้นมาด้วยจังหวะไทม์มิ่งที่อยู่ติดๆ กันไปหมด คนก็จับโยงมาว่าขายเพราะว่าเลิกกัน แต่จริงๆ ไม่ใช่ประเด็นนี้โดยตรงนะคะ มีความตั้งใจที่จะขายอยู่สักระยะใหญ่แล้ว อาจจะขยับขยายอะไรของเขาค่ะ (เขาบอกเป็นภาระ?) ในส่วนคำตอบของหวานตอบได้แค่นี้ หวานทราบเฉยๆ แต่ไม่สามารถพูดเหตุผลต่างๆ แทนเขาได้”
หลังประกาศขาย ไม่ได้คุย หรือตกใจอะไร มีเรือนหอนี้หรือไม่มี ก็ไม่ได้การันตีเรื่องแต่งงาน
“ไม่ได้คุยค่ะ หวานเห็นเขาโพสต์ หวานทราบอยู่แล้ว ทราบมาระยะใหญ่มากๆ ก็เลยไม่ได้ตกใจ ไม่ได้เซอร์ไพรส์ ไม่ได้มีคำถาม เพียงแต่ว่าเข้าใจว่าคนก็จะมองหรือจับโยงมาเข้าเรื่องนี้ ก็เป็นเรื่องที่เราก็ต้องเตรียมคำตอบเอาไว้ (เป็นไปได้ไหมว่านี่อาจจะเป็นสัญญาณ ว่าจะไม่ได้แต่งงานในอนาคตแต่แรกอยู่แล้ว?) ไม่ใช่ค่ะ เขาตั้งใจจะขายของเขาอยู่แล้ว บ้านเป็นแค่สิ่งที่ตั้งอยู่ คนเราในชีวิตย้ายบ้านตั้งหลายหลัง ไม่ได้เป็นเครื่องการันตีว่าต้องมีบ้านหลังนี้แล้วจะต้องแต่งงาน ถูกไหมคะ เพียงแต่ว่าพอเขาจะขายเราช่วยกันปรึกษาหารือกันอยู่แล้วตั้งแต่ต้น หวานเลยไม่ได้ตกใจ ไม่ได้แปลกใจ ไม่ได้คิดว่าเรือนหอนี้จะเป็นเครื่องการันตีการแต่งงาน การแต่งงานอยู่ที่คน 2 คนมากกว่า บ้านหลังนี้ก็เป็นบ้านของพี่กวางค่ะ”
ส่วนตัวพร้อมไปต่อ แต่ก็ไม่โทษที่ “กวาง” เดินไปด้วยไม่ไหว เพราะความอดทนคนเราไม่เท่ากัน
“ความจริง ก็น่าจะเป็นแบบนั้นนะคะ แต่เราไม่ได้โทษเขา อย่างที่หวานบอก ความอดทนคนเราไม่เท่ากันหวานเดิน 10 ก้าวเหนื่อย ทุกคนเดิน 42 กิโลสบายๆ ไม่ได้แปลว่าเขาไม่สู้ หรือสู้สุดทางของเขาแล้ว แต่ในขณะที่เราสู้ไปได้อีก อันนี้มันก็เป็นในส่วนของเรา แล้วแต่ความอดทน ความอดทนคนเราไม่เท่ากัน”
ยากและเหนื่อยกับการเป็นคนกลาง นั่นก็แม่ นี่ก็แฟน แตะประเด็นอะไรไม่ได้เลย
“มันเป็นสถานการณ์ที่ยาก ใครที่เป็นคนกลางในเรื่องของอะไรก็น่าจะเข้าใจ เพียงแต่ว่าปกติเวลาเราเคลียร์เรื่องอะไร เราก็จะมีอีกคนที่เข้ามาซัปพอร์ตเสริม เพื่อไปช่วยกันแก้ แก้คนเดียวไม่ได้ หวานมีสองมือ เป็นคนกลางเหนื่อยค่ะ แต่ปกติเขาดีกัน เขาก็รักกันดี แต่ถ้าเกิดทัศนคติที่ไม่ตรงกันขึ้นมาบางเรื่อง เราก็ต้องทำ เพราะนั่นก็แม่ นี่ก็แฟน ลองดูว่าเวลาหวานสัมภาษณ์ทุกวันนี้ มันแตะประเด็นอะไรไม่ได้เลย หวานลงดีเทลเรื่องไหนไม่ได้เลย เพราะนั่นคือความรู้สึกของคนที่หวานแคร์ทั้ง 2 คน บางเรื่องเป็นเรื่องส่วนตัวจริงๆ”
มีโอกาสที่จะกลับมาไหมยังตอบไม่ได้ แต่วันนี้เป็นแบบนี้ดีที่สุดแล้ว
“มันยังไม่เกิดขึ้น หวานตอบไม่ได้ในเรื่องของอนาคตต่างๆ ถ้าหวานรู้มาก่อนมันก็จะไม่เป็นแบบนี้ ถ้าพูดกันแบบจริงๆ จังๆ ถ้าวันหนึ่งเขามาขอโทษ ก็รอให้เป็นวันนั้นหวานถึงจะตอบได้ แต่ ณ วันนี้เป็นแบบนี้ก็ดีที่สุดค่ะ น่าจะเป็นความสัมพันธ์ที่เราเป็นเพื่อนกันได้ยาวๆ”
ยังดูไม่จบที่ “กวาง” ไปให้สัมภาษณ์ล่าสุด แต่เดี๋ยวจะกลับไปดูย้อนหลัง
“ดูไม่จบ รีบมาที่นี่ก่อน ใจหวานก็อยากซัปพอร์ตผ่านทีวีให้จบนะคะ แต่ว่าเราก็มีภาระหน้าที่การงานของเรา เดี๋ยวมีโอกาสจะไปดูย้อนหลังนะคะ (มีประโยคที่เขาบอกว่า ยังรักเราอยู่ ก็เหมือนว่าต่างฝ่ายยังรู้สึกดีต่อกัน?) ความรู้สึกดี มันไม่ได้เปลี่ยนได้ใน 10 วันที่เราเลิกกัน หวานก็มีความรู้สึกดี ความปรารถนาให้เขาเสมอ หวานรู้จักเขาดีมากๆ เพราะฉะนั้นหวานรู้ว่าโมเมนต์ที่มันเกิดขึ้น ต่างฝ่ายต่างรู้สึกยังไงเราอยู่กันมานาน เพราะฉะนั้นก็ซัปพอร์ตกันไป อาจจะไม่ได้คุยกันบ่อย ในแง่ของจิตใจถ้าคุยกันบ่อยก็มูฟออนไม่ได้ ต่างคนต่างทำยังไง มันไปต่อไม่ได้ เพราะฉะนั้นเราก็อยู่กันอย่างมีสเปซ ทักทายกันบ้างอะไรบ้างได้”
ยืนยันคุณแม่ไม่ได้ยุ่งตั้งแต่ต้น แต่มีกฎที่ต้องปฎิบัติตาม ซึ่งไม่ได้สร้างขึ้นมาเพราะคบกับ “กวาง”
“บุคคลที่ 3 คือคุณแม่ใช่ไหมคะ คุณแม่ไม่ได้ยุ่งตั้งแต่ต้น เพราฉะนั้นอาจจะมีบ้างที่เขาหวงหรือห่วงลูกสาว หวานเป็นลูกสาวคนเดียว คนเป็นแม่ดูอยู่น่าจะเข้าใจหวานสามารถกลับกี่โมงก็ได้ ทำอะไรก็ได้ ตามใจชอบหมดเลย เพียงแต่ว่าทุกบ้านจะมีกฎ มีบางอย่างที่เขาขอเราไว้ เราเป็นลูกเขาให้เราได้ทุกอย่าง เราก็มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามทำตาม แล้วก็ไม่ได้เป็นกฎที่สร้างมาเพื่อพี่กวางคนเดียว แต่เป็นมาตั้งนานแล้ว”
บอกเรื่องเล็ก เรื่องใหญ่ ของคนเราไม่เท่ากัน
“เรื่องใหญ่เล็กคนเราไม่เท่ากัน สำหรับหวานมองว่ามันเล็กน้อย น้ำผึ้งหยดเดียว ณ สถานการณ์วันนั้น เพียงแต่ว่าถ้าวันนี้มันเป็นเรื่องใหญ่ในความรู้สึกเขา เราต้องเคารพในความคิดของเขา ถ้าเขาว่ามันใหญ่จนเขาไม่ไหว แล้วเรารักเขา มันเวตกันไม่ได้ คนเราไม่เหมือนกัน เรามองว่าแก้ง่าย สบายมาก ง่ายยากของคนเราก็ไม่เหมือนกัน”
แม่กับ “กวาง” จะมีโอกาสเคลียร์ในกันไหม ให้เป็นเรื่องของอนาคต
“ให้เวลาเป็นเรื่องของอนาคต ถ้าเกิดวันนั้นมี หวานจะมาอัปเดตผ่านไอจี ว่าเขามีการมาพูดคุยกันแล้ว”
ยังปรารถนาดีและรู้สึกดี กับ “กวาง” อยู่ พร้อมซัปพอร์ตตลอดไม่ว่าสถานะอะไรก็ตาม
“ปรารถนาดีค่ะ รู้สึกดี ซัปพอร์ตกันตลอดไป ไม่ว่าในฐานะน้อง ฐานะเพื่อน หรือว่าในฐานะอะไรก็ตาม วันหนึ่งต่างคนต่างมูฟออนไปแล้ว หวานก็ยังพร้อมที่จะหวังดีกับเขาต่อไป แต่ก็ต้องมีขอบเขตของคนข้างๆ ของแต่ละคนด้วย ถ้ามันเกิดขึ้นในอนาคต”