xs
xsm
sm
md
lg

หลอนอยู่ทุกวันนี้ “ยู่ยี่ อลิสา” ปมปัญหาครอบครัว สู่การติดเหล้าและยาเสพติด ชีวิตพัง!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ยู่ยี่ อลิสา” เล่าอดีตก่อนติดเหล้าและยาเสพติด เพราะคิดว่าถูกทอดทิ้งจากครอบครัว เลยเริ่มเกเรตั้งแต่ 14 เพื่อนทำให้รู้สึกถึงการยอมรับ เข้าวงการแล้วยิ่งหนัก มีครอบครัวก็ยังเลิกไม่ได้ พยายามเป็น 10 ครั้ง แต่ไม่สำเร็จ จนถูกจับเพราะโคเคนครึ่งกรัม โดนตัดสิน 15 ปี 3 เดือน แต่ได้ลดโทษเหลือ 6 ปีครึ่ง

กว่าจะกลับมาสดใสได้อีกครั้งอย่างวันนี้ ก็เป็นอะไรที่หนักหนาสาหัสมาก สำหรับอดีตนางแบบชื่อดัง “ยู่ยี่ อลิสา อินทุสมิต” ที่พ้นโทษคดียาเสพติด ออกจากเรือนจำมาได้ 3 ปีกว่าแล้ว แต่เพิ่งเริ่มกลับเข้าวงการบันเทิงอีกครั้งเมื่อไม่กี่เดือนมานี้ โดยล่าสุด “ยู่ยี่” ก็ได้ออกมาเปิดใจ ผ่านรายการเจาะใจ EP.34 เทปวันที่ 2 ก.ย. ที่ผ่านมา กับพิธีกร “ดู๋ สัญญา คุณากร” ถึงเรื่องบทเรียนอันยิ่งใหญ่ที่ได้เจอในชีวิต พร้อมเล่าย้อนถึงจุดเริ่มต้นในการติดเหล้าและยาเสพติด ว่าเป็นปมที่เกิดจากครอบครัว

“เป็นช่วงหนึ่งเลย ที่ขึ้นหน้าปกนิตยสารเยอะมาก มันมีความสุขกับการประสบความสำเร็จ มีงาน มีเงิน มีคนรัก มีคนชอบ แต่ก็ยังมีข้อด้อยอยู่ ยังมีปมหลายๆ อย่างในอดีตที่เรายังไม่แก้ ปัจจุบันนี้ก็ยังต้องแก้ปมนั้นๆ อยู่ เพราะว่ามันไปเฉลยกับสิ่งอื่นๆ รอบตัว มันไปเกี่ยวโยงกับสิ่งที่เราเจอหมดเลย เพราะเรายังไม่ฮีลเต็มที่ จะเป็นคนสุดโต่ง เป็นคนรักเพื่อน หวงเพื่อน โมโหแทนเพื่อน เป็นคนสุดมากๆ ในทุกเรื่อง”

“ยี่อยู่กับคุณแม่มาถึงอายุ 6 ขวบ แล้วก็ไปหาคุณพ่อที่อเมริกา คือคุณแม่กับคุณพ่อเป็นคนไทย คุณพ่อก็บอกว่าเดี๋ยวคุณแม่จะตามมา แล้วคุณพ่อก็มีแฟน ก็เป็นอะไรที่มันสับสน แต่มันก็ไม่ได้มีการพูดถึงเป็นเรื่องเป็นราว พอเราโตขึ้นเรื่อยๆ ก็รู้ว่าอ๋อ คุณแม่เขาคงไม่มาแล้ว เขาเลิกกันแล้ว มันเหมือนรับรู้ด้วยตัวเอง ความรู้สึกของเราคือเราถูกทอดทิ้ง พอคุณพ่ออยู่กับแม่ใหม่ เรารู้สึกเราเป็นคนแปลกหน้า รู้สึกอึดอัด ไม่เป็นหนึ่งในนั้น คุณพ่อก็เข้มงวดด้วย ว่าอยากให้เราเป็นอย่างนีัๆ เรียนอันนี้ๆ เพราะมันเป็นสิ่งที่คุณพ่อเขาจะยอมรับว่านี่คือเด็กดี เข้มแข็งอย่างนี้ๆ แต่จริงๆ แล้วยี่เป็นคนไม่เข้มแข็งเลย แต่ของนอกดูเหมือนเข้มแข็งมาก มันเหมือนไม่มีที่ยึดเหนี่ยว ไม่กล้าพูดกับคุณพ่อทุกอย่าง แล้วเกเรไปเลย”

“เริ่มเกเรตั้งแต่ 14-15 ค่ะ เริ่มแอบดื่ม แอบสูบบุหรี่ ไม่ไปโรงเรียน ไปอยู่กับเพื่อนอะไรแบบนี้ เรามีความรู้สึกว่าเราอยากจะเป็นคนที่ถูกยอมรับ แล้วกลุ่มเพื่อนนี้แหละยอมรับเรา จนพ่อเขารู้สึกว่าเขาเอาเราไม่อยู่แล้ว เด็กคนนี้จะต้องมีแม่คอยอบรมสั่งสอน ตัวเขาเองก็มีปัญหาเรื่องความสัมพันธ์ของเขาด้วย เขาก็เลยคิดว่ามันไม่ใช่เวลาที่เขาจะดูลูกได้ดี เขาก็เลยส่งให้กลับมาอยู่กับคุณแม่ที่เมืองไทย”

“กลับมาตอนอายุ 17-18 แม่เป็นคนโมโหร้าย แต่เขาไม่ได้ลงที่เรา ไปลงกับพนักงาน เพราะเขาทำร้านอาหาร ยี่กลับมาก็ไม่ได้มาอยู่กับคุณแม่ เพราะคุณแม่ให้ไปอยู่ด้วยตัวเอง อยู่ที่ร้านมันไม่สะดวก คุณแม่เองก็มีปัญหาเรื่องการดื่ม เขาอยากจะทำธุรกิจของเขาให้ประสบความสําเร็จ แล้วเขาก็เลยมีอารมณ์เยอะ เราก็เห็นเขาดื่มเรื่อยๆ ค่ะ ก็ดื่มด้วยกันตั้งแต่ยี่ยังเด็ก เขาบอกว่าให้ทำต่อหน้าดีกว่าไปทำลับหลัง กลายเป็นว่าจากดื่มกับแก็ง ก็มาดื่มกับแม่กับเพื่อนแม่แทน (หัวเราะ) แต่ก็ไม่ได้แปลว่าอบอุ่น เพราะเราก็โตขึ้นแล้ว ไม่มีใครห้ามใคร แล้วแม่เองก็ตามใจ เพราะไม่ได้อยู่ด้วยตั้งแต่เด็กๆ”

“ก็มาคบเพื่อนที่กินเหล้า สูบบุหรี่ สูบกัญชา ใช้ยานอนหลับ อะไรก็ได้ที่สามารถจะใส่เข้าไปในร่างกายตัวเอง เพื่อที่จะไม่ต้องคิดอะไรมาก ไม่ต้องเสียใจ ไม่ต้องมาดีลกับชีวิตจริงๆ ว่ามันคืออะไร มันเลยนำพาไปสู่ยาเสพติดชนิดอื่นๆ อีก พอเข้าในวงการก็ไปอีกระดับหนึ่ง ไม่เคยกลัวเลย ทำไมถึงไม่กลัวก็ไม่รู้ มันอันตรายมากเลยนะคะจริงๆ แล้ว แต่ยี่ก็รับผิดชอบตัวเองได้แค่ในช่วงแรกๆ เพราะก็มีช่วงที่งานพังเพราะสิ่งนี้ ที่ยี่หายไปจากวงการเพราะงานพัง เพราะยี่ปวดท้อง เข้าโรงพยาบาล ไปไม่ไหว ป่วย ไปทำงานไม่ได้บ่อยมาก ยี่ก็ค่อยๆ เฟดลงมา”

“แล้วก็คิดว่าถ้าเราไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างนั้นแล้ว ถ้าเรามีชีวิตครอบครัว มันอาจจะทำให้เราดีขึ้น แต่มันก็ไม่ได้ดีขึ้น ซึ่งสามีเขาก็ช่วยมาตลอด มันจะมีช่วงที่ดื่มหนัก แล้วก็หยุด แล้วก็มีดื่มหนักอีก ตอนท้องหยุดได้ แต่พอคลอดก็เหมือนเดิม ค่อยๆ ให้ลูกหย่านมอย่างรวดเร็ว อิทธิพลทางฝ่ายมารมันอนุภาพสูงมาก ก็มีปัญหากับสามีเรื่อยๆ ส่วนลูกก็มารู้ตอนโต ว่าแม่มีปัญหา”

“มาสู่การใช้โคเคน ที่ไม่รู้ว่ามันไปยังไงมายังไง เพราะอย่างอื่นที่เคยลองมาเราก็ปัดมันทิ้ง แต่อันนี้มันช่วยให้เวลาดื่มแล้วไม่เมามาก ช่วยให้เวลาดื่มหนักๆ ยังไหวอยู่ แต่สุดท้ายมันแย่มาก ยี่รู้ว่ายี่มีปัญหา แล้วยี่พยายามเลิกหลายครั้งมาก เป็นสิบๆ ครั้ง ไปวัด ไปบวชชีพราหมณ์ ไปถือศีลอด ไปอยู่โรงพยาบาลเพื่อบำบัดก็มี แต่มันไม่ได้ แฟนยี่เขาถึงรักยี่มาก เพราะเขาเห็นถึงความพยายามของยี่ แต่ความพยายามมันไม่ประสบความสำเร็จ”

“จนกระทั่งถูกจับว่ามีโคเคนระหว่างเดินทางจากเวียดนามมาไทย ที่สนามบินดอนเมือง เขาตัดสิน 15 ปี 3 เดือน ตอนนั้นยี่ช็อกมาก เราไม่คิดว่าโทษมันจะเยอะขนาดนั้น เพราะจำนวนมันน้อยมากจริงๆ ไม่ถึงครึ่งกรัม แต่เขาใช้กฎหมายข้ามชาติ เราก็พยายามต่อสู้ ว่าเราเป็นผู้เสพ ไม่ได้ขาย แต่สู้ไม่ชนะ ก็มีการลดโทษ เหลือ 6 ปีครึ่ง ชีวิตตอนนั้นรู้สึกว่ามันทรมานมาก คิดถึงลูกมาก เครียดและร้องไห้ตลอดเวลา จนเขาส่งไปหาหมอจิตเวชที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ ก็ไปอยู่โรงพยาบาลและขอเขาทำงานที่นั่น ก็ไปช่วยเหลือผู้ป่วยทุกอย่าง ไปจนถึงเก็บศพก็มี”

“ครอบครัวก็มาเยี่ยมบ่อย ถ้าอดีตสามีอยู่เมืองไทย เขาก็จะมา จันทร์ พุธ ศุกร์ เดือนนึงลูกจะมาเยี่ยมครั้งหนึ่ง ลูกชายคนโต คนกลาง แล้วก็ลูกสาวคนเล็ก มีเวลา 20 นาที ลูกๆ เขารู้ความจริงหมดค่ะ คุณพ่อเขาเล่า ถามว่าลูกเขาเข้าใจไหม พอโตขึ้นเรื่อยๆ เขาก็เข้าใจและได้บทเรียน และเป็นห่วงยี่มาก”

“พอออกพ้นโทษออกมา ก็เก็บตัวเงียบอยู่ 3 ปี เป็นช่วงปรับสภาพ เพราะยังทานยาซึมเศร้าเยอะอยู่ แต่มันก็ไม่ได้ช่วย เพราะยังเศร้าและวิตกกังวล ยังไม่มีความกล้าที่จะเข้าไปอยู่กับคนเยอะๆ ยังไม่อยากจะอธิบายตัวเอง และยังต้องดูตัวเอง ว่าวันนี้เราทำให้ใครเสียใจไหม ดูแลตัวเองว่าวันนี้เราเป็นคนดีหรือยัง และการค่อยๆ กลับมาเป็นคุณแม่ของลูกอีกครั้ง ตอนนี้ดูแลลูกสาวคนเล็กอยู่อายุ 13 ปีแล้ว ส่วนลูกชายไปเรียนที่สเปน”

“มองชีวิตตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบัน คิดว่าการที่พยายามจะเลิกจากการติดอะไรบางอย่าง มันทำให้เข็มแข็งพอสมควร ภูมิใจที่พยายามแก้มัน ไม่เคยท้อถอยที่เลิกมัน ทุกอย่างเป็นบทเรียนให้กับลูก ให้ใช้ชีวิตอย่างมีสติ อย่าเอาเยี่ยงอย่างเรา ในเรื่องของการใช้สิ่งพวกนี้ เพราะบางคนใช้เป็นครั้งคราว แต่สุดท้ายก็ติด วันนี้เป็นยู่ยี่ที่ต่างกับตอนนั้นลิบลับ ความสุขต่างกันลิบลับก็เช่นกัน สามารถพูดเรื่องราวเหล่านี้ได้ โดยไม่รู้สึกว่าอายหรือรังเกียจมัน เพราะมันคือหนึ่งในประสบการณ์ชีวิต ที่หลอมมาเป็นยู่ยี่วันนี้”













กำลังโหลดความคิดเห็น