“พีท ทองเจือ” สอนลูกการใช้ชีวิตอยู่ในวงการบันเทิง ในฐานะพ่อที่เคยขึ้นหน้าหนึ่งมาก่อน บอกไม่บังคับลูก ปล่อยให้ไปใช้ชีวิต แค่เพิ่มวัคซีนให้ลูกก็พอ แจงข่าว “น้องมิย่า” ปมผู้ใหญ่ทะเลาะกัน ลั่นเป็นผู้ชาย เป็นพ่อ มีปัญหาให้มาเคลียร์ แต่เมื่อไม่มีการโทรศัพท์มาเคลียร์ก็แสดงว่าไม่มีปัญหา ต่างคนต่างอยู่ รับโทรศัพท์ไปหา “แจ๊ส ชวนชื่น” ห่วงที่มีภาพ “โรเตอร์” จุ๊บเหม่ง “น้องแตงโม” ช็อตคำตอบของอีกฝ่าย
เปิดค่ายเพลง Lil' Brat Records (ลิต‘แบรท เรคคอร์ด) พร้อมเปิดตัวซิงเกิลแรกของ “เซย่า ณิชฎา ทองเจือ” 'Sometimes... (แพ้ความผูกพัน)' ณ โรงภาพยนตร์ พารากอน ซีนีเพล็กซ์ สยามพารากอน งานนี้ “พีท ทองเจือ ได้เปิดใจเรื่องการฉีดวัคซีนเพิ่มภูมิคุ้มกันให้ลูก หากอยากเข้ามาอยู่ในวงการบันเทิง โดยยอมรับว่าตั้งแต่แรกไม่ได้อยากให้ลูกต้องมาเดินสายนี้ เพราะรู้ว่ามันจะเหนื่อย
“ผมบอกตั้งแต่แรกๆ แล้วว่าถ้าเลือกได้เราจะไม่ให้ลูกเข้ามาในวงการบันเทิง เพราะเราทำมานานรู้สึกว่ามันเหนื่อย แล้วก็เห็นเพื่อนๆ ที่ไปเป็นนักธุรกิจหรือนักวิชาการเฉพาะทางและเขาประสบความสำเร็จในชีวิตได้เหมือนกัน เราก็เลยมีความหวังว่าลูกจะทำได้เหมือนเพื่อนๆ เรา ไม่ต้องมาเหนื่อยแบบเรา แต่ปรากฎว่าเขาชอบ และเขาทำได้ดี และมีแฟนๆ ตอบรับและติดตามด้วย
พอเป็นอย่างนั้นเราก็ไม่เปลี่ยนความคิดเขา แต่ผมจะบอกเขาเลยว่าในการมาทำงานตรงนี้ ในแพ็กเกจของการเป็นดารานักแสดง เราจะต้องเป็นจุดสนใจของทุกๆ คน และเราจะอยู่กับสิ่งเหล่านั้นอย่างไร เข่น เราจะอยู่กับพี่ๆ นักข่าวยังไง เราจะอยู่กับข่าวที่มันจะเกิดขึ้นอย่างไร ข่าวจริง ข่าวเท็จ ข่าวที่เกิดขึ้นมาเองโดยที่เราอาจจะโดนมาเป็นประเด็นหรืออะไรก็แล้วแต่
ผมใช้คำว่ามันเป็นหนึ่งในแพ็กเกจ ถ้าคุณคิดว่ามันเป็นเรื่องที่รับได้ และไม่ได้เอามาแบกไว้ในความคิด และรู้จักจัดการกับเรื่องที่มันเกิดขึ้นมา ถ้าบริหารจัดการได้ก็อยู่ได้ แต่เราก็จะเห็นข่าวจากนักแสดงหลายๆ ครั้งว่าเครียดโน่นเครียดนี่ ซึ่งจริงๆ แล้วการเข้ามาทำงานในวงการบันเทิงมันก็มีหลายๆ จุดที่น่าสนใจนะ มันก็เป็นเหมือนเงาของเรา แต่ถ้าเรามีอีโก้เยอะแล้วจับทุกอย่างมารวมกัน ชีวิตมันก็จะยากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าอะไรดี ก็เก็บไว้ แต่ถ้าอะไรไม่ดีก็ลบทิ้งไป เพราะชีวิตเรายังมีอะไรต้องทำอีกเยอะครับ โดยเฉพาะที่บ้านเราคือไม่ได้มานั่งรองาน เอาแค่กิจกรรมของน้องทั้งเรียนทั้งใดๆ ก็เยอะมากแล้ว”
“มิย่า พิชชา ทองเจือ” ไม่เครียดข่าว คอนโทรลไม่ได้
“คนที่วิพากษ์วิจารณ์เขาก็มีสิทธิแสดงความคิดเห็น ไม่ใช่เรื่องผิด และไม่ใช่เรื่องถูก มันเป็นส่วนนึงของโซเชียล แต่ความคิดเห็นของแต่ละคนไม่เหมือนกัน เขาทีคอนเทนต์เดียวกันมีคนชม แล้วก็มีคนที่ไม่ชอบ ไม่ถูกใจเขา เพราะฉะนั้นทุกอย่างมันย้อนแย้งในตัวของมันเอง
มิย่าไม่เครียด ผมบอกน้องเสมอตั้งแต่เด็กว่าข่าวผมสมัยก่อนหนักกว่านี้เยอะ หน้าหนึ่งได้ลงตลอด ก็ให้เขาทำความเข้าใจ พี่ๆ นักข่าวเป็นสิ่งสำคัญ พอข่าวออกไปแล้วสิ่งที่เราคอนโทรลไม่ได้คือความคิดของคน ถ้าเราทำความเข้าใจกับมันได้ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ถ้าเราทำผิดและเกี่ยวข้องกับกฎหมาย ก็ต้องได้รับการลงโทษจากกฎหมาย หรือถ้าเราทำให้คนไม่พอใจเป็นการส่วนตัว และรู้จักเขาเป็นการส่วนตัวก็ควรต้องคุยกัน แต่สำหรับคนอื่นที่เราไม่รู้จักเขา หรือเขาไม่ได้รู้จักเราจริงๆ เขาไม่พอใจเรา หรือเราไม่ได้ชอบเขา อันนั้นมันไม่ใช่ปัญหาของเรา”
ลั่นเป็นผู้ชาย เป็นพ่อ มีปัญหาให้มาเคลียร์ แต่นี่ไม่มีการโทร.มาแสดงว่าไม่มีปัญหา ก็ต่างคนต่างอยู่
“จริงๆ การทะเลาะกัน ถ้าเป็นผู้ชาย ถ้าเป็นพ่อ ถ้ามีปัญหาก็มาเคลียร์กัน แต่นี่ก็ไม่มีปัญหาอะไร ก็ไม่เห็นเขาจะโทร.มาคุยอะไรกับผม ซึ่งคนอื่นที่ไม่ใช่เป็นคนตรงๆ หมายถึงคนรอบๆ ข้าง ผมถือว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่ถ้ามีปัญหาก็มาคุยกัน แต่ถ้าไม่คุยกันก็แสดงว่าไม่มีปัญหา หรือว่าถ้ามีปัญหาแล้วไม่พอใจกัน จะทะเลาะกัน จะตะลุมบอนกันอันนั้นก็อีกประเด็นนึง แต่ถ้าต่างคนต่างอยู่ก็ตามนั้น
ที่ผ่านมาไม่เคยคุยกันนอกรอบ จริงๆ น้องอายุยังเด็กๆ อยู่ เรื่องราวของการใช้ชีวิตยังมีอีกเยอะแยะที่น้องจะต้องผ่านและเรียนรู้ น้องทั้ง 3 คนยังมีอีกหลายเรื่อง ต้องเจอคนอีกหลายแบบ”
ไม่ต้องคุมเรื่องรักของลูกๆ ปล่อยให้เขาได้ไปใช้ชีวิต
“ไม่เลยครับ ทุกคนต้องเรียนรู้การใช้ชีวิต ผมเชื่อว่าหลายๆ คนพ่อแม่บอกอะไรฟังจริง แต่จะทำไหมก็อีกเรื่องนึง แล้วเวลาเราบังคับหรือปิดกั้น แล้วเขาแอบไปทำมันหนักกว่าเดิมนะ ก็ปล่อยให้เขาใช้ชีวิต เราแค่สร้างวัคซีนที่ดีให้เขาแค่นั้นเอง”
รับโทรศัพท์ไปหา “แจ๊ส ชวนชื่น” เหตุห่วงที่มีภาพ “น้องโรเตอร์” ลูกชาย จุ๊บหัว “น้องแตงโม” อีกฝ่ายบอกปล่อยให้คุยโทรศัพท์ให้ระเบิดไปเลย
“น้องอายุ 13-14 กันเอง มันแค่กระแสข่าว ผมคิดว่าไม่ใช่เรื่องซีเรียสเท่าไหร่ และน้องยังเด็ก 13-14 ยังไม่วัยรุ่นเลย แต่ผมก็รับทราบเรื่องข่าวนะ จริงๆ แล้วข่าวที่ออกมาเขาเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันหมดเลย กับน้องก็เจอกันบ่อย เขาก็ไปเที่ยวกันเป็นกลุ่ม แล้วเขาทำชาเลนจ์กัน เราก็ไม่แน่ใจว่าใครเอาข่าวไปปล่อยว่าเป็นความรักอะไรใดๆ แต่อันนี้ผมโทร.ไปคุยกับแจ๊สเลย แจ๊สบอกว่าเต็มที่พี่ ให้คุยกันให้โทรศัพท์ระเบิดไปเลย (หัวเราะ) เพราะมันเด็กไง
แต่ก็ตกลงกันว่าถ้าจะให้เขาเจอกันสองต่อสองมันไม่เหมาะสม แต่ถ้าเขาไปเป็นกลุ่มก็เป็นเรื่องปกติ ผมกับแจ๊สรู้จักกันอยู่แล้ว จริงๆ ก็เป็นแก๊งๆ คุยกันอยู่แล้ว เพราะผมสนิทกับบอล เชิญยิ้ม แล้วเขาเองก็สนิทกับบอล ก็เหมือนไม่ใช่คนอื่นคนไกล แต่ผมก็โทร.ไปเพราะจะถามเขาว่าพอเป็นข่าวอย่างนี้เขาโอเคหรือเปล่า หรือยังไง เพราะฝั่งเขาเป็นลูกสาวด้วย เราก็ต้องให้เกียรติ ต้องโทร.ไปคุยกับเขา ก็ดีครับ ไม่มีอะไร เขาก็น่ารัก เขาบอกให้คุยกันให้โทรศัพท์ระเบิดไปเลย (หัวเราะ)”