xs
xsm
sm
md
lg

“เบนซ์ เรซซิ่ง” เปิดใจหลังออกจากเรือนจำ สูญเสียทุกอย่างอันเป็นที่รัก ใช้ชีวิตอยู่อย่างเวทนา! สูญเสียโอกาสเลี้ยงลูก (คลิป)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นาที “เบนซ์ เรซซิ่ง” ออกจากเรือนจำ กอด-จูบแม่อย่างคิดถึง ด้าน “แพท-ลูกชาย” ไม่ได้มารับตามข่าว ลั่นสู้คดีมาตลอด 6 ปี อย่างมีความหวัง ทำให้สูญเสียทุกสิ่งอันเป็นที่รัก ฉะหน่วยงานใดจะรับผิดชอบ ต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างเวทนา เสียโอกาสเลี้ยงลูก รับไม่เคยให้ลูกมาเยี่ยม ไม่อยากให้จดจำภาพไม่ดี เตรียมไปทานข้าวกับลูก ยังไม่แพลนชีวิตหลังจากนี้ ขอใช้เวลาอยู่กับครอบครัว



กรณีศาลฎีกามีคำสั่งแก้ ให้ยกฟ้อง “เบนซ์ เรซซิ่ง” หรือ “นายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช”ในข้อหาสมคบค้ายาเสพติด ภายหลังเบนซ์ รับโทษจำคุกในข้อหาฟอกเงินมาแล้วกว่า 4 ปี ซึ่งถือว่าครบจำนวนแล้ว

ล่าสุดเมื่อเวลา 19.30น.วันที่ 24 ต.ค.ที่ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง “น.ส.สุพรเพ็ญ วรโรจน์เจริญเดช” มารดาของ เบนซ์ เรซซิ่ง พร้อมเพื่อนๆ เดินทางมาร่วมต้อนรับเบนซ์กลับบ้าน ซึ่งทางด้าน แพท ณปภา ตันตระกูล อดีตภรรยา และ น้องเรซซิ่ง ลูกชาย ไม่ได้มารับตามที่มีข่าวออกมาก่อนหน้านี้ โดยเบนซ์เผยว่าให้ลูกชายรออยู่ที่บ้าน กลับไปทานข้าวด้วยกัน โดยเบนซ์มีสีหน้าสดใส สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีชมพูอ่อน นุ่งกางเกงยีนส์ และสวมกอดแม่หอมแม่ฟอดใหญ่
โดยเบนซ์เปิดใจว่าตลอด 6 ปีที่ต่อสู้คดีมา ตนเสียเงินและเวลา แต่อยู่ได้ด้วยความหวังว่าจะชนะคดีและได้ประกันตัว ซ้ำยังเสียเงินกับคนไม่หวังดีที่เข้ามา นอกจากนี้ ยังเสียความน่าเชื่อถือ หลังมีข่าวไปคบค้าสมาคมผู้ค้ายาเสพติด ตนไม่อาจเปลี่ยนใจใครได้ ตอนนี้ศาลยกฟ้องแล้ว ก็ขอให้เคารพคำตัดสินของศาลด้วย พร้อมกันนี้ ต้องถามว่าจะมีหน่วยงานใดมาชดใช้สิ่งที่ตนสูญเสียไป ทั้งโอกาสในการเลี้ยงดูลูกชายเพียงคนเดียว

เบนซ์ : “ตลอดระยะเวลากว่า 6 ปีที่ผมยืนหยัดต่อสู้คดีมา นอกจากอิสรภาพที่ผมต้องสูญเสียไปแล้ว ยังมีอีกหลายอย่างที่ผมสูญเสียไป อันดับแรกคือผมสูญเสียทั้งเงินและเวลาในการต่อสู้คดี สำหรับคนที่ต่อสู้คดีมันอยู่ได้ด้วยความหวัง เราหวังมาตลอดว่าเราจะได้ประกันตัวเราจะต้องชนะคดี แล้วเราก็ต้องเสียเงินไปกับคนที่ไม่หวังดี เข้ามาหลอกเราในการต่อสู้คดีไปหลาย

ประการต่อมา ผมต้องเสียทั้งชื่อเสียง เสียความน่าเชื่อถือ ตั้งแต่มีข่าวมาว่าเราได้เข้าไปพัวกันกับเครือข่ายค้ายาเสพติด การที่จะไปคบค้าสมาคมกับใคร ทำให้ดูขาดความน่าเชื่อถือ ไม่กล้ามีการทำธุรกิจร่วมกัน กลัวว่าจะมีความเชื่อมโยงไปกับเราด้วย แต่ผมเข้าใจว่าผมไม่อาจเปลี่ยนใจใครเหล่านั้นได้แต่อย่างน้อยวันนี้ ศาลฎีกาได้มีคำสั่งพิพากษายกฟ้องคดีสนับสนุนเกี่ยวกับยาเสพติด ก็ขอให้เคารพคำตัดสินของศาลด้วยนะครับ

ประการสุดท้าย ผมอยากจะถามว่ามีหน่วยไหนที่จะสามารถมาชดใช้ในสิ่งที่ผมสูญเสียไปได้ไหม สิ่งนี้เป็นแผลในใจผมมาตลอดระยะเวลา 6 ปี สิ่งที่ผมสูญเสียไปนี้ ผมสูญเสียโอกาสการได้เลี้ยงดูลูกชายคนเดียวของผม ผมไม่เคยมีโอกาสสอนลูกเดิน สอนลูกวิ่ง หรือปั่นจักรยาน ไม่มีโอกาสสอนให้เรียกพ่อด้วยซ้ำ ผมเข้าใจดีว่าสิ่งที่ผมสูญเสียไปมันประเมินเป็นมูลค่าไม่ได้ด้วยซ้ำ แล้วไม่มีใครที่จะสามารถทำให้ผมย้อนเวลากลับไปได้ วันนี้ในส่วนคดีความ ผมก็ขอให้จบสิ้นลงเพียงเท่านี้ ผมก็จะได้กลับไปเริ่มต้นใหม่กับครอบครัว อย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ส่วนลูกชาย เดี๋ยววันนี้ไปเจอที่บ้านครับ”

ขอปรึกษาทนายถึงแนวโน้มฟ้องกลับ พ้อสูญเสียทุกอย่างอันเป็นที่รัก ต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างเวทนา
เบนซ์ : “เรื่องเงินชดเชย ส่วนนี้จะขอปรึกษากับทางทนายดูก่อนนะครับ ว่าเราสามารถทำอะไรได้บ้าง แนวโน้มฟ้องกลับยังไม่สามารถให้คำตอบได้ ขอปรึกษาทนายก่อน ตั้งแต่เริ่มต้นมา ผมก็ปฏิเสธมาตลอด วันนี้ศาลได้มีคำพิพากษาแล้วว่าผมไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติด

ตลอดระยะเวลาที่อยู่ในเรือนจำ ถ้าถามว่านิยามต้องมาติดคุกหรืออยู่ในเรือนจำสำหรับผม ผมว่ามันเป็นการสูญเสียทุกสิ่งอันเป็นที่รัก และต้องมาใช้ชีวิตอยู่อย่างเวทนา นั่นคือสิ่งที่ผมสัมผัสได้ คนที่สู้คดีอยู่กับความหวัง ไม่เหมือนคนที่รับสารภาพแล้วเรารู้ว่าเราได้รับโทษเท่านี้ เราจะได้กลับบ้านเมื่อไหร่ อาจ 5 ปี 10 ปี ทุกอย่างเป็นไปได้หมด แต่เราก็ต้องสู้ให้ถึงที่สุด”

ไม่เคยให้ลูกมาเยี่ยม ไม่อยากให้จดจำภาพไม่ดี
เบนซ์ : “ไม่เคยให้ลูกมาเยี่ยมที่นี่ เราไม่อยากให้เขามาจดจำในภาพไม่ดี เพราะเขาอยู่ในวัยที่จดจำ สิ่งแรกที่ผมจะทำคืออยากใช้เวลาอยู่กับครอบครัว และไปรับประทานอาหารฝีมือแม่ เดี๋ยวต้องปรับตัวสักนิดนึง ตอนนี้ยังไม่มีแพลนอะไร ก็ได้แจ้งลูกไปแล้ว เดี๋ยวไปเจอกันที่บ้าน แพลนชีวิตยังไม่มีแผนเลย เหมือนเราเพิ่งตื่นจากฝัน เหมือนเราได้ชีวิตใหม่ วันนี้ต้องขอบคุณศาลที่เขายังมีความยุติธรรม ก่อนผมไปฟังก็คิดว่าโอกาสที่จะเป็นไปได้มีแค่ 2 หน้าเท่านั้นคือกลับกับไม่ได้กลับ ก็อยู่อย่างมีความหวัง สุดท้ายวันนี้ก็มาถึง

การที่เรามาใช้ชีวิตในเรือนจำ ไม่ได้เหมือนเราติดคุกคนเดียว ญาติเราทั้งหลาย ทั้งพี่ทั้งน้องเขาก็เหมือนติดไปกับเราด้วย เขาอาจทุกข์มากกว่าเราด้วยซ้ำ เราอยู่ข้างในอาจไม่ได้รับข่าวสารใดๆ เขาต้องเดินทางมาเยี่ยม มาซื้อของ มาฝากเงินให้เรา เราไม่สบายเจ็บไข้ได้ป่วย เขาก็ทุกข์ใจยิ่งกว่าเรา ฉะนั้นการที่เราเข้ามาไม่เหมือนเราติดคนเดียว มันเหมือนติดไปทั้งครอบครัว

ด้านแม่เบนซ์ เผยว่า พูดไม่ออก แม่ก็ลุ้นว่าวันนี้จะเป็นยังไง จะออกหัวออกก้อย แต่ทุกสิ่งเราเตรียมใจไว้หมดแล้ว แล้วก็ดีใจ วินาทีแรกศาลตัดสินยกฟ้อง แม่หัวใจแทบจะวาย (หัวเราะ) เราดีใจจนลืม วันนี้ยังไม่ได้ทานข้าวเลย ขณะที่เบนซ์เผยต่อว่า

มันเหมือนได้ปลดล็อก มันได้หลุดพ้นจากสิ่งที่เราต่อสู้มาอย่างยาวนาน (เห็นว่าเบนซ์น้ำตาไหลพราก?) ตั้งแต่เข้ามารอบนี้ 2 ปี 8 เดือนผมไม่เคยร้องไห้เลย เพราะผมรู้ว่าผมจะสู้ให้ถึงที่สุด สุดท้ายเหมือนมันตื้นตันอยู่ข้างใน มันทนไม่ไหว มันดีใจ คงไม่เกินไปหากผมจะบอกว่าวันนี้เป็นวันที่ผมรอคอยมาตลอด เป็นวันที่ผมดีใจที่สุดในชีวิต แม่จะทำอาหารอะไรให้วันนี้ก็ได้หมดเลย ขอแค่มีเวลาอยู่ร่วมกับครอบครัว เราเหนื่อยมามากพอแล้วจริงๆ หลังจากนี้อาจต้องปรับตัวสักพัก ยังไม่ได้แพลนอะไร และขอบคุณผู้อำนวยการทัณฑสถานพิเศษกลาง และผู้อำนวยการทุกส่วนที่คอยให้คำปรึกษาให้กำลังใจเราในการต่อสู้คดีมาโดยตลอด ขอบคุณศาลด้วยที่ให้ความยุติธรรมคืนกลับมา”

















กำลังโหลดความคิดเห็น