“แอลลี่ อชิรญา” เล่าเคยเป็นอินโทรเวิร์ต ไม่กล้าเจอคน ไม่กล้าคุยกับใคร เพราะกลัวโดนตัดสิน กดดันและเครียด จากความคาดหวังของคนอื่น พบหมอแล้วดีขึ้น มีครอบครัวและเพื่อนๆ ช่วยรับฟัง ตอนนี้ฮีลตัวเองได้แล้ว พร้อมออกมาสัมผัสประสบการณ์ชีวิต แนะทุกคนควรให้ความสำคัญกับสุขภาพจิต
เห็นยิ้มสดใสทุกครั้งที่ออกงานแบบนี้ แต่ใครจะรู้ว่าน้อง “แอลลี่ อชิรญา นิติพน” ก็เคยกดดันตัวเองหนัก ไม่กล้าออกมาข้างนอก ไม่กล้าพูดกับใคร จนกลายเป็นมนุษย์อินโทรเวิร์ตอยู่ช่วงหนึ่ง โดยน้องแอลลี่ได้แชร์ประสบการณ์เหล่านั้นให้ฟัง ในงานเปิดตัวโครงการ “Brave Together” ว่ากว่าจะผ่านมาได้ ก็ใช้เวลานานมาก พร้อมอัปเดตสุขภาพของคุณพ่อ “อ่ำ อัมรินทร์ นิติพน” หลังไม่สบายและทำงานเยอะ
“ปะป๋าไม่สบายค่ะ ด้วยเรื่องสุขภาพแล้ว ปะป๋าเป็นคนแอ็กทีฟมากๆ แต่ว่าน่าจะโอเคแล้วนะคะ ตอนนี้เขาถ่ายซีรีส์ ถ่ายละครทุกวันเลยค่ะ เราห่วงอยู่แล้ว ด้วยความที่ปะป๋างานเยอะมาก ทำงานเยอะไม่ค่อยมีเวลามานั่งเฉยๆ อยู่ด้วยกัน รู้สึกเป็นห่วงอยู่แล้วค่ะ แต่เขาชอบทำงาน หนูก็อยากให้เขาได้ทำในสิ่งที่เขาชอบ ก็จะพยายามบอกเขาว่าให้พักบ้างเพราะเขาก็จะไปตีกอล์ฟบ่อย ก็บอกให้เขาชิลๆ บ้าง อย่าฟิตเกิน”
เป็นพ่อลูกที่สนุกกับงานทั้งคู่
“ใช่ค่ะ มันกลายเป็นพาร์ตหนึ่งในชีวิต ที่ไม่ได้รู้สึกว่าทำงาน เหมือนรู้สึกได้ออกมาเที่ยวมากขึ้น เพราะหนูเคยอินโทรเวิร์ตมากๆ ช่วงหนึ่งไม่ค่อยชอบออกมาข้างนอก แต่เดี๋ยวนี้ถ้าสังเกตหนูจะพูดมากขึ้น (หัวเราะ)”
ถ้ามีเวลาจะเข้าไปดูแลคุณพ่อตลอด
“ดูแลอยู่แล้วค่ะ ก็เช็กอัปในไลน์ตลอด ส่งหาตลอดว่าเป็นไงบ้าง แล้วกับแม่หนูอยู่กับแม่ตลอดอยู่แล้ว จะบอกให้แม่ไปเช็กเรื่องสุขภาพด้วย อยากให้เขาแข็งแรง”
เล่าเป็นอินโทรเวิร์ตอยู่ช่วงหนึ่ง เพราะทำงานเจอคนเยอะ ทำเครียดและกดดัน
“เป็นเหมือนช่วงหนึ่งในชีวิตที่รู้สึกว่าหนูเจอคนเยอะมาก บางทีมันมีความกดดัน มีความเครียดจากการทำงานจนทำให้เราไม่ค่อยกล้าออกมาข้างนอก ไม่กล้าคุยกับใคร เพราะกลัวเขาจะตัดสินเรา แล้วเอาเราไปพูดต่อ มันเป็นสิ่งที่กลัวมากๆ แค่การที่เราโชว์ความอ่อนแอ คนจะเอาไปบอกต่อไหม ว่าเนี่ยแอลลี่เป็นแบบนี้แบบนั้น ทั้งที่บางเรื่องมันอาจจะบิดเบือนไปด้วยอาจจะไม่ใช่ความจริง หนูก็เลยค่อนข้างปิดไปช่วงหนึ่ง แต่หนูรู้สึกว่าชีวิตนี้หนูใช้ได้แค่ครั้งเดียว หนูอยากออกมาสัมผัสประสบการณ์อะไรให้ได้มากที่สุด”
เรื่องบูลลี่หน้าตาทำใจได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องสวยเพื่อใคร หรือต้องเป๊ะตลอดเวลา
“เรื่องที่หนูโดนบูลลี่ มันเป็นเรื่องที่หนูทำใจได้แล้ว เรามั่นใจในตัวเองแล้ว ไม่ได้รู้สึกว่าต้องสวยเพื่อใคร เพื่อตัวเองดีกว่า ไม่ได้รู้สึกว่าต้องเป๊ะตลอด แค่ใครมาชมเราก็ขอบคุณมากๆ แล้ว ถ้าใครไม่ชอบก็ไม่เป็นไร หนูว่าเรื่องความกดดันหลายๆ อย่าง ด้วยความที่หนูบาลานซ์หลายๆ อย่าง เช่นเรื่องเพลงหนูก็อยากทำให้มันดีมากๆ หนูเป็นเพอร์เฟกต์ชั่นนิสต์ด้วย หนูอยากให้มันออกมาเป๊ะที่สุด ไม่อยากให้ผิดหวังด้วย แล้วเวลามางานหนูก็รู้สึกว่าต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ห้ามลืมว่าต้องพูดอะไร พรีเซนต์แบรนด์ทุกแบรนด์ให้ได้ดีที่สุด หนูก็รู้สึกว่าต้องเรียนด้วยแล้วมันมีหลายอย่างที่หนูแยกไม่ออกว่า โอเคตอนนี้เรียนอยู่แล้วนะ เรากำลังเรียนเพื่อจะปรับปรุงตัวเองแล้วไม่ต้องเป๊ะตลอดเวลา”
ความคาดหวังของคนอื่น ทำให้ไม่กล้าแสดงความรู้สึก เห็นหน้ากล้องยิ้มบ่อย แต่ก็มีวันที่ไม่โอเคเหมือนกัน
“ถามว่าอะไรทำให้ไม่กล้าออกมา หนูว่าเวลาใครคาดหวัง ว่าหนูต้องโอเคตลอดเวลา เพราะด้วยความที่เราอยู่ในจุดนี้ แล้วบางทีคนอาจจะคิดว่าหนูแฮปปี้มากเพราะว่าหนูยิ้มบ่อย หรือว่าเวลาถ่ายรูปหนูก็ยิ้ม คนก็อาจจะคิดว่านี่แฮปปี้ไม่เป็นไร ก็อยากจะบอกทุกคนว่า จริงๆ แล้วคนที่ทำงานด้านนี้มีวันที่ไม่โอเคเหมือนกัน ไม่ใช่แค่หนู แต่พี่ๆ น้องๆ ในวงการมันมีวันที่เหนื่อยมาก มันมีวันที่เราโดนกดดันมากๆ เราท้อมากๆ อยากให้ทุกคนที่เป็นแฟนคลับใครให้กำลังใจศิลปินที่ตัวเองชอบ”
มีฝืนยิ้มบ้างในวันที่หนัก เพราะมันคือหน้าที่
“มันก็ต้องฝืนบ้าง มันก็คือหน้าที่ของเราด้วย หนูไม่อยากให้อะไรที่เกิดขึ้นมาส่งผลกระทบกับงานที่อยู่ข้างหน้าเรา หนูก็อยากจะแยกให้มันชัดว่าเรามีเรื่องส่วนตัวแต่ว่าเราเข้ามาทำงาน เราก็คือ แอลลี่ ที่เราจะต้องทำให้ดี”
ใช้เวลาอยู่นานมากกว่าจะเข้าใจและแฮปปี้
“นานอยู่นะคะ นานมากค่ะ เพิ่งจะมาแฮปปี้ เย้ ก็ตอนนี้แหละค่ะ แต่ว่าช่วงประมาณอายุ 15 เพิ่งเดบิวต์ช่วงตอนนั้นยังไม่ค่อยเข้าใจว่าการมาอยู่ตรงนี้มันคืออะไร ทำไมเราโดนจับตามองทุกเรื่องเลย ตอนนั้นเรายังเด็กก็รู้สึกว่าอยากไปอยู่กับเพื่อนบ้าง อยากใช้ชีวิตแบบที่เราอยากใช้บ้าง”
เคยไปหาหมอมาก่อนหน้านี้ แต่วันนี้ฮีลกับมันได้แล้ว แนะทุกคนควรให้ความสำคัญกับสุขภาพจิต
“ใช่ หนูจัดการมันได้ จัดเวลาได้ เราแค่ต้องทำสิ่งที่ดีค่ะ เคยไปหาหมอนะคะ หนูรู้สึกว่ามันก็ช่วยได้มากๆ การที่เรามีใครที่คุยด้วยได้ มันก็เป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ ค่ะ หนูสามารถคุยกับครอบครัวหนูได้ หนูดีใจมากที่ครอบครัวหนูโอเพ่นเรื่องนี้ หนูสามารถบอกคุณพ่อคุณแม่ได้ บอกเพื่อนๆ หนู ซึ่งทุกคนน่ารักมาก เพื่อนๆ อยู่ข้างๆ หนูสามารถบอกเขาได้ว่า ไอเหนื่อยมากเลย แล้วเพื่อนก็จะแบบ…มา เราคุยเรื่องอื่นดีกว่าเดี๋ยวพาไปทำโน่นทำนี่ บางวันหนูเหนื่อย หนูไม่ได้อยากเล่าเรื่องงาน เขาจะรู้กันว่าเราน่าจะเหนื่อยมาก น่าจะอยากไปโฟกัสเรื่องอื่นมากกว่า ถามว่าตอนนี้กลับมาสดใสหรือยัง จริงๆ ก็สดใสตลอด แต่แค่อาจจะมีบางวันที่นอนน้อยบ้าง แต่ก็อยากจะให้ทุกคนให้ความสำคัญกับสุขภาพจิต ทั้งของตัวเองและของคนรอบข้างด้วย”