“ต้องเต ธิติ” ดีใจและแปลกใจ หนังเรื่อง “สัปเหร่อ” ทำรายได้มุ่งสู่ 500 ล้านแล้ว สำหรับพวกตน 200 ล้านก็เกินความคาดหมายแล้ว คาดความจริงใจที่ส่งผ่านหนัง ทำให้หนังเกิดกระแสผู้คนแห่กันเข้าโรงหนังไปดู และกำลังก้าวสู่สากล บอกแม้ สัปเหร่อ จะเป็นหนังเฉพาะคนอีสาน แต่มุมกล้องและการเล่าเรื่องเป็นสากล ไม่คาดหวังหนังจะไปไกลขนาดไหน เพราะกลัวอายเหมือนกันถ้าหนังตนไม่ดีจริง
ทำรายได้ถล่มทลายเข้าสู่ 500 ล้าน จนสร้างปรากฎการณ์ใหม่ให้กับหนังไทย สำหรับภาพยนตร์เรื่อง “สัปเหร่อ” ที่กำลังเป็นกระแสอยู่ตอนนี้ ล่าสุดทีมไทบ้าน นำโดย โอม อวิรุทธ์ อรรคบุตร ผู้บริหารและผู้สร้างภาพยนตร์ “ไทบ้านเดอะซีรีส์” และ “ต้องเต ธิติ ศรีนวล” ผู้กำกับ และคนเขียนบท ได้เปิดใจเล่าถึงความรู้สึกที่ภาพยนต์เรื่องสัปเหร่อ ทำรายได้ 500 ล้านแล้วว่า….
โอม : “เราก็วางแผนกันอยู่ครับ ตอนนี้คิวน้องๆ แน่นมาก ไม่มีเวลาได้พักกัน เคลียร์ๆงานกันเสร็จน่าจะเป็นเดือนหน้า จะได้รวมตัวกันอีกที น่าจะไปญี่ปุ่น น้องๆอยากจะไปญี่ปุ่น”
ต้องเต : “ช่วงนี้ก็จะฟีลตื่นเต้นเสียมากกว่า ดีใจ แปลกใจ เราทำงานเบื้องหลังแต่ช่วงนี้ออกสื่อเยอะมาก กลายเป็นเรามีกระแส ก็งงเหมือนกัน ทุกอย่างเข้ามาพร้อมๆ กันมากๆ ถามว่าคิดว่าจะถึง 500 ล้านไหม คิดไว้ลึกมากๆ ลึกเกิน คิดว่ามันคงได้100 ล้าน คิดแค่นั้นแหละ มันคงมีสิทธิ์ได้ 100 ล้านแหละถ้าเราทำเต็มที่พอ เราอยากสร้างคุณค่าให้กับหนังเรื่องนี้ ถึงเราไม่ได้ยอด 100 ล้าน แต่ก็มีคุณค่าที่เราได้เก็บบันทึกประวัติศาสตร์ความทรงจำของชาวอีสานไว้ ผมคิดแค่นั้นเลย ไม่ได้คิดไกล แต่พอมาถึงจุดนี้ ได้แค่นี้ก็พอแล้วครับ ตัวเลขเริ่มน่ากลัวแล้ว”
สำหรับตน หนัง “สัปเหร่อ” กวาดรายได้ 200 ล้านก็เกินคาดแล้ว
ต้องเต : “ถ้ามันยังไหลเรื่อยๆ อยู่ 500 ก็โอเคแล้วนะ มันก็เกินมาเรื่อยๆ ตอนนั้นตั้งแต่ 100 มา 150 มา 200 ล้าน”
โอม : “หลายฝ่ายก็ลุ้นกัน แต่สำหรับเรามันเกินคาดมาตั้งแต่ 200 ล้านแล้ว”
ต้องเต : “(ถ้ามันไปถึง 1,000 ล้าน?) มันก็คงเป็นปรากฎการณ์จริงๆ ผมเองยังคิดว่ามันฟลุคหรือเปล่า มันคือหนังอีสาน มันคือหนังเฉพาะกลุ่มจริงๆ เราทำหนังอีสานเพื่อให้คนอีสานในเมืองดู ตอนนี้มันเป็นหนังอีสานที่คนทั่วไปดูได้ กำลังจะโกอินเตอร์บ้าง เป็นหนังอีสานที่ทำรายได้สูงสุดก็โอเคแล้วนะ อย่าไปกว่านี้เลย มันจะไปไหน กลัวเหมือนกันว่าหนังมันจะไปโผล่ตรงไหนอีก แต่ถ้ามันดีจริงก็การเดินทางมันพาไป”
คาดความจริงใจที่ส่งผ่านหนัง “สัปเหร่อ” ทำให้หนังเกิดกระแสผู้คนแห่กันเข้าโรงหนังไปดู
ต้องเต : “มันน่าจะเป็นความจริงใจ มันเป็นหนังชีวิต มันเข้ากับชีวิตทุกคน มันจริงใจที่จะเล่าไม่ได้พยายามจะฝืนตัวเองเล่า ผมจริงใจเล่า ความสามารถผมได้เท่านี้ ผมอยากพัฒนา ผมอยากทดลอง อยากให้ทุกคนช่วยสนับสนุนผมหน่อย เขาก็อาจจะชอบ และอีกอย่างคือหนังเล่าเกี่ยวกับความสูญเสีย มันน่าจะแมสสำหรับทุกคน เราพยายามสร้างงานมา เราไม่รู้ว่าใครจะมาดูงานเรา นอกจากคนดู กระแสตอบรับต่างๆ ก็มาจากคนดูล้วนๆ หนังไม่ได้ประสบความสำเร็จด้วยตัวของเรา หนังประสบความสำเร็จด้วยคนดูพาไปล้วนๆ เลย”
โอม : “แฟนคลับเราก็เยอะพอสมควร กว่าจะมาเป็นจักรวาลไทบ้าน เป็นความฝันของเด็กๆ ที่วาดกันไว้ว่าอยากจะมีจักรวาลอีสานขึ้นมา แล้ววันนึงมันประสบความสำเร็จด้วยจังหวะที่มันพอเหมาะ เราเลยรู้สึกขอบคุณแฟนคลับที่อยู่กับเรามานาน เป็นรุ่นต่อรุ่น”
ต้องเต : “ตอนนี้ก็คิดเรื่องต่อไปไว้ว่าอาจจะกลับมารวมกัน เป็นไทบ้านเดอะซีรีส์ ภาค 3 ยังไม่ได้คิดเลย แต่อยากทำมาก มีกำลังใจมากๆ”
ตอนนี้ “สัปเหร่อ” ไปฉายที่ประเทศลาวแล้ว ทำรายได้สูงสุดตลอดกาลในประเทศลาว จากนี้หนังจะไปประเทศไหนต่อไปไม่กล้าคาดหวัง อายเหมือนกันถ้าหนังไม่ดีจริง ให้หนังพาตัวเองไปจะดีกว่า
ต้องเต : “ตอนนี้ไปลาวแล้ว ดีใจครับ เป็นหนังรายได้สูงสุดตลอดกาลของประเทศลาว เราก็ดีใจมาก เขาดูกันขนาดนั้นเลยเหรอ ที่เหลือก็คืออยากไปไหนมันไม่น่าจะขึ้นอยู่ที่เราแล้ว น่าจะขึ้นอยู่ที่ตัวหนังและคุณภาพของหนังมากกว่า ถ้าหนังมันไม่ดีก็ไม่ต้องพาไป เราก็อายเหมือนกันครับ ถ้าหนังเราไม่ดีแล้วเราไป ให้ตัวหนังมันพาตัวมันเองไปดีกว่า”
โอม : “ช่วงแรกๆ ที่เรารู้ว่าหนังจะได้ไปต่างประเทศ ก็มีคนติดต่อเข้ามาเยอะมาก ทางเราก็ได้คุยกัน วางแผนเรื่องของการจัดจำหน่าย พาหนังไปรางวัลต่างๆ ก็ได้คุยกับทางผู้ใหญ่ไปเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนของการพูดคุยรายละเอียด วันพรุ่งนี้ทางรัฐมนตรี ทางนายกฯ ก็จะไปดูหนัง ก็อาจจะได้เรื่องของการส่งออกหนังในการเข้าชิงรางวัล แต่สุดท้ายก็แล้วแต่หนังจะพาไปเลย”
แม้ “สัปเหร่อ” จะเป็นหนังเฉพาะคนอีสาน ใช้ภาษาท้องถิ่น แต่มุมกล้องและการเล่าเรื่องเป็นสากล
ต้องเต : “ตอนทำหนังเรื่องนี้แรกๆ ด้วยความเป็นภาษาท้องถิ่นมันเฉพาะ แต่เราก็ตีความว่ามุมกล้อง หรือการเล่าเรื่องมันต้องสากล ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะไปสากลในประเทศไหนบ้าง แต่ถ้าหนังเราไปได้ เราไม่ได้ดีใจกับตรงนั้นนะ แต่เราดีใจที่เราได้เป็นแรงขับเคลื่อนอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ให้คนได้มองเห็นว่ายังมีค่ายเล็กๆ ทำหนังที่มีคุณภาพ อาจจะไม่ใช่ค่ายนี้ค่ายเดียว อย่าพาแค่เราไป ให้พาค่ายอื่นๆ ไปด้วย เพราะเดี๋ยวเขาจะหมั่นไส้เราเอา”
ดีใจที่หนัง “สัปเหร่อ” กำลังจะได้รับการผลักดันจากรัฐบาล อยากเป็นกระบอกเสียงแม้จะเป็นค่ายที่เล็กมากๆ แต่ก็สามารถขับเคลื่อนอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยได้
โอม : “รู้สึกดีใจ จริงๆ มันคือความฝันของเรา เราอยากเป็นกระบอกเสียงของค่ายหนังเล็กๆ เราเป็นค่ายเล็กจริงๆ ถ้าเรามีโอกาสได้เป็นกระบอกเสียงเราก็ยินดีที่จะผลักดันอุตสาหกรรมภาพยนตร์ได้รับการส่งเสริม มีช่องทางที่มากขึ้น กว่าเราจะมาอยู่ตรงจุดนี้เราเองก็ล้มลุกคลุกคลานพอสมควร เราต่อสู้กับอะไรมาหลายอย่างมาก วันนี้ถ้าเรามีโอกาสเราก็อยากจะช่วยกัน”
โอม : “(พรุ่งนี้จะมีการพูดคุยกับทางรัฐบาล ถึงการนำพาหนังไปสู่สากล เขาได้บอกอะไรเราไว้บ้างไหม?) ตอนนี้ยังไม่ได้รับการประสานอะไร เรารู้แค่ว่าท่านจะไปดูกันเฉยๆ”
เสียดายไม่ได้ใส่ซอฟต์พาวเวอร์ไทยลงในหนังเลย เป็นสิ่งที่ไม่ได้คาดคิดไว้ ขอแก้ตัวเรื่องหน้า
ต้องเต : “หนังเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง มันมีคุณค่าในตัวของมันเอง ที่คนจะมองเห็น ในเรื่องนี้ก็จะเป็นพิธีกรรม ความเชื่อของชาวอีสาน แต่ไม่รู้ว่าจะเป็นซอฟ์ต์พาวเวอร์ไหม ก็ดีที่เขามองเห็นประเด็นหลักๆ หรือคุณค่าของหนัง มันอาจจะมองเห็นในเรื่องอื่นๆที่ไม่ใช่เรื่องนี้ แล้ววงการอื่นก็อาจจะได้เอาเรื่องนี้มาเป็นมาตรฐาน เป็นแบบอย่างได้ ก็อยากผลักดันให้วงการหนังเป็นซอฟต์พาวเวอร์นำพาพัฒนาประเทศไปได้ ถ้าผมแปลคำนี้ออกตั้งแต่แรกผมว่ามันจะมีซอฟต์พาวเวอร์ที่ดีกว่านี้ครับ ผมไม่รู้ว่าหนังมันควรมีซอฟต์พาวเวอร์มากกว่านี้นะ ตอนเขียนบทคิดไม่ได้เลย ก็เสียดายมาก เป็นสิ่งที่ผมอยากจะพัฒนาตรงนี้อยู่ เราคิดแค่เรื่องของวัฒนธรรมของภาคอีสาน ไว้เรื่องหน้าแล้วกัน อย่ากดดันกันนะครับ(หัวเราะ)”