“แอน ทองประสม” เผยบท “หมอเจน” คือที่สุดในการแสดงของตนแล้ว ทุ่มสุดตัว สุดวิญญาณ ไม่คิดว่าจะมีเรื่องไหนยากกว่านี้แล้ว บอกดูจบเชื่อว่าคนดูจะกลับไปย้อนดูครอบครัวตัวเองได้ ดีใจคอมเมนต์กว่า 90% เป็นการชม พร้อมขอบคุณที่ตนได้รับบทนี้ ทำให้ตนมีแรงฮึดในการทำงานต่อไป เผยไม่คิดว่าเรื่องอดีตที่เคยโกนคิ้วกลายมาเป็นไวรัลอีกครั้ง ทำให้เด็กรุ่นใหม่รู้จักตนมากขึ้น ไม่ติดที่โดนเรียกป้า แต่ก็แอบมีจุกเหมือนกัน
จบไปเป็นที่เรียบร้อย สำหรับละครเรื่อง เกมรักทรยศ ที่นางเอกสาวมากฝีมืออย่าง “แอน ทองประสม” ถึงกับบอกเสมอว่าเป็นเรื่องที่หนักที่สุดเท่าที่เคยผ่านการแสดงมา 30 กว่าปีเลยทีเดียว ซึ่งล่าสุดเจ้าตัวได้มาร่วมงาน END เกมทรยศ ปิดโรงดูตอนจบพร้อมกัน ณ พารากอนซีนีเพล็กซ์ ศูนย์การค้าสยามพารากอน สาวแอนก็เผยว่าเรื่องนี้ตนแทบจะกินเลือดตัวเองเล่นเลย สวมวิญญาณทั้งหมดให้กับบท “หมอเจน” เลยจริงๆ
“บทบาทเรื่องนี้แอนว่าครบครัน ครบความยากทุกอย่างรวมอยู่ในเรื่องเดียวกันค่ะ ถามว่าเรื่องต่อไปจะมีอะไรยากกว่านี้อีกไหม แค่นี้แอนก็กินเลือดตัวเองเล่นแล้ว คือมันครบทุกอย่างเลยค่ะ แอนก็ไม่คิดว่าจะยากขนาดนี้ ตอนอ่านบทก็ไม่คิด พอมาอ่านบทและสวมร่างมาเป็นหมอเจนแล้วจะทรมานตัวเองขนาดนี้ แต่อย่างที่แอนพูดว่าเหมือนวิ่งมาราธอนแล้วเหลือ 2 กิโลสุดท้ายแล้วเหมือนจะขาดใจ แต่วิญญาณยังวิ่งอยู่ เหมือนแอนพาตัวละครมาถึงฉากที่ทุกคนจะดูในวันจบนี้ นั่นคือแอนหมดแรงแล้วบนสะพานสารสิน จริงๆ ข้างในแอนมันหมดแล้ว แอนอุ้มพลังได้เท่านี้จริงๆ ก็เลยอยากจะบอกกับทุกคนว่าเป็นเรื่องที่แอนถอดหัวใจเล่นจริงๆ
ตอนจบคนดูจะเป็นยังไงแอนไม่รู้ แต่แอนน่ะอึ้ง แอนเจ็บ จะรู้สึกว่าทำไมล่ะ ไม่เอาน่า อะไรแบบนี้ เป็นความรู้สึกที่ว่าเป็นอย่างอื่นอีกได้ไหม เอาอย่างนี้จริงๆ เหรอ แต่มันดีนะคะ แต่แอนเป็นผู้หญิงที่อาจจะชอบอะไรที่มันจบเคลียร์ๆ จบดีๆ แต่อันนี้มันเหมือนจบให้เราต่างคนต่างก็ไปคิดเรื่องของตัวเอง คิดว่าคนดูไม่น่าจะค้างคาหรอก แต่แอนว่าทุกคนต้องกลับไปที่บ้านตัวเองและคิดถึงเรื่องราวในครอบครัวตัวเองค่ะ สมมติถ้าตั้งใจดูหน่อยและพยายามจะตีความอะไรบางอย่าง เพราะว่าละครมันก็ไม่ได้พูดชัดๆ หรอก มันเป็นมวลเล็กๆ ที่อยู่ในฉากนั้นว่าตัวละครพูดอะไรไว้ และมันทำให้เราต้องกลับมาคิดอะไรเกี่ยวกับครอบครัวเราเหมือนกัน แต่มันดีนะคะ”
บอกชื่นใจที่เห็นคอมเมนต์กว่า 90% เป็นการชม
“สำหรับเรื่องนี้มันก็คงอาจจะเป็นเรื่องของความรัก ความเชื่อใจกัน คนที่เราฝากชีวิตไว้แล้ว และเราตัดสินใจที่จะใช้ชีวิตร่วมกัน เราต้องอย่าทรยศหักหลังกัน ในความรู้สึกแอนมันเจ็บ มันฝังใจของอีกฝ่ายนึง บวกกับเรื่องปัญหาที่พ่อแม่สร้างขึ้นมา เป็นปัญหาที่เด็กเขาไม่เข้าใจเราและมันก็จะไปเอฟเฟกต์ตกอยู่ที่เขา กลายเป็นเขาเป็นคนรับผลลัพธ์เหล่านั้น ซึ่งมันน่าสงสาร เท่าที่แอนอยู่กับเรื่องนี้ แอนรู้สึกว่ามันน่าเห็นใจไปหมดเลย ถ้าทุกคนยอมปล่อยมือหรือปล่อยวางมันอาจจะไม่เกิดอะไรขึ้น แต่ละครเนอะมันก็มีเรื่องสร้างไปเรื่อยๆ เพื่อทำให้รู้ว่าเมื่อเราไม่จบ เราจะดันต่อ จะสู้ต่อ มันจะเป็นแบบนี้
แอนได้อ่านคอมเมนต์ต่างๆ นะคะ และแอนก็ดีใจที่คนไทยชมนักแสดงในทีมของเราทุกคนว่าเล่นดี และยอมรับมาตรฐาน มันชื่นใจมาก คือเรารู้สึกว่าเราเจียมเนื้อเจียมตัวมากตอนที่เรารับเล่นละครเรื่องนี้ และเรารู้สึกว่าต้องโดนเปรียบเทียบแน่ๆ เลย ปรากฎว่าไม่ เสียงชมคือ 90% เท่าที่แอนเห็นนะคะ มันอาจจะมีเสียงติบ้าง เราก็ไม่ได้เล่นดีทุกฉากหรอก มันก็มีเรื่องให้เขาติจริง แต่ว่าโดนรวมแอนว่าทุกคนถอดหัวใจเล่นจริงๆ มันก็เลยเต็มที่ค่ะ”
ขอบคุณตัวละคร “หมอเจน” ที่ทำให้ตนฮึกเหิม อยากจะทำงานต่อ
“มันเติมอะไรในช่องว่างของการเป็นนักแสดงของแอนค่อนข้างเยอะ เพราะว่าในโอกาสของเรา เราเล่นมาตั้งแต่ยุค 90 มันไม่มีพื้นที่ให้ทำอะไรแบบนี้ แอนไม่คิดว่าจะข้ามเจนมาอยู่ในยุคที่เขาเปิดพื้นที่ให้เราเล่นอะไรที่เรียลขนาดนี้ มันเป็นมิติที่ดีที่แอนรู้สึกว่าคนทำงานมันชื่นใจที่ได้ทำอะไรที่มันสมจริงสมจังค่ะ ถามว่าพอจบเรื่องนี้แล้วผูกพันธ์กับเรื่องนี้ไหม แอนรักเขานะ แอนว่าเขาเป็นแม่ที่ดี เป็นเมียที่ดีและเป็นหมอที่เลิศ เขาดีหมดเลย แต่มันเพราะอะไร ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้ แอนเห็นใจเขานะคะ และแอนก็ไม่อยากมีชีวิตแบบเขาด้วย แอนจะทำชีวิตให้ง่ายกว่านั้น สำหรับแอนนะ (หัวเราะ)
เขาเป็นตัวละครที่เข้ามาฝังอยู่ สิงอยู่พักนึง แอนรู้สึกว่าขอบคุณที่เขาทำให้แอนได้ถ่ายทอดวิชาทางการแสดงอีกแบบที่แอนไม่เคยได้ใช้ และไม่รู้ตัวว่าตัวเองทำมันได้ ก็ขอบคุณเขาที่เข้าไปอยู่ในร่างเรา และขอบคุณที่แอนได้มีโอกาสได้รับบทที่ดีขนาดนี้ มันทำให้แอนมีความฮึกเหิมที่อยากจะทำงานต่อค่ะ”
บอกไม่คิดว่าเรื่องที่เคยต้องโกนคิ้วสมัยเด็ก จะกลับมาเป็นไวรัลอีกครั้ง
“เออใช่ เรื่องโกนคิ้วเรายังเป็นเด็กน้อย เพราะวิวัฒนาการตอนนี้อาจจะใช้ซีจีลบก็ได้ แต่สมัยนั้นมันต้องลบจริง เราก็เลยลบโดยที่เราไม่ได้คิดว่าเราได้เงินก็จริง แต่กว่าคิ้วจะขึ้นก็ตั้งหลายเดือนเนอะ เราก็ทำมาหากินต่อไม่ได้ (หัวเราะ) แล้วดันมีอุปสรรคเรื่องได้รับเงินช้า เราก็เลยรู้สึกว่ามันไม่ง่ายนะชีวิต แต่ก็เล่าให้ทุกคนฟังว่าเราผ่านความทุกข์ยากอะไรมา แต่เราก็ผ่านมันมาได้ และเราก็ไม่ท้อถอยเท่านั้นเองค่ะ เป็นขำๆ ไปค่ะ
แอนรู้สึกว่าอาชีพเรามันสนุก แอนโชคดีที่ว่าเกิดมาแล้วได้ทำตามฝันตัวเองเลย โคตรโชคดี และแค่นี้ก็ดีใจแล้วที่เราเดินมาไกลกว่าที่เราคาดคิด จนมาถึงวันนี้ทุกคนชมแอนในฐานะหมอเจน เราก็รู้สึกว่ามันดีมาก ก็ยังมีอีกหลายอย่างที่อยากทำนะ แต่ที่ยังไม่ได้ทำก็หลายอัน แต่จริงๆ เรื่องคิ้วนี่แอนก็ไม่จำแล้วนะถ้าเกิดป๋อมแป๋มไม่ขุดขึ้นมา แอนก็ไม่คิดว่าป๋อมแป๋มจะไปขุดข่าวเก่ามา (ยิ้ม) เขาเก่งมากเลย และมันก็ไวรัลมากเลย
แอนเพิ่งรู้ว่ามีเด็กเจนนี้ยังไม่รู้จักแอนอีกเยอะ หมายถึงว่ารุ่นพ่อรุ่นแม่เขารู้จักเรา และพอเขามาเห็นก็เหมือนเพิ่งรู้ว่าแอนมีชีวิตแบบนี้ ตอนแรกแอนบอกกับป๋อมแป๋มว่าแอนไม่เล่าแล้วนะเรื่องนี้ เล่ามาหลายสิบรอบแล้ว ป๋อมแป๋มก็บอกว่าเล่าได้ แอนก็เล่าอีก แต่ไม่คิดว่ายังไม่เคยมีคนได้ยิน เด็กรุ่นใหม่เขาก็เลยเปิดใจว่าแอนทุ่มเท คือแอนก็เล่นจริงอะไรจริงของแอนมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วนะ แต่ไม่มีใครเห็นมั้ง”
ไม่ซีเรียสตอนนี้โดนเรียกว่าป้าแล้ว
“มันชื่นใจนะคะ ถึงเขาจะเดินมาบอกว่าพี่ๆ หนูขอถ่ายรูปพี่หน่อย เป็นเด็กอายุ 25 บอกว่าแม่หนูชอบพี่มาก (หัวเราะ) คือ 90% พูดแบบนี้ แต่ก็ยังดีที่เขาเอาตัวเขาเข้ามาอยู่ในเฟรมด้วย แล้วก็อยากจะเอาสิ่งนี้ไปให้แม่ เราก็ดีใจแล้ว ดีกว่าเขาถ่ายแค่เราแล้วเอาไปฝากแม่ เพราะตัวเขาก็ดูเหมือนเขาชื่นชมเรา บางคนก็บอกว่าดูตอนอายุ 6 ขวบ และตอนนี้เขาอายุ 20 กว่าแล้วอะไรแบบนี้ แต่บางคนก็ไม่เคยดูเลย เพิ่งมารู้จักว่าป้าคนนี้เป็นใคร ก็มีบ้าง (หัวเราะ)
เด็กที่สุดที่เคยมาขอถ่ายรูป ถ้าเด็กก็จะเป็นเด็กเล็กที่ดูละครกับแม่ค่ะ ที่จะรู้จักว่าเป็นพี่แอน เป็นน้าแอน เป็นป้าแอน แล้วแต่ว่าถ้าแม่เขาเป็นน้องเรา เขาก็จะเรียกว่าป้า เรียกพี่ เรียกน้า แต่ยังไม่ยายนะ ยังได้อยู่ (หัวเราะ) ถามว่าคำว่าป้ามันสะเทือนใจไหม ก็ไม่นะ แต่แรกๆ ก็มีจุก ตอนนี้เริ่มชิน แอนยังเผลอไหว้น้องๆ นักข่าวตรงนี้อยู่เลย ทั้งๆ ที่ทุกคนตรงนี้เด็กกว่าแอนหมดเลย (หัวเราะ) เวลาเราเจอนักข่าว เราก็จะสวัสดีโดยธรรมชาติอยู่แล้ว แต่ลืมไปว่านี่รุ่นน้องหมดเลยนะ เราจะเผลอลืมไปว่าตัวเองโตมากแล้ว แต่โอเค แอนไม่ได้อับอายเรื่องอายุตัวเอง แอนโอเค เป็นป้ายังได้อยู่ค่ะ”