“มาตัง เดอะสตาร์ 11” ร่ำไห้เป็นพยานให้ “สไมล์” ถูกคุกคามจากคนเดียวกัน จนชีวิตไม่มีความสุขเลย กลายเป็นคนวิตกจริต เผยสิ่งที่โดนจนทำให้หลอน ถึงขั้นอยากกระโดดคอนโดให้จบๆ ไป
ภายหลัง “สไมล์ ภาลฎา ฐิตะวชิร”หรือ “สไมล์ เดอะสตาร์”ออกมาเล่าแผลในใจที่ทำให้หายหน้าไปจากวงการนานหลายปี ในรายการ De-Talk อีพี 17 ซึ่งเป็นช่องยูทิวบ์ของ “ตั้ม เดอะสตาร์” วราวุธ โพธิ์ยิ้ม และ โดม จารุวัฒน์ เชี่ยวอร่าม โดยเล่าว่าในช่วงที่เรียนมหาวิทยาลัย มีผู้จัดการของดาราสาวคนหนึ่ง เอารายงานของดารามาให้สไมล์ช่วยทำให้ ทั้งที่ตัวเองก็มีงาน โดยตั้มเผยว่าสไมล์โดนโขกสับและเอาเปรียบตลอด อีกทั้งสไมล์ยังร่ำไห้เผยว่าโดนคนนึงที่เรียกตัวเองว่า “แม่” คุกคาม คิดเชิงชู้สาว เล่าใครก็ไม่มีใครเชื่อ ทำให้กลายเป็นเด็กเลี้ยงแกะ
ล่าสุด มาตัง เดอะสตาร์ 11 หรือ ระดับดาว ศรีระวงศ์ ก็ได้ออกมายืนยันว่าเหตุการณ์ที่สไมล์โดนคุกคามจากคนๆ นึงเป็นเรื่องจริง เพราะเป็นคนเดียวกับตัวเอง โดยในเวลา 18.00 น. วันนี้ (18 ก.ย.) มาตังก็ได้ไลฟ์สดเล่าเรื่องราวของตัวเองผ่านอินสตาแกรม โดยเผยว่าบุคคลดังกล่าวทำให้มาตังกลายเป็นคนวิตกจริต เพราะตอนที่มาตังคบหากับผู้ชายสองคน อีกฝ่ายก็เข้ามาวุ่นวายกับความสัมพันธ์ ถึงขั้นทำเรื่องที่ตนเองก็ช็อก แทบไม่เชื่อสายตา เพราะมีการไปขอกล้องวงจรปิดระหว่างมาตังไปดูหนังกับผู้ชายคนหนึ่ง
ตอนนั้นมาตังช็อกมาก ทำอะไรไม่ได้ ทั้งกลัว รวมถึงผู้ชายคนแรกที่เลิกคุยกันไป มีช่วงนึงที่มาตังเลิกคุยก็มีความคิดถึง โหยหา ก็มีการทักไลน์ โทร.คุยกัน แต่โทร.ตรงหาเพื่อนของเอบ่อยมาก โทร.วันละหนึ่งครั้ง จนวันนึงบุคคลดังกล่าวก็เรียกมาตังไปที่ค่ายของเขา ปริ้นต์กระดาษจากเอไอเอส เป็นประวัติการโทรเบอร์เรา ซึ่งมาตังเผยว่า “กูงงมาก เอามาจากไหน เอไอเอสให้ได้ยังไง เขาเอาประวัติการโทร.ว่าโทร.หาใครเยอะที่สุด เขาก็เอาเบอร์ไปแอดไลน์ แล้วถึงรู้ว่าเป็นเพื่อนของคนที่เคยคุย เดาว่าคงใช้อุบายบางอย่าง ตั้งแต่กล้องวงจรปิดแล้ว ตอนนั้นอายุยังไม่ถึง 20 เรายังทำอะไรไม่ได้ เขายังเป็นผู้ปกครอง ก็ทำอะไรแบบนี้ได้”
มาตังลั่นตอนนั้นมืดแปดด้าน งงทำไมเขาทำแบบนั้น กลายเป็นคนวิตกจริต จากที่เคยชอบร้องเพลง กลายเป็นเกลียดการร้องเพลง ทุกครั้งที่รู้ว่ามีงาน ตนไม่มีพลังเลย รู้สึกผิดกับพี่ๆ แฟนคลับมาก (ร้องไห้) รู้สึกไม่อยากทำงาน ขอไม่ออกงานได้ไหม ขอนอนอยู่เฉยๆ ได้ไหม เพราะกว่าเราจะผ่านแต่ละวันมาได้ เราคิดว่าเมื่อไหร่เราจะตาย (ร้องไห้) จะกระโดดคอนโด คิดว่าถ้าไม่มีเราก็น่าจะจบ
เรื่องนี้ผ่านมาตั้งแต่ม. 4 มัน 8-9 ปี มันนานมากแล้ว แต่ที่กระทบเราคือเรากลายเป็นพวกวิตกกังวล เวลาไปเดินห้างไปเที่ยว ต้องคอยดูว่าพี่เขาเดินมาไหม พี่เขาคอยแอบดูหรือเปล่า ทั้งที่ผ่านมานานมากแล้ว ตนใช้ชีวิตไม่มีความสุขเลยสักวันเดียว
เหตุการณ์ที่ตังเจอมันหลายสิ่งหลายอย่างมาก ตนเคยบอกพ่อกับแม่ แต่ด้วยความที่ตนอยู่กับญาติที่กรุงเทพฯ พ่อกับแม่ไม่ผิดที่จะไว้ใจผู้ใหญ่ ใครก็ตามที่โคตรน่านับถือ เข้ามาดูแลเรา เขาไว้ใจ บางเหตุการณ์เขาก็พูดอะไรมากไม่ได้เพราะไม่ได้อยู่ข้างๆ เรา ทำให้เรากับพ่อแม่แทบไม่สนิทกันเลย เพราะรู้สึกว่าพูดอะไรไปเหมือนเด็กโกหก ไม่น่าเชื่อถือ สมมติเราพูดอย่างนึง แต่พี่เขาเอาไปแปลงสารเป็นอีกอย่างนึง ตนไม่เคยคุยกับผู้ใหญ่สักคน พี่สไมล์เข้าไปคุยกับผู้ใหญ่ แต่ผู้ใหญ่ไม่เชื่อ แต่ตนเก็บเรื่องนี้มาตลอด ไม่รู้พี่เขาเอาตนไปพูดเวย์ไหน เขาบอกว่าเขาช่วยทำให้เราเก่งขึ้น
ถามว่าเขาทำกับเราเชิงชู้สาวไหม สำหรับเราไม่ แต่เขาค่อนข้างคุกคามพื้นที่ส่วนตัวของเราทั้งหมด ถามว่าทำไมถึงตัดสินใจทักไปหาพี่สไมล์ เพราะมันเหมือนกับที่เราโดนมาก ตังทักไปว่าขอเสียมารยาทนะคะ อยากรู้ว่าใคร เพราะตังก็โดนเหมือนกัน มีหลายเหตุการณ์ที่เจอมาเยอะมากๆ กว่าจะหลุดจากเขาได้ก็นานมากๆ เพื่อนๆ รู้จักเขาหมด รู้ว่าเขาเป็นใคร ถ้าไปถามเพื่อน เพื่อนก็ตอบได้ว่าเป็นใครเพราะรู้จักกันหมด แต่ตังขอไม่พูดชื่อเขา
เขาไม่ได้ทำอะไรเราเลย เพราะว่าเขาไม่ได้ชอบเรา คนชอบมันไม่ใช่เวย์นี้ เขาไม่เคยลวนลาม ตอนนั้นตนห้าวจัด มันเลยเป็นเวย์ที่เขาทำอะไรตนไม่ได้ เทียบกับพี่สไมล์เขาดูหวาน แต่เราห้าวเลย ตนเข้าไปเรียนม.ปลายทุกวัน แต่เหมือนคนไม่เคยใช้ชีวิตม.ปลาย มันหวาดระแวงทุกวัน
เขาเป็นคนแรกและคนเดียวที่เปลี่ยนชีวิตตนมากๆ กลายเป็นวิตกกังวล กลายเป็นคนกลัว เก็บตัว กลัวทุกอย่าง พี่สไมล์เล่าคือใช่ เขามาในคราบแม่ ใจจริงๆ ตนอยากเป็นพยานบุคคลยืนยันให้พี่สไมล์ เพราะที่พี่สไมล์พูด ต่อให้โตแล้วเขาอาจไม่เชื่อ แต่ถ้าตนมาพูดเป็นคนที่สอง อาจทำให้สถานการณ์เปลี่ยน ตอนนี้ตนกลัวเขาไปแล้ว
มีเหตุการณ์นึงที่แม่ทักมาหาตังว่าไหวไหม กลับบ้านไหม น้ำตาแตก ดีใจมาก กลับเลย จองตั๋วด่วน เซอร์ไพรส์ พี่คนนั้นเขากลับบ้านไปกับตัง แต่ความที่เหตุการณ์เริ่มแดง ตังไม่โอเค ตังไปสนามบินก็ไม่คุยกัน ขึ้นเครื่องลงเครื่องก็ไม่คุยกัน จนพ่อแม่มารับตังที่สนามบิน สิ่งที่เขาทำกับตังคือเรียกเคลียร์ระหว่างตัง พ่อแม่ว่าเอาไง แต่หลังจากนั้นสิ่งที่เขาทำกับตังคือขอยืมโทรศัพท์หน่อยสิ มือถือเขาเสีย ด้วยความไว้ใจก็ให้โทรศัพท์ไป เขาบอกว่าขอโทรหาคนในออฟฟิศ ผ่านมา 15 นาที ก็บอกแม่ว่านานไปแล้ว ขอไปเอามือถือ แต่สิ่งที่เราเห็นที่เขาทำ พฤติกรรมที่เขาทำคือเปิดดีเอ็มไอจีเรา เอามือถือไปถ่าย กดดูแชตพี่คนนึงถ่ายๆ เราก็ถามว่าพี่ทำอะไร เขาไม่พูด เราก็โอเค รู้แล้ว เราไม่รู้ว่าเขาทำทำไม ทุกวันนี้ยังหาเหตุผลไม่ได้ ทุกอย่างเหมือนจบ เขาทำต่อหน้าเราขนาดนี้ก็ให้มันจบ ตนทนมาเกือบ 3 ปี
มีช่วงนึงเราเก็บตัวไปแข่งกีฬา เก็บตัวที่โรงเรียน สองสามทุ่มโทร.มาทักว่ามาเจอพี่หน่อย มาเจอที่โรงเรียนแล้ว เราบอกไม่เอา ไม่ไปเจอได้ไหม เขาบอกว่าแป๊บเดียว มีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย สำคัญมากๆ เกี่ยวกับหนูจะคุยด้วย ก็เดินไปหาเขา เขาบอกว่าพี่เปลี่ยนโทรศัพท์มา พี่เอาเครื่องเก่าพี่ไปขาย แต่เครื่องเก่าพี่มีข้อมูลหนู มีรูปภาพหนู มีแชตหนู ควรเอากลับมาดีไหม กูได้แต่ขมวดคิ้ว เราไม่สนเลยนะว่าเขามีหลักฐานอะไรเกี่ยวกับเรา เราไม่อยากแคร์อะไรแล้ว
แต่สิ่งที่เขาทำ เขาอยากให้เรากลัวว่าในมือเขามีข้อมูลเรานะเว้ย เราอยู่ภายใต้กำมือเขานะ เขาบอกเราแบบนั้น วันนั้นเราจำไม่ได้ว่าเขาทำอะไร เราก็บอกว่าขอไม่คุยแล้วพี่จะทำอะไรก็เรื่องของพี่ เขาเปลี่ยนมือถือ แล้วบอกว่าเอามือถือไปขาย กลัวจะมีคนเอาภาพเอาอะไรไปออกข่าว ค่อนข้างงงเลยตอนนั้น เราก็ขมวดคิ้ว แล้วพี่จะถ่ายแชตหนูไปทำไม เพราะไม่มีอะไรเลย ถ้าหนูด่าลุงตู่พี่เก็บแชตไปก็ทำได้ เพราะทุกคนก็ด่าเหมือนกัน แต่นี่สิ่งที่พี่ทำคือเข้าไลน์ เปิดแชตดูคนโน้นคนนี้
รวมทั้งแม่บอกว่าเขาเคยอัดเสียงระหว่างคุยกับผู้ใหญ่ให้แม่ เหมือนผู้ใหญ่กำลังวิจารณ์ สิ่งที่ตังได้ยินคือ เด็กคนนี้คงเป็นได้แค่ตัวตลกดำๆ คงเป็นอะไรมากกว่านี้ไม่ได้หรอก แล้วก็ขำๆ กัน แล้วมีการเมนชั่นถึงพี่สไมล์ว่าเป็นเด็กไม่มีความรับผิดชอบ การที่ผู้ใหญ่คนนึงอัดเสียงที่ผู้ใหญ่วิพากษ์วิจารณ์เด็กที่ตัวเองดูแลและส่งให้เด็กคนนั้น เหตุผลคืออะไร เขาต้องการอะไร อันนี้ไม่เกี่ยวกับค่าย ผู้ใหญ่คนอื่นเขาดีกับตังมากๆ ขอให้ทุกคนโฟกัสแค่คนๆ เดียวที่ทำแบบนี้ ท็อกซิกมาก
ที่ตนหลุดพ้นมาได้ เพราะว่ามีเหตุการณ์นึงต้องประชุมผู้ปกครองที่โรงเรียน ตนขอให้คุณน้าไปเป็นผู้ปกครอง เขาไม่ว่าง ติดงาน ก็ไม่เป็นไร ก็ขอให้แม่รุ่นน้องที่สนิทกันไปเป็นผู้ปกครองได้ไหม เพราะแค่ไปรับใบเกรด มันไม่เยอะ แต่พอใกล้ถึงวันไปจริงๆ คุณน้าบอกว่าให้พี่คนนี้ไปนะ สรุปคุณน้ากับพี่คนนี้ก็ไปด้วยกัน เราก็เฟดตัวออกมาเลย ไม่ยุ่ง ไม่อยู่ห้องผู้ปกครองอะไรทั้งนั้น นั่นทำให้เราพิมพ์ไลน์ไปหาพี่เขา หนูขอบคุณพี่ แต่หนูพอแล้ว หนูว่าเราจบกันแค่นี้
ช่วงเฟดตัวออกมาแล้ว ตนร้องไห้ทุกวัน สงสารพ่อแม่ ว่าจะรู้สึกยังไงที่ต้องอยู่ตัวคนเดียวที่กรุงเทพฯ ไม่มีใครดูแล ห่วงพ่อแม่ว่าเขาจะห่วงเราขนาดไหน เราก็เคารพเขาอยู่นะ เจอก็ไหว้ แต่เขาไม่รับไหว้ พยายามให้เขาเห็นว่าหนูไหว้นะ หนูยังเชื่อว่าสิ่งที่เขาทำ เขาหวังดี จนเขาเริ่มเมินๆ เรา พอตนหมดสัญญา ไปเซ็นกับกับค่ายร้องเพลง ก็ทำให้เฟดตัวเองมาได้เยอะมาก
มีเหตุการณ์เล็กๆ น้อยๆ หลายเหตุการณ์มากที่เขาทำกับตน ผู้ใหญ่ในค่ายไม่มีความผิด เขาดีกับตังมากๆ ขอให้อยู่ที่ตัวพี่เขา ไม่ผิดที่ผู้ใหญ่คนอื่นจะไม่เชื่อ เพราะเด็ก 15 แล้วโดนผู้หญิงด้วยกันทำแบบนี้ สมัยนั้นก็เชื่อยากมากๆ ทั้งตัวตนพี่เขาก็น่าเคารพมากๆ เขามีวิธีการพูดจาที่ดีมากๆ อยู่แล้ว การที่พี่สไมล์ไปบอกผู้ใหญ่แล้วผู้ใหญ่ไม่เชื่อ ก็เก็ตทั้งสองฝั่ง เรื่องการคุกคามมันเชื่อยาก ปี 2018 สไมล์เจอก่อนตัง 2-3 ปี คนมันไม่ได้มาตระหนักเรื่องนี้ ตนก็โดนมาเรื่อยๆ เก็บทุกอย่างไว้เยอะมาก ไม่เคยออกมาพูดเรื่องนี้เลย แม้กระทั่งกับเพื่อนหรือใคร ไม่เคยเล่าเรื่องพี่ผู้จัดการคนนี้ให้ใครฟัง ยุคนั้นพูดอะไรไปก็น่าเชื่อถือยาก เคสพี่สไมล์เหมือนเขามาขอโทษครอบครัวแล้ว แต่พี่สไมล์เพิ่งรู้ว่าเขาแค่อยากให้เรื่องมันจบ แต่เขาไม่ยอมรับว่าตัวเองทำ
มันทำให้มาตังหลอน กลัวว่าเขาจะหาเจอ เวลาไปเดินตลาด เดินห้างอะไรก็ตาม เคยเจอเขา เดินๆ อยู่แล้วจ๊ะเอ๋เขา ตกใจว่าเขามาทำอะไรตรงนี้ ก็รู้ว่าเขามาตามตน เราก็จำเหตุการณ์ตรงนั้น
ตนหวังว่าการที่เราออกมาพูด จะทำให้สถานการณ์เปลี่ยนแปลง เขาควรถูกอะไรก็ตาม ที่ไม่ใช่อย่างทุกวันนี้ (มาตังเล่าก่อนหน้านี้ว่าชีวิตเขาตอนนี้ดีมากๆ) มันค่อนข้างหนักกว่าจะผ่านมาได้ ต้องใช้เวลากับตัวเองเยอะมาก ก็หวังว่าจะช่วยให้พี่สไมล์ไม่กลายเป็นโดนสบประมาทว่าเป็นเด็กเลี้ยงแกะ เพราะเจอจากคนเดียวกัน
มันเป็นเรื่องฝังใจมากๆ ไม่คิดว่าตัวเองจะโดนอะไรแบบนี้เหมือนกัน ตนถือว่าออกมาพูดความจริงทั้งหมดที่เจอมา จากตัวบุคคลคนนั้น ไม่เกี่ยวกับค่าย ขอบคุณทุกกำลังใจที่ส่งให้ ตนคาดหวังว่าเรื่องนี้จะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ตอนนี้กำลังใจดีมากๆ ไม่ได้คิดถึงมันแล้วเจ็บปวดแล้ว กว่าจะผ่านมาได้ก็ค่อนข้างนาน แต่ก็ผ่านมาได้เยอะแล้ว ตอนนี้ก็แค่หวังว่าจะทำให้ทุกคนที่ได้ฟังเรื่องตนจะระมัดระวังตัวเองมากขึ้น ถ้ามีเรื่องผู้ใหญ่เข้ามาขอดูแล ทุกคนก็ต้องเซฟตัวเอง โดยเผยทิ้งท้ายก่อนจบไลฟ์ว่าทุกเรื่องที่เล่ามาพีกแล้ว