หลังปิดโครงการ The Pavilla บ้านเดี่ยวระดับราคา 25-40 ล้าน มูลค่าโครงการกว่า 800 ล้านบาท ทั้งหมด 4 เฟส ไปเมื่อ 2 ปีก่อน และเป็นช่วงโควิดที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีการชะลอตัว แต่สำหรับ คุณธีริศรา อัศวนิเวศน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท Asava Property Group กลับเป็นโอกาสที่ได้หันกลับมาเซอร์เวย์ตลาด และสำรวจ Fundamental ต่างๆ เฝ้าดูภาวะเศรษฐกิจทั้งในประเทศและเศรษฐกิจโลก รวมถึงผลกระทบ After effect หลังโควิด นำข้อมูลทุกภาคส่วนมาวิเคราะห์และวางแผนธุรกิจลุยต่อหลังโควิด
คุณธีริศรา อัศวนิเวศน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท Asava Property Group กล่าวว่า “ที่ผ่านมาบริษัทมีการปรับทิศทาง และภาพลักษณ์ใหม่ เราต้องการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน จึงมีการปรับทิศทางบริษัท บริหารความเสี่ยงต่างๆ ตั้งแต่การเลือกซื้อที่ดิน และ Timing ของการขึ้นโครงการที่วางไว้ มีการปรับค่อนข้างเยอะเพื่อจัดการเรื่องความเสี่ยง สภาพตลาดที่ชะลอตั้งแต่โควิดที่ยังไม่ฟื้นกลับไปจุดเดิม และมีความไม่แน่นอนทางนโยบายต่างๆ กับการเมืองของประเทศที่ผ่านมา ตอนนี้ทุกอย่างชัดเจนมากขึ้นแล้ว พร้อมลุยต่อด้วยโครงการใหม่ แบรนด์ใหม่” คุณแพรกล่าว
ซึ่งในปี 2566 นี้บริษัทได้เจาะน่านน้ำใหม่ ทั้งในเชิงโปรดักส์และโซนที่เข้าไปลงทุน ด้วยการเปิด Soft Opening แบรนด์ใหม่ ‘PentVille’ นำเสนอทาวน์โฮมรูปแบบใหม่ กับชีวิตที่ไม่เหมือนใคร สไตล์ Nordic x Japandi ผสมผสานสถาปัตยกรรมตะวันตกกับตะวันออกเข้ากันอย่างลงตัวในบ้านที่แตกต่าง นำเอาห้องDuplex Penthouse ของคอนโดมาอยู่บนดิน ใส่ Double volume living ที่ให้ฝ้าสูงถึง 4.4 เมตร ซึ่งเป็นฟังก์ชั่นบ้านแพงมาลงบ้านราคาถูก บนพื้นที่ดินขนาด 22-30 ตารางวา ซึ่งเป็นขนาดที่ใหญ่สุดในตลาดทาวน์โฮมในราคาระดับ 2 ล้าน เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ คู่รักสร้างตัว โดยเปิดขายโครงการ PentVille รังสิต-คลอง 6 ทั้งโครงการมีจำนวนทั้งหมด 286 หลัง แบ่งเป็น 4 เฟส มูลค่ารวมโครงการกว่า 600 ล้านบาท
“สำหรับเป้าของปี 66 คือการเปิดตัวแบรนด์ PentVille เจาะตลาดทาวน์โฮม วางเป้า Sold out เฟส 1 ภายในสิ้นปีนี้ นอกจากนี้ยังมีแผนขยายแบรนด์บ้านหรู Pavilla เข้าเมือง ปรับดีไซน์และโปรดักส์ให้เข้ากับคนรุ่นใหม่ โซนลาดพร้าว-โชคชัย 4 ที่ต้องการแยกครอบครัวจากครอบครัวใหญ่ ระดับราคาบ้าน 18-25 ล้านบาท มูลค่าโครงการกว่า 500 ล้านบาท”
ในด้านการบริหารจัดการและกลยุทธ์การตลาด สำหรับการกลับมาทำตลาดครั้งนี้ ส่วนของ Branding & Marketing จากเดิมที่จับตลาดบน ตอนนี้ลงมาเล่นตลาดล่าง มีการวางโครงสร้างตั้งแต่ Corporate brand ปรับภาพลักษณ์องค์กรและโลโก้ให้ทันสมัย ดูสดใสขึ้น และทำ Corporate website รองรับโครงการใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
“เพราะ Product ที่แตกต่าง มันจึงเป็นการตลาดในตัวของมันเอง เราใช้สื่อทั้ง Online และ Offline ควบคู่กัน เน้นงบ Online 70 เปอร์เซ็นต์ เช่น การใช้ Micro/Nano Influencer reviews ในพื้นที่ และ Page reviews นำพากลุ่ม Early adopter คนรุ่นใหม่ที่ชอบของไม่เหมือนใคร จึงปิด First walk ได้เป็นส่วนใหญ่ เพราะ DNA ตรงกัน หาไม่มีที่อื่น ที่นี่ที่เดียว เราเน้นการสื่อสารด้วย Infographic มีตัวการ์ตูนที่ทันสมัย เข้าตาคนรุ่นใหม่ที่นิยมมีหมาแมวเป็นลูก อยู่กัน 2-3 คน เดิมอาจจะอยู่คอนโด คับแคบ หาบ้านที่ที่อยู่ได้สบายพอใช้งานทั้งคนและสัตว์เลี้ยง พร้อม Facility โครงการที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ มี café @ clubhouse เอาใจกลุ่ม Café Hopper อีกด้วย
เพราะ Vision ของบริษัทเรา คือ “สร้างเพื่อเป็นแรงบันดาลใจ” จุดประกายสิ่งใหม่ๆ ในทุกที่อยู่อาศัยที่เราสร้าง ลูกค้าเราทุกคน ไม่ได้ได้แค่บ้าน แต่ได้ “Inspiration” – แรงบันดาลใจ เพื่อไปสร้างสรรค์ให้ชีวิตการเป็นอยู่พัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นในทุกๆมิติของชีวิต” คุณธีริศรา กล่าวปิดท้าย