“อุ้ม ลักขณา” ยัน “บอล กฤษณะ” ไม่ได้ง้อ โพสต์อยากซ่อมบ้าน แต่สัมผัสไม่ได้ถึงการแก้ไข บ้านใหม่ Only โน รีโนเวต ตัดสินใจนานกว่าจะหย่า ตั้งสติคิดทบทวนไม่ได้ใช้อารมณ์ บอกไม่ย้อนเรื่องมือที่สาม แต่มีไม่กี่เรื่องที่คนเป็นเมียรับไม่ได้ ยังเจอได้ปกติ ส่วนเรื่องให้อภัยต้องใช้เวลา สภาพจิตใจดีขึ้นเพราะ “น้องดิสนีย์” เป็นยาใจ ไม่พร้อมมีรักใหม่ ขอโฟกัสลูกก่อน มูขอคู่บุญบารมี ตัดคู่เวรคู่กรรม ฟุ้งลูกสาวอยากได้อปป้าเกาหลี เล็งหาฤกษ์อัปอึ๋มอีกครั้ง เพื่อลุยงาน
พาลูกสาว “น้องดิสนีย์”ย้ายออกจากบ้านอดีตสามีที่เชียงใหม่ กลับมาอยู่กรุงเทพฯ ได้สักพักแล้ว สำหรับสาว “อุ้ม ลักขณา วัธนวงส์ศิริ”ที่ออกมาเผยว่าตอนนี้ ได้ปิดฉากชีวิตคู่ 7 ปี เซ็นใบหย่ากับสามี “บอล กฤษณะ อมิตรสูญ”ไปเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงการเป็นพ่อเป็นแม่ของลูกเท่านั้น ล่าสุดวันนี้ (12 ต.ค.) ได้เจอสาวอุ้ม ในงานแกรนด์โอเพนนิ่งร้าน “มีทสัมพันธ์” เจ้าตัวก็ได้ออกมาเปิดใจกับสื่อถึงเรื่องนี้ ยืนยันว่าไม่กลับไปอีกแล้ว เพราะบ้านที่ดีคือบ้านใหม่ ไม่มีการซ่อมรีโนเวต
“ตอนนี้ก็กลับสู่เมืองกรุงค่ะ มาอยู่เป็นสาวกรุงเทพฯ เหมือนเดิม แล้วก็เป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ดูแลลูกนะคะ แล้วก็ต้องคัมแบ็กกลับมาทำงานแล้วค่ะ ขนรถ 6 ล้อกลับมา เสื้อผ้า ของใช้ที่เป็นของเรากับลูก ของเล่น ข้าวของเครื่องใช้ก็ขนมา แต่ก็มีบางอย่างที่ยังเอาไว้ที่เชียงใหม่ เผื่อปิดเทอมลูกกลับไปเที่ยวบ้าง”
ตัดสินใจนาน ใช้สติไตร่ตรอง ไม่ใช้แค่อารมณ์
“นานค่ะ ทุกอย่างใช้เวลา ไม่ใช้แค่อารมณ์ในการตัดสินใจ มันต้องใช้สติและคิดไตร่ตรองให้ดี เพราะมันเป็นเรื่องของที่ว่าไม่ใช่อนาคตอุ้มคนเดียว มันคืออนาคตของลูกด้วย อย่างที่บอกว่าไม่มีใครอยากให้ลูกไม่อยู่ครบพร้อมหน้าครอบครัว แต่สุดท้ายมันก็ถึงทางที่เราทั้งสองคนตัดสินใจร่วมกันแล้ว”
คุยกันมา 3 เดือนกว่า พยายามทุกอย่างให้ออกมาสวยงามที่สุด ไม่โกรธ ไม่เกลียด
“ก็ 3 เดือนกว่าที่ได้พยายามทุกอย่างแล้วค่ะ ที่จะให้มันออกมาได้สวยงามที่สุด สำหรับความสัมพันธ์ของเราสองคน ที่มันจะไม่ท็อกซิกใส่กัน ไม่โกรธ ไม่เกลียดกัน สามารถทำหน้าที่ของการเป็นพ่อเป็นแม่ได้เพื่อลูก ส่วนปัญหาในการตัดสินใจ คิดว่าไม่น่าจะต้องพูดถึงแล้วเนาะ เพราะคิดว่าทุกคนน่าจะพอรับทราบเรื่องราวที่มันเกิดขึ้นแล้ว เหตุผลที่ตัดสินใจก็อย่างที่พูดไปเยอะแล้วเหมือนกันในรายการ สุดท้ายแล้วมันคือเรื่องของคนสองคนที่คิดไปคนละทาง เลือกคนละทาง แล้วก็หาจุดจบว่าจะเป็นยังไง สุดท้ายจุดจบมันก็คือการที่เรามาทำหน้าที่ของพ่อกับแม่ให้ดีที่สุดเพื่อลูกดีกว่า”
มีไม่กี่เรื่องที่หัวอกคนเป็นเมียรับไม่ได้
“อุ้มว่ามันก็มีแค่ไม่กี่เรื่อง สำหรับหัวอกคนเป็นเมียหัวอกคนเป็นแม่ที่จะรับไม่ได้ (มีหลายครั้ง?) เราคงไม่ต้องลงดีเทลขนาดนั้นว่าจะมีกี่ครั้ง แต่มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วมันยาก”
พอรู้ปัญหาก็ตั้งสติและทบทวน จนหย่ากันในที่สุด
“ใช่ค่ะ เราตั้งสติก่อน อันดับแรกพอรับรู้เราก็มีการคุยกัน เรากลับมาอยู่บ้าน กลับมาอยู่ในที่เซฟโซนของเราก่อน พอเราสองคนสงบในเรื่องของอารมณ์ทั้งคู่ เราก็มาใช้เหตุผลคุยกันว่าเหตุที่เกิดขึ้นเพราะอะไรการแก้ไขคือยังไง ทางออกคืออะไร สุดท้ายมันก็จบตรงที่เราสองคนจดทะเบียนหย่ากันเรียบร้อย”
โชคดีตอนนั้นมีน้องชายอยู่ด้วย
“แทบทุกครั้งเวลาที่มีปัญหา อุ้มก็ไม่มีใครเลย เพราะว่ามีแค่เขาอยู่แล้ว เราไม่ได้มีเพื่อนหรือสังคมที่โน่น แต่อุ้มจะคุยกับพ่อแม่ตลอดทุกเรื่อง พอมีเรื่องอะไร คุณพ่อ คุณแม่ น้องสาว น้องชาย โชคดีที่ตอนนั้นมีปัญหาน้องชายอยู่ด้วย อย่างน้อยเราก็มีน้องชายที่เป็นคนในครอบครัวเราตรงนั้นค่ะ”
ก่อนตัดสินใจหย่า ไม่สัมผัสได้ถึงการแก้ไข ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการกระทำ
“ขอโอกาสไหมเหรอคะ อืม…มันไม่ได้มีการกระทำที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่ทำให้เราสัมผัสได้ ว่ามันคือการขอโอกาสแก้ตัว มันเป็นเพียงแค่คำพูดเฉยๆ (แสดงว่ามันไม่จริงใจ?) ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับการกระทำไหมคะ เหตุที่มันเกิดก็คือการกระทำ เพราะฉะนั้นการแก้ไขมันก็ต้องเป็นการกระทำ ทุกอย่างเราดูที่การกระทำ (เขายอมรับความผิดไหม ตอนที่คุยกัน?) ก็ยอมรับค่ะ”
“บอล” โพสต์ว่าอยากซ่อมบ้าน ทำคนก็ตีความว่าง้อ แต่ไม่มีการมาบอกอะไรส่วนตัว
“ไม่ใช่ค่ะ คือเขาก็ลงโซเชียลของเขาเอง แต่เขาไม่ได้มาพูดอะไรกับอุ้ม คือเราไม่ได้ฟอลฯ กันและกันค่ะ อุ้มก็ไม่ได้ทราบว่าตัวเขาจะโพสต์อะไรเมื่อไหร่ ยังไง แล้วอุ้มก็ไม่ได้ติดตามกัน”
หลังย้ายกลับมากรุงเทพฯ ก็คุยกันแค่เรื่องลูก
“คุยกันเรื่องลูกค่ะ ทุกอย่างก็คือคุยเรื่องลูกอย่างเดียว เพราะว่าเขาก็เป็นคนดูแลน้องดิสนีย์ ตามสัญญาที่เราตกลงกัน (ง้อว่าให้กลับมาเถอะบ้างไหม?) คุยกันแต่เรื่องลูกค่ะ”
ลั่นบ้านใหม่ Only โน รีโนเวต แค่คำพูดใครๆ ก็พูดได้ ต้องดูที่การกระทำ
“อย่างที่อุ้มบอกค่ะ บ้านใหม่ Only (หัวเราะ) โน รีโนเวตค่ะ รีโนเวทมันก็มีรอยร้าว รอยร้าวนั่นจะให้ทำยังไงอะคะ ยาแนวเราเห็นอยู่ดี ทุบบ้านทำบ้านใหม่ เราก็ยังอยู่ตรงนั้น เพราะฉะนั้นเราก็บ้านใหม่ Only ค่ะ (หัวเราะ) (พอเห็นเขาโพสต์แบบนั้นแต่ไม่ได้มาบอกเรา เรารู้สึกยังไง?) อย่างที่อุ้มบอกค่ะ ทุกอย่างต้องดูที่การกระทำ ระหว่างทางก่อนที่เราจะย้ายกลับมา มันมีเรื่องของการกระทำ เราดูที่การกระทำอย่างเดียว คำพูดใครๆ ก็พูดได้ เขาพูดได้ทุกอย่าง ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับการกระทำ เพราะฉะนั้นเราเชื่อการกระทำมากกว่า ณ วันนี้วันที่เราได้มูฟออกมาแล้ว เราก็ดูที่การกระทำเหมือนกัน”
ไม่ใช่ผู้หญิงที่ดีที่สุด แต่เรื่องความรัก ความซื่อสัตย์ เสียสละให้ไปหมดทุกอย่างแล้ว
“ในฐานะผู้หญิงคนหนึ่งนะคะ เราต้องรักตัวเองค่ะ เราต้องเห็นคุณค่าของตัวเอง เพราะอุ้มรู้สึกว่าอุ้มอาจจะไม่ใช่ผู้หญิงที่ดีที่สุด อาจจะไม่ได้เพอร์เฟกต์ไปทุกเรื่อง แต่เรื่องความรัก ความซื่อสัตย์ ความใส่ใจ การเสียสละทุกสิ่งทุกอย่าง อุ้มถือว่าอุ้มได้มอบให้กับเขาไปหมดแล้ว หมดทั้งหัวใจจริงๆ หมดทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นที่เราไม่ได้อยู่กับครอบครัวเรา ทิ้งครอบครัว ทิ้งงานในวงการ พี่ๆ สื่อก็ไม่เคยเจออุ้มเลยตลอด 4 ปีที่ผ่านมา เราทิ้งแล้วก็ฝากทุกอย่างไว้กับเขาจริงๆ แต่ในเมื่อเขาไม่ได้เห็นคุณค่า และมันได้ทำลายลงไปแล้ว จบไปแล้ว เพราะฉะนั้นทางออกที่ดีที่สุดก็คือเราต้องเป็นพ่อและแม่ที่ดีให้ลูกแค่นั้นเอง”
สภาพจิตใจดีใจขึ้น เพราะมี “น้องดิสนีย์” เป็นยาใจคอยซัปพอร์ต ตอนนี้ลูกก็เริ่มเข้าใจแล้ว
“เอาจริงๆ มันก็ดีขึ้นนะคะ เพราะว่าอุ้มมียาใจก็คือน้องดิสนีย์ แล้วเขาเป็นเด็กที่ซัปพอร์ตเราตลอดทุกเรื่อง ทุกอย่าง อุ้มเลี้ยงดิสนีย์มาด้วยมือของอุ้มเอง ด้วยน้ำพักน้ำแรง ด้วยใจของอุ้มจริงๆ เพราะฉะนั้นเขาอยู่กับเราเสมอ ทำให้เรากำลังมีกำลังใจที่จะใช้ชีวิตต่อไป เพียงแต่ว่า ณ วันนี้ สถานะภาพของเราสองคนไม่เหมือนกันเดิมแล้ว ดิสนีย์ก็เริ่มจะเข้าใจนะคะ”
บอกลูกว่าต้องย้ายเพราะบ้านพัง ยังไม่ได้ลงดีเทลมาก
“ตอนแรกบอกว่าบ้านพัง เขาก็ถามทำไมต้องย้ายบ้าน ทำไมต้องมาเรียนที่กรุงเทพฯ เพราะเมื่อก่อนเวลามากรุงเทพฯ คือมาเที่ยวหาอากง อาม่า แต่บ้านเขา เพื่อนเขา โรงเรียนเขาอยู่เชียงใหม่ ทำไมหม่าม๊าต้องพาเขาออกมาจากตรงนั้น ก็บอกเขาว่า เห็นไหม บ้านรอยร้าวเต็มไปหมดเลยลูก บ้านจะพังแล้วเราต้องซ้อมบ้าน เขาก็บอกแล้วปะป๊าล่ะ ทำไมปะป๊าไม่มาด้วย ก็บอกปะป๊าอยู่ซ่อมบ้านกับเจ่เจ๊นะ ดิสนีย์ไปอยู่กับหม่าม๊ากับอากงที่กรุงเทพฯ ซึ่งเขาก็ค่อนข้างเข้าใจ (ให้น้องรู้แค่นี้ไปก่อน?) ใช่ค่ะ เพราะเขาก็ยังเด็กอยู่ ก็ไม่ได้ลงรายละเอียดลึกมาก”
ลูกติดแม่ เลยไม่ได้ถามหาพ่อเยอะ
“จริงๆ ดิสนีย์เขาติดอุ้มอยู่แล้วค่ะ เพราะว่าอุ้มนอนกับเขามาตลอดเลี้ยงเขามาตลอดเขาเลยไม่ได้พูดถึงอะไรเยอะ”
รับตอนแรกห่วงลูก กลัวมีปัญหาในอนาคต แต่อธิบายแล้วเขาเข้าใจ เป็นแบบนี้ดีกว่าอยู่ทะเลาะกันต่อหน้าลูก
“เอาจริงๆ ตอนแรกเป็นห่วงมาก ว่าเขาจะมีปัญหาไหม แต่พอสุดท้ายแล้ว เราได้พูดได้คุยได้บอกเขา ได้อธิบายให้เขาฟัง จริงๆ เด็กเขาค่อนข้างเข้าใจและโตมากๆ คือเขาได้เห็นโมเมนต์ที่อุ้มทุกข์ ร้องไห้ เศร้า คือเขาก็ใจไม่ดี แต่พอวันที่อุ้มเข้มแข็ง ไม่ร้องไห้แล้ว และมีพลังในการที่จะดูแลเขาได้เหมือนเดิม เขาก็มีความสุข เหมือนเด็กได้พลังที่เราส่งไปให้เขา มันมีผลต่อเด็กมาก ถ้าพ่อแม่มานั่งทะเลาะต่อหน้าลูกจะดีไหม เสียงดัง ทะเลาะกัน ด่ากัน ต่อหน้าลูก ให้ลูกเห็น ลูกไม่มีความสุขแน่นอน แล้วลูกก็จะอยู่ในสิ่งท็อกซิก และผลกระทบจะตกถึงลูก แต่ถ้าวันนี้เราเป็นพี่น้องกัน เราเป็นเพื่อน เป็นแค่พ่อกับแม่ให้ลูก กลายเป็นว่าบรรยากาศในบ้านมันก็ไม่ตึงเครียด แล้วลูกเขาก็แฮปปี้ เขาก็จะได้พลังดีๆ ในการใช้ชีวิตของเขา”
ตั้งแต่ย้ายกลับมา อีกฝ่ายยังไม่ได้มาหาลูก รอมาตอนจะเปิดเทอม
“ยังค่ะ แต่ว่าเขาจะมาตอนดีสนีย์จะเปิดเทอม เขาจะมาส่งดีสนีย์เข้าโรงเรียนด้วย ก็มีการคุยกันว่าถ้าเขาอยากจะมาหาลูกบ้างช่วง ศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ อุ้มก็ไม่ได้กีดกันไม่ให้มา ไม่ให้เจอ ดูตามวาระความเหมาะสม ถ้าเราว่างเราพาลูกไปเจอเขาได้ เขาก็ซื้อคอนโดที่กรุงเทพฯ เพื่อเวลามาหาลูก ลูกจะได้ไปอยู่กับเขาบ้าง”
ยังเจอกันได้ปกติ แต่เรื่องให้อภัยต้องใช้เวลา ตอนนี้มูฟออนแล้ว
“เจอได้ ตอนที่อยู่เชียงใหม่ก็อยู่บ้านหลังเดียวกัน อยู่ด้วยกันในระหว่างที่มีปัญหา ที่เราเลิกรากัน เพียงแต่เราแยกส่วนกัน เขาอยู่อีกหลัง อุ้มอยู่อีกหลัง ถามว่า ณ วันนี้ให้อภัยเขาหรือยัง ทุกอย่างต้องใช้เวลาค่ะ แต่ที่แน่ๆ ก็คือมูฟออนค่ะ”
ยังไม่มีคนมาเสนอบ้านใหม่ อยากมีแต่ยังไม่ได้เปิดใจ
“ไม่มีเลย ไม่มีเลย (แฟนๆ บอกว่า บ้านที่ดีคือบ้านใหม่?) บ้านที่ดีคือบ้านใหม่ ก็อยากจะมีแต่ยังไม่มี ยังไม่ได้เปิดใจ อุ้มยังไม่ได้เข้มแข็ง ยังไม่แข็งแรงพอ ที่จะมีความสัมพันธ์ครั้งใหม่ รู้สึกว่าเรายังไม่อยากเอาใครเข้ามาในความสัมพันธ์ตอนนี้ ในขณะที่เรายังไม่เข้มแข็งพอ มันจะทำให้ทุกอย่างมันไม่ราบรื่น มันจะไปได้ไม่สวย ตอนนี้อุ้มไม่ได้โฟกัสเรื่องความรักเลยค่ะ โฟกัสแต่เรื่องลูก เรื่องงาน เรื่องชีวิตดีกว่า ว่าอนาคตต่อไปเป็นอย่างไร เพราะเราก็อายุมากขึ้นทุกวัน ถ้ามัวนั่งคิดเสียอดีต ทำไมอย่างนั้น อย่างนี้ เราจะไม่ได้เดินหน้า ตอนนี้ต้องเดินหน้า ต้องทำงาน ต้องหาเงิน ต้องเลี้ยงลูกให้ดีที่สุด และมีความสุขที่สุด ส่วนตัวก็ต้องสวยที่สุด แซบที่สุด”
มีสติ เลิกเป็นคนคลั่งรัก ใครจะเข้ามาต้องเป็นคนรักลูก และลูกก็ต้องรักด้วย
“ไอ้เรามันก็คนคลั่งรักซะด้วย เราก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่เป็นคนคลั่งรัก แต่ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมา ต่อไปนี้ก็จะไม่คลั่งรักแล้วค่ะ ต้องมีสติ เราเอาลูกเป็นหลักถ้าจะมีใครสักคนเข้ามาคนๆ นั้นต้องรักลูกเรา และลูกเราต้องรักเขา และดีสนีย์บอกหม่าม๊า ดีสนีย์ขออปป้านะ เขาชอบเกาหลี เพราะอุ้มดูซีรีส์เกาหลี เขาก็จะบอกว่าเอาแบบคังโฮได้ไหม (ต้องตามใจลูกไหม ไปอยู่เกาหลี?) สายเกาก็โอเค แต่คนเชียร์ไปสายฝอเยอะ อยากรู้ว่าหาที่ไหนคะ ต้องหาที่ไหนกัน”
มูขอคู่บุญบารมี ขอหมดเวรหมดกรรมกับคู่เวรคู่กรรม
“ไทป์แม่เหรอ ด้วยความที่อายุแม่ก็ขนาดนี้แล้ว แม่ก็คิดไม่ออกเลย จะกินเด็กจะยังไง (หัวเราะ) เด็กเขาจะกล้ากินเราไหม เรามีลูก แล้วอายุขนาดนี้ ก็ไม่รู้ไง คิดแต่ว่าต่อไปนี้ขอให้เจอคู่บุญคู่บารมี ถามว่ามูไหม ก็ไม่ได้มูเรื่องความรักเลย ขอคู่บุญบารมี ขอหมดเวรหมดกรรมกับคู่เวรคู่กรรมแค่นั้น ไม่ได้สาป เราเป็นสายมูไง เราต้องไหว้พระสวดมนต์ทุกวัน แต่เราไม่ได้ I told พระแม่ลักษมี เรียกว่าบูชาที่บ้านเลย มีหลายองค์ เกือบร้อยองค์เลยเยอะมาก”
กลับมารับงานแล้ว แค่แอบกลัวลูกน้อยใจ
“ตอนนี้ก็กลับมารับงานแล้วนะคะ เปิดรับทุกช่องทางนะคะ เบอร์ผู้จัดการขึ้นค่ะ ก็มีติดต่อเข้ามาเรื่อยๆ ก็อยากทำงาน แต่เราต้องดูเรื่องเวลาด้วย ลูกเราก็เลี้ยงเขามาตลอด พอต้องกลับมาทำงาน ตัวเราเองก็คิดเยอะ กลัวว่าถ้าเราไปทำงานลูกจะน้อยใจไหม จะเสียใจไหม ว่าเราไม่มีเวลาให้ไหม เพราะเขาติดแม่มาก เราเลี้ยงร้อยเปอร์เซ็นต์ ขนาดขออนุญาตเขายังไม่ให้ไป เราก็ต้องบอกเขา ว่าแม่จะไปทำงานหาเงินนะลูก เขาก็เข้าใจแต่ก็มีงอแงบ้างตามประสาเด็ก ไม่แน่อาจจะผลักดันลูกเข้าวงการแทน”
เตรียมอัปอึ๋มใหม่อีกรอบ ต้องขายความเป็น “อุ้ม ลักขณา”
“รอดูแล้วกัน อาจจะคัมแบ็กกลับมา ถอดเข้าถอดออกเป็นเรื่องง่าย (หัวเราะ) คือมีความคิดที่จะกลับใส่เข้าไปค่ะ อย่างที่บอกคนเราต้องรักตัวเอง เมื่อก่อนรักผู้ชายมาเยอะแล้ว แล้วก็คิดว่าแขวนๆ ไปเถอะยังไงก็ไม่คิดจะมีใหม่อยู่แล้ว และเขาก็เคยเห็นเรามาหลายเวอร์ชั่นแล้ว ด้วยเรื่องสุขภาพเราด้วย แต่ ณ ตอนนี้ถ้าเราต้องกลับมาทำงาน เราจะนมห้อยนมเหี่ยวไม่ได้ เราจะมานมใส่เสื้อผ้าแล้วเกาะอกไม่อยู่ เราก็อาจจะต้องคัมแบ็กหวนคืนวงการกลับมา ด้วยความที่เราต้องขายความเป็น อุ้ม ลักขณา ความเป็นคาแรกเตอร์เราด้วย อย่างที่ผ่านมาเราไม่ได้รับงาน แต่ในเมื่อตอนนี้กลับมารับงาน อุ้มก็อาจจะกลับมาคัมแบ็กค่ะ”
ไซส์เดิมคงไม่ไหว ได้ฤกษ์เมื่อไหร่รอชมเลย
“ไม่เท่าเดิมค่ะ เดิมมันใหญ่เกินไป (หัวเราะ) ไม่ไหวปวดหลังอาจจะแค่มินิมอลมินิใจ (เมื่อไหร่อัปนัดวันหรือยัง?) โอ้ย ต้องดูฤกษ์ดูยาม รอสิ รอชมเลย”