“โบวี่ อัฐมา” โต้เป็นเศรษฐีนีแล้ว หลังเป็นตัวธุรกิจใหม่ทำโครงการบ้านติดริมเขา ลั่นยังไม่รวยแค่พอมีพอกิน เผยธุรกิจนี้ได้มาจากการเป็นอินฟลูเอนเซอร์สายแต่งบ้าน วางอนาคตของตนมาในเส้นทางสายอสังหาริมทรัพย์แล้ว ส่วนเรื่องความรักยังไม่ใจอ่อนมีลูกให้สามี ลั่นยินดีทำหมันเอง
ถูกมองเป็นเศรษฐีนีคนใหม่ของวงการบันเทิงไปแล้วสำหรับ “โบวี่ อัฐมา ชีวนิชพันธ์” ที่ตอนนี้กลายเป็นเจ้าของโครงการบ้านหรู ที่สระบุรี เมื่อถูกถามเรื่องนี้ โบวี่รับบอกทันทีว่ายังไม่ได้เป็นเศรษฐีนี แค่พอกินพอใช้
“จับพลัดจับผลูไปทำโครงการบ้านเป็นบ้านวิวเขาอยู่ที่จังหวัดสระบุรี 70 ยูนิต เป็นบ้านหลังละประมาณ 2- 3 ล้านแต่เป็นบ้านวิวเขาที่สระบุรี ไม่ได้เป็นเจ้าของโครงการ เป็นหุ้นส่วนหลักค่ะ มีหุ้นหลายคน ไม่ได้รวยขนาดนั้น
มันเริ่มต้นจากการที่เราเป็นอินฟลูเอนเซอร์สายแต่งบ้าน เราก็จะมีทำคอนเทนต์พวกการแต่งบ้าน สร้างบ้านอยู่ตลอด แล้วก็มีรีวิวโครงการบ้านต่างๆ ด้วย ทีนี่ก็จับพลัดจับผลู ตอนแรกไม่ได้ตั้งใจทำ พอดีว่าธรรมสถานที่โบไปปฏิบัติธรรมอยู่ข้างๆ เขามีให้ประมูลเลยมีคนชวนไปซื้อมาไหมเราก็เลยไปซื้อมา โบลงทุนอยู่ที่ 8 หลักค่ะ มูลค่ารวมของโครงการน่าจะอยู่ที่ประมาณ 160 ล้าน”
ใช้ชื่อเสียงจากการเป็นอินฟลูเอนเซอร์ในเรื่องของการแต่งบ้านมาต่อยอดการทำโครงการบ้าน
“ขายไปประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์แล้วค่ะแต่จริงๆ ตอนแรกคนจองไปเกือบหมดแล้ว แต่ช่วงนี้มีปัญหาเรื่องดอกเบี้ยสูง บางคนก็อาจจะไม่ไหวเลยยังไม่ได้ปิดโครงการแต่จริงๆ คนจองไปก็เกือบหมดแหละค่ะ เรียกว่าเป็นประสบการณ์มากกว่าเนอะ จริงๆปัญหาสำหรับโบรู้สึกว่าไม่ได้ถือว่าเยอะนะคะ
มันเป็นแค่เรื่องจุกจิกระหว่างทางที่เราต้องเรียนรู้ว่า อ๋อ อันนี้เราต้องแก้ปัญหาแบบนี้แต่มันไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่ เพราะว่าอาจจะเราได้ทีมงานดีด้วย หุ้นส่วนเราก็ดีเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างโครงการหมู่บ้านอยู่แล้ว ก็เลยค่อนข้างสบายในเรื่องของการดูแลคุณภาพโครงสร้างโครงการหมู่บ้าน
ชื่อเสียงของเราในส่วนของการที่เราเป็นอินฟลูเอนเซอร์ในเรื่องของการแต่งบ้านเพราะมันจะมีแฟนๆ ที่ติดตามมาซื้อเพราะคลิปเรา เราก็รีวิว เขาอาจจะติดตามเราอยู่แล้วและชอบสไตล์การตกแต่งพอเราทำโครงการออกมาเขาก็ตามมาดูตามมาซื้อ”
ตอนนี้วางตัวเองในเส้นทางอสังหาริมทรัพย์เต็มตัวแล้ว โต้ยังไม่ได้เป็นเศรษฐีนี แค่พอกินพอใช้
“เต็มตัวแล้วกัน ทำก้าวแรกในแบบเต็มตัวคือก่อนหน้านี้มันทำกระจุ๊กกระจิ๊ก อันนี้คือเป็นรูปเป็นร่างมากสุด (เป็นเศรษฐีนีแล้ว?) ไม่ๆๆ ค่ะ ไม่ต้องอินบ็อกซ์มายืมเงินนะคะ ยังค่ะ เรื่องคนยืมเงินแซวเล่น เล่นมุก คือเราลงทุนเนื่องจากเราไม่ได้กู้ ดังนั้นเงินเราก็ยังหมุนอยู่ในโครงการค่ะ ไม่ได้หวั่นใจว่าคนจะยืมเงิน คือยังไม่ได้เป็นเศรษฐีนีจริงๆ กลัวจะเข้าใจผิดว่ารวย เปล่าค่ะ เอาเป็นว่าเรามีกินมีใช้พอดี แต่ไม่ได้ร่ำรวยเป็นเศรษฐีนีขนาดนั้น
จริงๆ เส้นทางอาชีพที่จะไปต่อจากนี้ก็จะเป็นแนวอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมด จริงๆ ก็มีโปรเจกต์ต่อไปที่วางแผนไว้แล้วค่ะก็อาจจะฝากติดตาม”
ยังไม่ใจอ่อนมีลูกให้สามี หวั่นลูกที่มาเกิดผูกด้วยกรรม ไม่ใช่บุญ
“เขาก็อยากมีแต่ว่าสุดท้ายแล้วเหมือนเขาก็บอกว่าตามใจเรา ถ้าเราไม่อยากมีก็ได้ไม่เป็นไร แต่เขาก็จะพูดอยู่เรื่อยๆ ว่าเขาอยากมี ถามว่ากดดันไหม มันมีบางแว๊บเหมือนกันนะหรือจะมีดีนะแล้วก็พอไปเห็นลูกเพื่อน ไม่มีดีกว่า โอ้โห เลี้ยงเด็กคนนึงมันต้องทุ่มเทชีวิตลงไปเลยแล้วก็สมัยนี้สภาพสังคมอะไรอีกก็เลยคิดว่าไม่มีน่าจะสะดวกดีกว่า
ด้วยเราใจไม่อยากมีลูกอยู่แล้วด้วย รู้สึกเหมือนเป็นบ่วง อย่างบางทีคนที่มาเกิดเป็นลูกเรา อาจจะไม่ได้ผูกกันมาด้วยบุญนะ อาจจะผูกมาด้วยกรรมก็มี แล้วกลายเป็นว่าต้องมาปะทะอะไรกันอีกถ้าเราตัดได้มันก็จะได้ไม่ต้องมาอะไร”
ออกตัว ยินดีทำหมันเอง
“เคยพูดด้วย โบว์ทำก็ได้ ไม่ซีเรียส เพราะเราไม่อยากมีก็ไม่ต้องไปบังคับเขาคือเคยไปปรึกษาหมอแล้วไปคุยกับหมอแล้ว หมอไม่อนุญาต เพิ่งรู้เหมือนเป็นจรรยาบรรณแพทย์ หมอบอกทำให้ไม่ได้เรายังเด็กเผื่อในอนาคตเราเปลี่ยนใจ แต่ถ้ามาเลยก็ต้องดูแล ถ้ามาเลยแสดงว่าคงอยากเกิดกับเราจริงๆ ก็ได้ ก็ต้องดูแลอย่างดี
ณ ตอนนี้มันยังไม่ได้มีปัญหาอะไร เลยยังไม่ทันได้คิดค่ะ มันก็เป็นไปได้เนอะเช่นเลิกกับเราไปหาผู้หญิงคนอื่น เพราะอยากมีลูก ก็ไม่รู้นะเรื่องในอนาคต เหมือนว่าเขาอยากมีเพราะสัญชาตญาณมนุษย์ที่ฉันจะต้องมีทายาทสืบพันธุ์นะ อะไรแบบนี้ ถ้าถามเหตุผลลึกๆ มันไม่มีเหตุผลอะไรที่มันเป็นชิ้นเป็นอัน”