“พีท ทองเจือ” เปิดใจเทคนิคการเลี้ยงลูก 3 คน ไม่ใช่พ่อแม่ที่นั่งเฉยๆ ชิลๆ แต่บู๊ไปกับลูก ปล่อยให้ลองผิดลองถูก ค้นหาตัวตน โชคดีลูกๆ ค้นหาตัวเองได้เร็วว่าต้องการอะไร
ตอนนี้เรียกว่า “น้องเซย่า ณิชฏา ทองเจือ” ได้ทำความฝันในการเป็นนักร้อง สำเร็จไปหนึ่งก้าวแล้วกับการเปิดตัวซิงเกิลแรกที่ชื่อ Some time แพ้ความผูกพัน ไปเป็นที่เรียบร้อย ทำเอาคุณพ่อสุดเท่ “พีท ทองเจือ” อดีตเจ้าพ่อหน้าหนึ่งของเมืองไทยปลื้มมากๆ ซึ่งพ่อพีทได้เปิดใจให้ฟังว่ากว่าจะมาถึงวันนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะตอนแรกน้องเซย่าเตรียมจะได้ไปเป็นศิลปินที่ประเทศเกาหลีแล้ว แต่ก็เจอปัญหาสุขภาพเป็นโรคไทรอยด์ขึ้นมาซะก่อน ทำเอาลูกสาวเฟลไปพักใหญ่เหมือนกัน
"คือจริงๆ โปรเจกต์นี้ไม่ใช่ว่าเราอยากจะทำก็ลุกขึ้นมาทำ แต่คือเราคุยเตรียมมาประมาณ 5 ปีแล้ว ตั้งแต่ก่อนที่น้องจะไปเตรียมเดบิวต์ที่เกาหลี แต่พอเตรียมจะทำน้องเซย่าก็ไปจอยกับค่ายๆ หนึ่งที่เกาหลี พอไปแล้วก็มีปัญหาเรื่องสุขภาพ แต่น้องก็พยายามต่อสู้จนรู้สึกว่าร่างกายน้องไม่ไหว ก็เลยยอมหยุดการไปที่เกาหลี แล้วก็กลับมา ตอนนั้นอายุประมาณเกือบ 15 เพราะไปตอน 14 ตอนแรกน้องก็เฟลเพราะว่าไม่ได้ไปถึงเป้าหมายที่เขาตั้งเอาไว้ ก็เลยบอกให้เขาหยุดไปก่อน ไปโฟกัสสิ่งที่เราหยุดไปก็คือเรื่องเรียน น้องก็กลับมาแล้วสอบ แล้วก็เข้ามหาวิทยาลัยศิลปากรได้
หลังจากนั้นแล้วก็ร้องเพลงมาเรื่อยๆ แล้วพอทุกอย่างมันเริ่มเข้าที่ ก็คิดว่าเรื่องเรียนเรากลับมาอยู่ในระบบการเรียนแบบเดิมแล้ว ปีนี้อยู่ปี 3 แล้ว ก็เลยมาเริ่มเรื่องการทำเพลงต่อ สุดท้ายก็ออกมาเป็นโปรเจกต์อันนี้ชื่อเพลงว่า Some time แพ้ความผูกพัน ซึ่งโปรดิวเซอร์ที่คุยไว้ตอนแรกชื่อ แม็ค ศรัณย์ ซึ่งเป็นโปรดิวเซอร์ที่น้องชอบ คือน้องใช้คำว่าไม่ยอมทำเพลงกับคนอื่นเลยสุดท้ายพี่แม็คก็ทำจนสำเร็จออกมา เราก็ดูหลายอย่างพอสมควรกว่าจะถึงวันนี้ จริงๆ แล้วก่อนทำเพลงน้องเคยบอกอยากเป็นศิลปิน แต่ไม่อยากเป็นศิลปินในเมืองไทย ซึ่งน้องใช้ภาษาได้และชอบร้องเพลงสากลอยู่แล้ว เราก็เลยให้เหตุผลว่าในการที่จะขึ้นมาเป็นศิลปิน โดยเฉพาะที่เราเป็นคนไทย เราควรจะมีพี่ๆ น้องๆ ที่คอยซัปพอร์ตเราที่เป็นคนไทยก่อน พอเราแข็งแรง เรามีที่ยืนของเราแล้ว เราไปที่ไหนทุกคนก็พร้อมจะตามไปซัปพอร์ต ให้แฟนๆ อยู่กับเราให้ได้ก่อน”
บอกได้ทีมศิลปินมากฝีมือมาช่วยกันทำเพลงให้
“แล้วเราก็เลยทำเพลงนี้ขึ้นมา ซึ่งจริงๆ แล้วเพลงมีคุยรายละเอียดกันมากมาย แต่สุดท้ายแล้วก็ลงตัวที่เพลงนี้ เพราะยังอยากให้มันเป็นเพลงให้ฟังง่ายติดหู ไม่อยากให้น้องทำเพลงยากๆ ที่คนฟังแล้วรู้สึกเป็นเพลงที่เพราะ แต่อยากฟังแค่ครั้งเดียว ก็เลยเป็นเพลงที่ออกมาแล้วค่อนข้างดีกว่าที่เราคิดนะ แล้วน้องก็ดีด้วย แล้วทีมงานที่ดูแลน้องก็เป็นทีมที่แข็งแรง มีพี่แม็ค ศรัณย์ เป็นโปรดิวเซอร์ หนึ่ง ETC ก็เป็นวอยซ์โค้ชให้ แล้วพี่เอ็ม เดอะสตาร์ ก็เป็นมิวสิกไดเรกเตอร์ คอยดูแลน้องเวลาออกโชว์ ผมก็บอกน้องว่ามันจะเป็นการเดินทางของชีวิตอันใหม่ที่ใช้ทั้งเวลาความพยายามทุกอย่างและความตั้งใจ ก็ดีใจที่น้องมาถึงวันนี้ได้ คือน้องไม่ใช่แค่ศิลปินที่ร้องเพลง รอรับเพลงไปร้อง แต่น้องทำทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นกราฟฟิก น้องเขาก็เป็นอาร์ตไดเรกเตอร์ของตัวเองด้วย เขาเป็นคนทำอาร์ตเวิร์กเกือบหมดเลย เพราะเขาก็มีความสามารถทางด้านกราฟฟิกอยู่แล้ว
คือจริงๆ แล้วในเรื่องของค่ายเพลง Lil' Brat Records มันเป็นของน้องมิย่า (พิชชา ทองเจือ) กับน้องเซย่าทำงานกัน ผมแค่เป็นผู้ช่วยกับคุณเจ็ง (วิไลลักษณ์ ทองเจือ) เฉยๆ อยากให้เขามีเวทีได้ฝึกแสดงออกทางความคิดความสามารถ จริงๆ น้องก็มีโอกาสที่จะได้ไปอยู่กับหลายๆ ค่าย แต่เขาก็เลือกทำเองดีกว่า คือด้วยยุคสมัย ด้วยโลกใบใหม่ที่มันสามารถเข้าไปถึงเอ็นยูเซอร์ได้ โดยที่ถ้านักร้องหรือศิลปินมีแฟนคลับอยู่แล้ว ก็เป็นวิธีใหม่ ซึ่งเราก็ให้เขาลองทำดู"
รับใช้งบลงทุนค่อนข้างสูง แต่อยากให้เด็กรุ่นใหม่มองเป็นแรงบันดาลใจมากกว่า
"เรื่องเงินลงทุน น้องเขาก็ลงทุนเอง แต่จริงๆ เราไม่ได้ต้องการแบบนั้น แต่ว่าน้องบอกไม่เป็นไร เราก็ช่วยซัปพอร์ตเวลาทำงาน เขาก็จะพยายามโอนเงินค่าใช้จ่ายต่างๆ ด้วยบัญชีเขาเอง แต่สุดท้ายแล้วเราก็เอาเงินใส่คืนให้เขา แต่เขาบอกว่าเขาอยากทำเองมากกว่า เพราะว่าเขาทำงานมา เก็บเงิน มันเป็นวิธีการใช้เงินอย่างถูกต้อง ดีกว่าไปซื้อของอย่างอื่น เหมือนเป็นการซื้อชีวิต ซื้อเวลาให้กับตัวเอง ซื้อสิ่งที่ตัวเองอยากทำ ผมว่ามันก็ดีกว่าเอาเงินไปเที่ยว ไปซื้อกระเป๋า วันนี้ก็ต้องขอกำลังใจจากทุกคน โดยเฉพาะเด็กรุ่นใหม่ที่พูดได้ว่าเขาพยายามสร้างตัวเองขึ้นมาด้วยตัวเอง ซึ่งผมเห็นแล้วผมก็รู้สึกว่านึกไม่ถึงในหลายๆ มุมที่เขาทำ
คือบางคนบอกว่าไม่มีเงินทำไม่ได้ แต่จริงๆ แล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องเงิน มันเป็นเรื่องของการทำตามความฝัน ถ้าเรามีความต้องการจริงๆ และเรามีความอดทน เราก็ไปถึงตรงนั้นได้ มันอาจจะไม่ใช่เรื่องที่ต้องเอาเงินไปวางตรงนั้น แต่ว่ามันเป็นการตั้งใจที่จะเข้าไปอยู่ในสิ่งที่ตัวเองอยากจะทำ ผมว่ามันเป็นสิ่งที่สำคัญมากกว่า เราอยากให้เป็นแรงบันดาลใจกับคนรุ่นใหม่ทุกคน ซึ่งถ้าถามว่างานนี้ลงทุนเท่าไหร่ คือการทำเพลงมันก็เป็นหลักล้านอยู่แล้วครับ ถ้าลงทุนน้อยมันก็จะไม่ได้คุณภาพไม่ว่าจะเป็นภาพแสงสีเสียง แต่จะบริหารงานได้ด้วยงบที่เรามีให้มันออกมาดีที่สุดนั่นเป็นสิ่งที่ดี ไม่ใช่ว่าโยนเข้าไป 10 ล้าน แล้วออกมาสำเร็จ มันไม่ใช่เรื่องของการใช้เงินมันเป็นเรื่องของความสามารถของศิลปิน และมุมมองการนำเสนอ"
บอกยังไม่หายห่วงเรื่องสุขภาพ เพราะเรื่องภาวะน้ำหนักที่ยังขึ้นๆ ลงๆ
“ตอนนี้สุขภาพน้องเซย่าก็ยังไม่หายเลย ผมก็ไม่ยังค่อยแฮปปี้กับสุขภาพเขาเท่าไหร่ ตอนที่ไม่สบายน้ำหนักขึ้นมา 14 กิโล ตอนช่วงปีแรกที่เป็น เราไม่ได้ทานยา เราใช้วิธีเติมวิตามินเข้าร่างกายแทน แต่มันไม่ตอบโจทย์ สุดท้ายเราก็ต้องหันมาทานยาตามที่หมอแนะนำ คือผมคิดว่าเด็กวัยรุ่นไม่ควรจะทานยาเยอะอะไรในทุกๆ วัน แต่สุดท้ายก็ต้องยอมทาน ก็ปรับยาขึ้นลงตามสภาวะของเลือดที่ตรวจเจอ ตอนนี้น้ำหนักก็ลงมา 8 กิโล แต่ก็ยังมีค้างอยู่เยอะ เราก็พยายามให้กำลังใจน้องแต่ถ้าจะรอให้วันนึงหาย 100% แล้วค่อยลุกมาทำในสิ่งที่ตัวเองรัก หรือสิ่งที่ตัวเองตามหาอยู่มันก็อาจจะช้าไป มันเป็นเรื่องของความพร้อมทางด้านจิตใจ ความรู้สึก ถ้าเราพร้อม เราก็ต้องทำให้ดีที่สุด”
เผยเลี้ยงลูกแบบให้ลองค้นหาตัวเอง และโชคดีที่ลูกๆ เจอเร็วแบบที่พ่อแม่ก็ยังเซอร์ไพรส์
"ด้วยความที่บ้านเราอาจจะเลี้ยงลูกไม่เหมือนบ้านอื่น เราให้น้องได้ทำในสิ่งที่เขาชอบ แล้วเราก็สนับสนุน ลองผิดลองถูก รีบลองเร็วๆ ไม่ใช่เรียนจบแล้วไปหาตัวเอง ก็โชคดีที่บ้านเราค้นหาตัวเองเจอค่อนข้างเร็ว คือมันก็มีสะดุดบ้าง หกล้มบ้างเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิต แต่ต้องลุกขึ้นมาให้เร็วและเดินต่อไปให้ได้ เจ็บก็ต้องรักษาตัวให้หายเร็วที่สุด อย่างแรกคือพ่อแม่จะใช้ชีวิตไม่ชิลแล้ว เราจะให้น้องคิดแล้วก็ตัดสินใจลองทำลองวางแผน ถ้าไม่ได้ก็เปลี่ยนแผน ด้วยสิ่งเหล่านี้พ่อแม่ก็ต้องสตรอง แล้วก็พาน้องไปด้วย พ่อแม่ไม่สามารถนั่งอยู่เฉยๆ และชิลได้ เราต้องบู๊กว่าระบบชีวิตปกติ เพื่อที่จะให้น้องไปให้ได้เร็วที่สุด แทนที่เราจะนั่งอยู่เฉยๆ แล้วก็มองว่าจะพาน้องไปทางไหน
อย่างน้องโรเตอร์ก็เป็นนักแข่งเยาวชนมืออาชีพไปแล้ว ตอนนี้ก็แข่งอยู่เมืองนอก ซึ่งมันก็ไม่ได้อยู่ในแผน แต่เขาทำได้ด้วยตัวของเขาและความสามารถของเขาเอง แล้วก็ลองไปแข่งแล้วก็ชนะ คือปีนี้น้องโรเตอร์มีทั้งหมดมี 10 เรด ตอนนี้แข่งไปเจ็ด ชนะไปห้า ได้ที่สองมา 1 ครั้งเพราะรถมีปัญหาพวกระบบ เกียร์ก็มีปัญหา แต่ในเรื่องของคะแนนก็ค่อนข้างนำ แล้วปีนี้เหลืออีกสามเรดก็น่าจะได้แชมป์กลับมา
ส่วนมิย่าปีนี้ก็เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของเขา เข้ามหาวิทยาลัยที่ศิลปากรได้ และเริ่มเป็นนักแข่งรถ คืออันนี้ก็ไม่ได้อยู่ในแผนเลยว่าน้องจะต้องโตขึ้นไปเป็นนักแข่ง แล้วน้องก็ได้รับเกียรติและถูกเรียกจากทีมโตโยต้าเข้าไปทดสอบ และเขาก็ทำของเขาได้ ผมก็เซอร์ไพรส์นะ สรุปแล้วที่บ้านมีนักแข่งเป็นผู้หญิงเพิ่ม (หัวเราะ) แล้วน้องก็จะมีทำเพลงต่อจากนี้ด้วย ซึ่งในอนาคตอาจจะมีเซอร์ไพรส์คู่กับน้องเซย่าด้วย (ยิ้ม)”