“โบกี้ไลอ้อน” เคลียร์ครบจบดรามา รับมีทั้งเรื่องจริงและไม่จริง อันไม่ผิดมีอีกมาก แต่ไม่ว่างมานั่งชี้แจง สัมพันธ์ “ส้ม มารี” ยังร่วมงานได้ปกติ คุยกันไปแล้วตั้งแต่ก่อนขึ้นคอนเสิร์ต งงวงในคือวงไหน ทำไมไม่รู้ ส่วนเรื่องโลกสองใบขอไม่ตอบโต้และไม่บอกความจริง ต่อให้มีโลกกี่ใบก็ไม่ได้เข้ามาด้วย แก้ไขทุกอย่างที่ควรทำไปหมดแล้ว วอนเสพผลงานอย่าเสพนิสัย บอกทุกคนห่วงตัวเองดีกว่า
ออกมาเปิดใจเคลียร์สารพัดดรามาเรียบร้อยแล้ว สำหรับสาว “โบกี้ไลอ้อน” พิชญ์สินี วีระสุทธิมาศที่ถูกทวิตเตอร์แหกหนักก่อนขึ้นคอนเสิร์ต “The Concert Application presents 4 Queens Concert” จนหลายคนแอบห่วงว่าแก๊งควีน โบกี้ ไลอ้อน หรือ พิชญ์สินี วีระสุทธิมาศ, อิ้งค์ วรันธร เปานิล, วี วิโอเลต วอเทียร์ และ ส้ม มารี เออเจนี เลอเลย์จะผ่านคอนเสิร์ตนี้ไปได้ด้วยดีไหม เพราะหนึ่งในเรื่องที่คนออกมาพูด คือประเด็นที่บอกว่า “ปี 2020 ด่าเขา ว่าเขาเลียนแบบตัวเอง แคปรูปเขาไปด่าในแอ็กหลุม ตัดภาพมา 2023 จัดคอนเสิร์ตด้วยกัน ที่สุดแล้ว วงการบันเทิง” ซึ่งหลายคนก็เดาว่าเป็น “โบกี้” ที่พูดถึง “ส้ม มารี” และยังมีเรื่องสร้างโลกสองใบ นอกใจแฟนแถมยังแต่งเพลงให้ชู้อีก ทำเอาแฮชแท็ก #Bowkylion กลายเป็นดรามาร้อนติดเทรนด์ แต่งานนี้คอนเสิร์ตก็จบไปแบบราบรื่น และมีซีนซึ้งๆ กอดกันน้ำตาไหลด้วย
“คอนเสิร์ตที่ผ่านมาสนุกมาก ได้ทำอะไรที่แต่ละคนไม่เคยทำมาก่อน ได้ลองอะไรใหม่ๆ รวมถึงได้ประสบการณ์ทำงานร่วมกับผู้อื่น ที่จริงๆ จังๆ ครั้งแรกเลย มีความสุขมากๆ แฮปปี้มากๆ 4 คนมารวมกันก็เมเนทยากมาก เพราแต่ละคนตารางงานไม่ว่าง กว่าจะรวมกันได้ก็ต้องมีบุ๊กคิวล่วงหน้า ตอนซ้อมที่ได้เจอกันพร้อมหน้า ก็มีซ้อมใหญ่ ซ้อมเต้นพาร์ตต่างๆ เจอกันตอนหลังจริงๆ ก่อนจะเล่นประมาณอาทิตย์หนึ่ง จริงๆ ไม่ครบอาทิตย์ด้วย ส่วนชุดก็สไตล์ลิสต์คนเดียวกันหมดเลยค่ะ จะดีไซน์จากสไตล์ของแต่ละคน ตอนแรกที่หนูเห็นชุดก็ถามเลย เขาบอกปกติเราชอบ (หัวเราะ) ก็มีซีทรูมีอะไรด้วย ก็เป็นการดีไซน์ที่น่ารักค่ะ ชอบๆ ทุกคนได้แก้ไขในสิ่งที่ตัวเองชอบหรือไม่ชอบค่ะ”
เผยช็อตร้องไห้กับ “อิ้งค์ วรันธร” เพราะเห็นหน้าแล้วรู้สึกมีพลัง ถ้ามีโอกาสร่วมงานกันอีกก็ยินดี
“จริงๆ หนูร้องไห้ตลอด เห็นหน้าอิ้งค์แล้วรู้สึกมีพลังมากๆ การเจออิ้งค์ทุกครั้งในการทำงานด้วยกัน อยากร้องไห้ เป็นกัลยาณมิตรที่ส่งพลังให้กันผ่านเสียงเพลง เพลงที่ร้องด้วยกันไม่ค่อยมีเวลาซ้อมด้วยกันเท่าไหร่ ดีใจมากที่ออกมาแบบที่ควรจะเป็น ตอนแรกคิดว่าอย่าร้องนะๆ เดี๋ยวหน้ายม แต่ก็น้องไห้นิดหนึ่งค่ะ ถามว่าจะมีโอกาสงาน 4 คนอีกไหม ก็อยากมีนะคะ คิดว่าถ้ามีโอกาสเราก็น่าจะมีนัดอะไรเกิดขึ้น หลังบ้านก็มีอยู่ค่ะ และหลังจบคอนเสิร์ตก็คุยนะคะ ทุกคนภูมิใจในตัวของกันและกันมากๆ จริงๆ หนูเป็นคนที่ทำงานกับคนอื่นไม่คอยเป็น หนูไม่ค่อยมีวุฒิภาวะทำงานร่วมกับคนอื่น เพราะน่าจะเป็นคนที่ขลุกอยู่ในห้องคนเดียว ไม่ค่อยมีสังคมที่เป็นการทำงานเพิ่มเติม นี่เป็นการทำงานนักร้อง 4 คนครั้งแรก ทุกคนก็ช่วยกันได้ดีมากๆ”
เคลียร์สารพัดดรามาร้อน มีทั้งเรื่องจริงและไม่จริง ผิด 1 แต่โดนกล่าวหาไป 9 แต่ก็ยอมรับและแก้ไขไปแล้ว
“อยากเคลียร์ดรามาทั้งหมดใช่ไหมคะ จริงๆ หนูได้พบเจอดรามานี้ในทวิตเตอร์อยู่สักพักหนึ่งแล้ว ตั้งแต่ก่อนจะมีคอนเสิร์ต 1 วัน ต้องแยกแบบนี้นะ มันจะมีทั้งเรื่องที่เป็นเรื่องจริง และเรื่องไม่จริงซึ่งเรื่องจริงก็จะมีเรื่องที่ในชีวิตก่อนหน้านี้น่าจะเป็นเหตุการณ์ในอดีต มีการตัดสินใจที่ผิดพลาดของตัวหนูเองในเรื่องส่วนตัว ซึ่งมีความผิดพลาดจริงๆ อันนี้เป็นเรื่องจริง หนูจะไม่มานั่งแยกยะนะว่าเรื่องไหน ในส่วนของเรื่องไม่จริงมันก็มี
เอาเป็นว่าสมมติหนูผิดหนึ่งอย่าง แต่ว่าคนกล่าวมาว่าผิด 9 อย่าง ถ้าเราไม่ได้ผิด 9 อย่าง แต่เราผิดอันหนึ่ง อย่างน้อยมันก็ผิดอันหนึ่งแหละ แล้วเราก็ไม่ว่าจะทำยังไง เพราะอันที่เราผิดมันก็ผิดจริงๆ แต่เป็นการผิดด้วยประเด็นส่วนตัวที่ไม่เกี่ยวข้องกับสาธารณะชนเลยนะ พอเราผิดอย่างหนึ่งปุ๊บ หนูก็คิดว่าใน 3 4 5 6 7 8 9 ที่ไม่เป็นความจริง และเราก็ไม่ได้กระทำอันนั้นจริงๆ แบบว่าทุกคนรอบข้างก็รู้ว่าอันนี้คืออะไร ก็เลยรู้สึกว่าถ้าไปบอกว่าเราไม่ได้ผิดอันนี้ๆ แต่ฉันผิดข้อหนึ่ง มันน่าเหนื่อยมากๆ ที่จะต้องไปแก้ไขอะไรที่ไม่ได้ผิด ทั้งๆ ที่เรามีความผิดอยู่จริงๆ เหมือนกัน”
อ่านแล้วรู้ว่าโยงมาถึงตัวเอง แต่มีจุดที่รู้สึกว่าไม่ใช่แล้ว และที่ผิดพลาดคือเรื่องส่วนตัว ที่ไม่กระทบงาน
“ก็รู้สึกค่ะ มีจุดที่เรารู้สึกว่าอ่านดูดีกว่า กับมีจุดที่รู้สึกว่าไม่ใช่แล้ว งั้นอ่านไม่ไหวแล้ว บางเรื่องเราก็ไม่รู้จะเข้าไปแก้ยังไง เพราะตัวโบเองไม่ได้มีความสามารถที่จะไปกลั่นกรองข่าวให้ผู้เสพข่าวให้ทราบว่า ที่เสพอันนี้เรื่องจริงนะคะ ของโบเองเป็นเรื่องจริงค่ะ กับอีกเรื่องหนึ่งอันนี้ไม่จริงนะคะ เพราะว่ามันก็ดันมีเรื่องที่ผิดอยู่จริงๆ ซึ่งเรื่องที่ผิดมันค่อนข้างเป็นเรื่องที่ส่วนตัวสุดๆ ซึ่งยอมรับว่าเรื่องงานหรือเรื่องอะไรแบบนี้ ก็ไม่ได้มีผลกระทบที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ตัดสินใจผิดพลาด และเป็นอดีตที่ผ่านมามาแล้ว ซึ่งต้องเรียกว่าอดีตที่ผ่านมาแล้ว ที่บอกว่าผิดนะคะ มันได้รับการแก้ไขอย่างถูกต้อง ตามแบบฉบับที่มันควรจะเป็น บุคคลที่ควรได้รับการแก้ไข โบได้ทำการแก้ไขมันจบสิ้นทั้งหมด เรียกได้ว่าเรื่องต่างๆ ที่ทำความผิดมันได้ถูกแก้ไขไปในตัวของมัน ตัวโบเองรวมถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องมันได้ถูกแก้ไขไปทั้งหมดแล้ว เป็นการแก้ไขไปสักพักนึงแล้ว เรื่องมันจบไปแล้ว
พอมันมาเป็นแบบนี้ ก็รู้สึกว่าเราไม่ได้จะต้องออกมาแก้ตัวหรืออะไร ถามว่ามีเรื่องที่ผิดจริงมีไหม ก็มี แต่ถามว่าผิดทั้งหมดไหม เราก็เห็นอยู่ว่าบางเรื่องมันไม่เป็นความจริงเลย เพราะฉะนั้นต่อให้มาครั้งนี้สัมภาษณ์ใดๆ ก็ตาม โบจะถือซะว่าโบจะออกมาน้อมรับคำพิพากษาทุกชนิดที่ได้รับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริง ยินดีที่จะขอโทษทุกอย่าง ไม่ว่าตัวเองผิดหรือไม่ผิด ก็คือน้อมรับคำพิพากษาจริงๆ คนจะตัดสินยังไงก็แล้วแต่วิจารณญาณ บวกถึงอยากให้ทุกเสพข่าวอย่างมีสติมากๆ จริงๆ ไม่ว่าโบจะเป็นยังไงหรือว่าจะส่งผลชื่อเสียงด้านไหนในอนาคต โบแล้วแต่จินตนาการของคนที่เสพข่าวรวมถึงเจตนาด้วยดีกว่า
โบเองไม่อยากมานั่งแก้ข่าวว่าหนูผิดข้อนี้นะ ข้อนี้หนูไม่ได้ผิด ไม่ว่าทุกคนจะพิพากษายังไง หรือข่าวใดๆ ที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้หรืออะไรก็ตาม ขอให้มันได้เกิดขึ้นไปเลยค่ะ แล้วขอโทษทุกคนที่ทำให้ผิดหวัง แล้วก็ขอโทษทุกคนที่ทำให้มาเสียเวลากับเรื่องนี้ รวมถึงในอนาคตงานเพลง ก็จะตั้งใจทำงานเหมือนเดิม จะมีการติชมเรื่องการทำงานเพลงก็ยังจะตั้งใจทำเหมือนเดิม ก็เหมือนเดิม อยากให้ทุกคนใช้วิจารณญาณในการเสพข่าว บางอย่างหนูผิด หนูรู้อยู่แก่ใจ และถูกจัดการไปทั้งหมดเรียบร้อยมานานแล้ว กับบางอย่างที่ไม่ผิด บางเจตนาทุกคนก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจ แต่ว่าหนูก็จะไม่พูดอะไรไปมากกว่านี้ ก็ขอให้มันเป็นเรื่องของการจินตนาการของแต่ละคนที่ต้องการเสพข่าว แต่เรื่องงานหนูเหมือนเดิม หนูจริงใจกับคนฟังมากๆ เหมือนเดิม”
ความสัมพันธ์กับ “ส้ม มารี” ยังเป็นปกติ หลังมีประเด็นเคยนินทาชอบแต่งตัวเลียนแบบ บอกเคลียร์กันไปแล้ว ตั้งแต่ก่อนคอนเสิร์ต
“เอาจริงๆ มันก็ปกติค่ะ ตอนนี้ยังปกติ จริงๆ ก็สามารถยื่นโยงอะไรก็… ทุกอย่างที่ตอบมามันเป็นเรื่องที่ตอบไปหมดแล้ว จริงๆ ก็แอบไม่เข้าใจว่าเรื่องนี้มาเป็นประเด็นได้ยังไง เพราะจริงๆ แล้วทั้งสองคนไม่ได้มีอะไรต่อกันค่ะ แต่ว่าหลังจากเกิดกระแส ก็เคลียร์กันเรียบร้อย ว่าเออมันมีการเข้าใจผิดกันแบบไหน จริงๆ เคลียร์กันไปเรียบร้อยตั้งแต่ก่อนคอนเสิร์ตแล้วค่ะ ได้คุยแล้วค่ะ ซึ่งความสัมพันธ์ตอนนี้ทุกคนปกติกันดี อะไรที่เคยผิดใจกันมา ทุกคนก็ขอโทษกัน ไม่มีอะไร มันไม่ได้อะไรขนาดนั้นค่ะ มันเรียกได้ว่าเป็นเรื่องปกติ ที่มันเกิดขึ้น มีการเข้าใจผิดกัน
ถามว่าตอนเคลียร์กันเขามีฟีดแบ็กยังไง จริงๆ มันไม่ได้เป็นการเคลียร์เนอะ มันเป็นการพูดคุยกันระหว่างก่อนเกิดคอนเสิร์ต คือเรื่องนี้ทุกคนมานั่งเปิดใจร้องไห้กันหมด ตั้งแต่ก่อนเกิดคอนเสิร์ต แล้วมีข่าวในช่วงนั้นพอดี ว่าเกิดอันนี้ๆ ขึ้น เราก็เออ อะไรที่ถ้าเราไม่เข้าใจอะไรเขาในอดีต ก็ขอโทษด้วย เพราะเห็นข่าวอันนี้พอดี ซึ่งจริงๆ มันไม่ใช่เรื่องที่เหมือนจะต้องเป็นประเด็นขนาดนั้น บางอย่างมันก็งง ว่าอันไหนจริงไม่จริง แต่อยากที่บอกคือหนูจะไม่ชี้แจงแล้วกัน ว่าอันไหนจริงไม่จริง ก็แล้วแต่จินตนาการทุกคนเลย เพราะหนูรู้สึกว่าสมมติมีคนติดตามหนู 1 ล้านคน หนูไม่สามารถไปชี้บอกเขาได้ ว่า 1 ล้านคนคะ อันนี้เรื่องจริงค่ะ อันนี้เรื่องไม่จริง รบกวนเสพอันนี้ด้วย หนูรู้สึกว่าปัจจุบันนี้ หนูตั้งใจทำผลงานมาก คนก็เสพผลงานด้วยค่ะ อย่าเสพนิสัยหนู ถ้าดูไม่ดี ไม่ต้องเสพค่ะนิสัย แต่เอาเป็นว่าก็ปกติค่ะ”
บอกการเคลียร์ใจกัน ไม่ได้เกี่ยวกับการที่คอนเสิร์ตมันผ่านไปได้ด้วยดี ทุกอย่างที่เกิดขึ้นบนเวที เป็นเรื่องจริง ไม่ใช่สคริปต์
“อธิบายไม่ถูก มันไม่ได้เกี่ยวข้องที่จะต้องผ่านหรือไม่ผ่านแบบนั้น แต่ทุกคนมีเจตนาที่จะทำสิ่งนี้ขึ้นมาให้ดีที่สุดอยู่แล้ว มันไม่เกี่ยวว่าเคลียร์ใจเรื่องนี้ ว่าฉันทะเลาะกับเธอ แล้วเธอต้องอันนี้ๆ ไม่ใช่ สิ่งที่เกิดขึ้นบนเวทีทุกอย่าง มันเป็นเรื่องจริงค่ะ พี่ๆ อาจจะไม่ได้แบบนั้น แต่หนูรู้สึกว่าพี่ๆ น่าจะอยากรู้คำตอบที่ตรงไปตรงมา ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเนี่ย มันแสดงหรือเรื่องจริง คือมันไม่มีสคริปต์ หมายความว่ามันอาจจะมีสคริปต์ ว่าเราต้องบล็อกกิ้งยังไง แต่คนเรามันไม่สามารถเดินไปกอดกันด้วยความที่แบบ…เข้าใจไหม มันเกิดการตกผลึกกันแล้ว ว่าชีวิตเราเกิดอะไรขึ้นบ้าง แล้วทุกอย่างเป็นความจริงค่ะ มันไม่จำเป็นต้องเดินไปแล้วฉันจับมือเธอ ฉันไม่ได้เล่นละครอยู่”
กระแสที่เกิดขึ้นมากวนใจระหว่างโชว์ ทำให้จิตใจไม่ค่อยพร้อม
“ถามว่ามีเรื่องกวนใจไหม ก็มีนะคะ เพราะกระแสต่างๆ ที่อยู่ดีๆ มันก็บูมขึ้นมาตอนช่วงคอนเสิร์ตพอดี แล้วเรียกได้ว่ามันทำให้สภาพจิตใจไม่ค่อยพร้อมขนาดนั้นค่ะ”
ไม่กดดันโดนจับจ้องเป็นพิเศษ รู้ตัวเองทำอะไรอยู่ ตอบแต่เรื่องจริง เพราะจำสคริปต์ไม่ได้
“กดดันไหมเหรอคะ ไม่กดดันค่ะ คือจริงๆ ก็รู้สึกว่า อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด เราก็แค่รู้ตัวว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ แล้วเรารู้ว่าเราจริงใจกับสิ่งที่เราทำอยู่หรือเปล่า ถ้าหนูไม่จริงใจ จุดไหนที่หนูไม่จริงใจ หนูไม่สามารถมาตอบเป็นสคริปต์ได้ เพราะว่าหนูจำไม่ได้ค่ะ หนูพูดตรงๆ ว่าก่อนหน้าอาจจะมีการที่ทางค่ายอาจจะเป็นห่วงหนู แล้วก็อาจจะจำเป็นมากๆ ที่เราควรจะต้องคุยกันล่วงหน้า เกี่ยวกับการตอบคำถามนักข่าว มันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ที่ไม่ว่าจะเกิดดรามาอะไร เราควรประชุมและหารือกัน เพื่อตอบคำถามสื่อ ว่าเราจะตอบแบบไหน รูปแบบใด เขาอาจจะอยากให้หนูมีวุฒิภาวะในการตอบ หนูรู้ตัวว่าหนูอาจจะไม่ได้มีวุฒิภาวะขนาดนั้น(หัวเราะ) แต่ว่าอย่างหนึ่งที่หนูคิดว่าหนูไม่ทำชัวร์ คือหนูจะไม่ตอบความไม่จริง เพราะหนูรู้สึกว่าหนูจำไม่ได้ว่ามันตอบอะไรไปบ้าง มันจำไม่ได้จริงๆ แล้วก็รวมถึงการที่ต้องมานั่งอ่านสคริปต์แล้วว่าฉันจะตอบแบบนี้สคริปต์แบบไหน หนูเป็นคนจำเรื่องนี้ไม่ได้จริงๆ หมายถึงว่าถ้าสมมติจะถามอะไร หนูก็คงต้องตอบตามที่หนูต้องการจะตอบ”
บอกเรื่องมันปานปลายและไปกันใหญ่ วงในคือวงไหน ทำไมตัวเองไม่รู้
“หนูรู้สึกว่าบางอย่างมันรุนแรงเหมือนกันนะที่ต้องเจอ ต่อให้ไม่ว่าจะเป็นความจริงหรือไม่จริง มันรู้สึกว่ามันไปกันใหญ่ มันบานปลายแล้วไปกันใหญ่ ขอไทร์อินเพลงนิดหนึ่ง(หัวเราะ) หนูรู้สึกว่ามันเรื่องอะไรกันเนี่ย บางเรื่องมันคืออะไร เขาเอามาจากไหนเนี่ย วงในนั้นคือวงไหน แล้วเราอยู่วงในหรือไม่ น่าจะไม่เพราะเรายังไม่รู้”
ไม่รู้คนแฉต้องการอะไร แต่มันเกิดขึ้นแล้วก็ต้องขอโทษ มีสิ่งที่ไม่ผิดอีกมากแต่ไม่ว่างชี้แจง เอาเป็นว่าผิดแล้วก็ผิดหมดเลยก็ได้
“หนูต้องพูดอย่างนี้ดีกว่า หนูจะไม่พูดถึงบุคคลที่สามเลย เพื่อให้ไม่เป็นการกระทบต่อบุคคลที่สาม และต่อตัวแบรนด์ที่หนูกำลังสัมภาษณ์อยู่ด้วยค่ะ คือจะไม่พูดเลยละกัน แต่เอาเป็นว่าหนูเลือกมาวันนี้ก็เลยสรุปจบที่ว่า ทุกอย่างที่เกิดขึ้นแล้ว และกำลังจะเกิดขึ้น อันไหนถ้าเป็นความผิดและกระทบทุกคนหรือกระทบอะไรก็ตามให้เกิดสิ่งที่ไม่ดีขึ้นมา อันนี้ขอโทษ และก็ขอโทษหลายๆ อย่างที่อาจจะทำให้ผิดหวัง ขอโทษที่ต้องออกมาชี้แจง รวมถึงอะไรหลายๆ อย่างที่พูดไปหมดแล้ว สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้น ความผิดต่างๆ ที่ได้กระทำถูกแก้ไขไปหมดก่อนที่จะเกิดดรามานี้แล้วด้วยซ้ำ ส่วนสิ่งที่ไม่ได้ผิดยังมีอีกมาก แต่ไม่ว่างพอที่จะมานั่งชี้ว่าอันนี้ผิด เพราะยังไงก็มีเรื่องที่ผิดจริง เพราะฉะนั้นถ้าผิดจริงแล้วผิดไปหมดเลยก็ได้”
เรื่องสร้างโลก 2 ใบ ไม่ประสงค์จะบอกความจริงหรือชี้แจง แล้วแต่คนเสพข่าวจะมองว่าผิดหรือไม่ผิด
“หนูรู้สึกว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่ ต่อให้หนูสร้างโลกกี่ใบ แต่ทุกคนไม่ได้เข้าไปอยู่ในนั้น นี่คืออันดับแรก หนูไม่ได้บอกว่าหนูจะมาสร้างโลกสองใบนะ แต่อันนี้คือการที่หนูจะไม่นั่งชี้แล้วว่าหนูผิดอะไร เหรียญมีสองด้านใช่เปล่า แต่หนูไม่ได้เป็นเหรียญ หนูเป็นคน เพราะฉะนั้นหนูจะปล่อยให้ความจริงมันเป็นด้านเดียวแบบนี้โดยที่หนูจะไม่ออกมาตอบโต้อะไร ว่าหนูมีโลกกี่ใบ
รวมถึงหนูก็ไม่ประสงค์ที่จะบอกความจริงและชี้แจงอีก ว่าอันไหนคือผิดหรืออันไหนคือไม่ผิด เพราะฉะนั้นแล้วแต่คนเสพข่าวจินตนาการ คิดว่าประเด็นไหนหนูผิดจริง คิดว่าประเด็นไหนหนูไม่ผิด ก็ตามแต่คนจะคิด เพราะหนูรู้สึกว่าหนูเป็นคนที่ต่อให้ไม่ได้มีสื่อมาจับจ้องหรือไม่ได้อยู่ในแสง หนูเป็นคนที่ค่อนข้างชอบอธิบายตัวเองให้คนอื่นเข้าใจอยู่แล้ว พี่ ตรงนี้หนูไม่ใช่ ขอโทษตรงนี้หนูอาจจะหน้าหยิ่ง แต่ว่าตอนนี้หนูรู้ตัวแล้วว่า หนูไม่สามารถอธิบายให้ฟอลโลเวอร์คนทั้งหมดได้ฟังได้ว่าหนูเป็นยังไงกันแน่เอาจากที่เจอหนูแล้วก็สัมผัสดีกว่าถ้ารู้สึกว่าตรงไหน หนูไม่น่ารักก็ตามกำลังศรัทธาเลย จินตนาการได้เลยว่าเป็นคนยังไง อันนี้ไม่ว่ากัน แต่ว่าบางอย่างที่เป็นความผิดที่เป็นเรื่องส่วนตัว อันนี้ก็อีกเรื่องหนึ่ง”
ความผิดยังติดอยู่ในใจ แต่ก็แก้ไขทุกอย่างที่ควรทำไปแล้ว อยากให้เสพผลงาน อย่าเสพนิสัย
“การทำความผิดอะไรสักอย่างหนึ่งในชีวิต ตอนแรกเรารู้สึกว่าเรายังคาใจ แล้วเราก็รู้สึกว่าความผิดบางอย่างสิ่งนั้นเราไม่น่าทำเลย แต่เป็นบางสิ่งที่เราทำไปแล้ว แล้วมันก็ไม่สามารถแก้อะไรได้แล้ว นอกจากเราจะเอาความผิดตรงนั้นมาแก้ไขตัวเองให้ดีขึ้น ซึ่งสิ่งนั้นมันได้ผ่านมาแล้ว แล้วเราก็แก้ไขตัวเองทำอะไรทุกอย่างที่ควรจะทำไปแล้ว ถามว่าติดใจไหมเหรอ ทำอะไรมาผิดมันก็คงติดใจ แต่หนูรู้สึกว่าต่อให้เราจะมีผลงาน แต่เราก็มีชีวิตส่วนตัว (ยิ้ม) ที่เราอาจจะอะไรของเราบ้าง อย่างที่บอกหนูอยากให้ทุกคนเสพผลงานอย่าเสพนิสัยหนูค่ะ”
หลังสัมภาษณ์ไปถ้าจะขุดเพิ่มก็ได้หมด ไม่รู้จะรับมือได้ไหม แต่ดีใจที่ได้พูดแล้ว
“หนูไม่รู้เลยค่ะ แต่ว่าได้หมดเลย หนูไม่รู้หนูรับมือได้ดีไหม ตอนนี้แล้วหนูก็ไม่รู้ที่หนูพูดไปมันมีอะไรถูกไม่ถูกแต่ว่าหนูก็ดีใจที่ได้พูดในความเห็นของหนูซึ่งความเห็นของหนูก็จะไม่พูดอะไรไม่แก้ตัวอะไร”
กับ “ส้ม มารี” ยังร่วมงานกันได้ปกติ บอกทุกคนอย่าห่วงพวกหนู ห่วงตัวเองดีกว่า
“ร่วมค่ะ อย่าเป็นห่วงพวกหนูเลยค่ะ (หัวเราะ) ทุกคนต้องห่วงตัวเองกันก่อน ไม่ต้องเป็นห่วงพวกหนู พวกหนูปกติโอเคกันดีค่ะ เอาจริง ไม่ว่าใครเขาจะถูกกันหรือไม่ถูกกันเขาร่วมงานกันได้อยู่แล้ว แล้วหนูเองก็ไม่ได้บอกว่าไม่ถูกกัน แต่หมายถึงว่าอันนี้มันเป็นเรื่องปกติของการทำงาน มันจบมันเคลียร์ใจทุกอย่างโอเคมากๆ”
รับข่าวนี้มีผลกระทบเยอะ โดยเฉพาะกับจิตใจ
“จริงๆ ก็มีเยอะค่ะ อย่างที่สำคัญสุดน่าจะเป็นจิตใจค่ะ แต่ว่าตอนนี้ได้พูดอะไรแบบนี้ไปแล้ว ก็ถือว่าโอเคมากๆ แล้วค่ะ”
