xs
xsm
sm
md
lg

“หมอก้อง” รับเพื่อนแทงข้างหลัง “อาร์ต” หมายถึงตน เชื่อเป็นความเข้าใจผิดที่มาจากบุคคลที่ 3 เป็นกรรมที่ต้องมาเจอร่วมกัน (คลิป)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“หมอก้อง สรวิชญ์” ยอมรับเพื่อนที่แทงข้างหลังที่ “อาร์ต พศุตม์” เล่าอาจจะหมายถึงตน บอกเป็นเรื่องราวเป็น 10 ปีแล้วแต่ไม่มีโอกาสได้เคลียร์กัน หากอาร์ตข้องใจก็สามารถยกหูหาตนได้ไม่ต้องรอจนถึงวันนี้ เชื่อเป็นความเข้าใจผิดที่มาจากบุคคลที่สาม ถือเสียว่าเป็นกรรมที่ต้องมาเจอร่วมกัน



หลังจากที่ “อาร์ต พศุตม์ บานแย้ม”ออกมาเล่าถึงปมในใจของการทำงานในวงการบันเทิงที่ถูกเพื่อนร่วมช่องแทงข้างหลัง ที่ยังคงเสียใจจนถึงทุกวันนี้ ทำเอาหลายคนออกมาเผยคำใบ้ว่า เพื่อนคนดังกล่าวมีอักษรย่อ ก.ไก่

ซึ่งมีหลายคนพุ่งเป้าไปที่ “เกรท วรินทร ปัญหกาญจน์” แต่เกรท ก็ได้ออกมาปฎิเสธ รวมถึง อาร์ต พศุตม์ เองก็ออกมายืนยันว่าเพื่อนคนนั้นไม่ใช่เกรท พร้อมใบ้ๆ ว่าเป็นคนที่ปากไม่ดี ล่าสุดเจอ “หมอก้อง สรวิชญ์ สุบุญ” ที่งาน แถลงข่าว เดิน-วิ่งการกุศล “ก้าวด้วยธรรม ก้าวด้วยใจ สร้างอาคารโรงพยาบาล” ครั้งที่ 7 เมื่อถามถึงเรื่องนี้ ที่หลายคนเองก็พุ่งเป้าว่า อาร์ต อาจจะหลายถึงหมอก้อง ซึ่งหมอก้องก็ยอมรับว่าอาร์ตอาจจะหมายถึงตนก็เป็นได้

“คือได้ยินเหมือนกัน ถ้านับย้อนจากวันนี้ก็เดือนนึงแล้ว ตอนแรกที่ฟังผมก็มีความรู้สึกว่าหมายถึงเราหรือเปล่า ผมก็คิดอยู่ เพราะว่าเหมือนรายละเอียดที่อาร์ตให้มามันก็เดาได้ไม่กี่คน คราวนี้ผมก็คิดว่าสิ่งที่อาร์ตพูด ถ้าผมจะรู้เรื่องผมรู้อยู่เรื่องเดียวคือที่อาร์ตบอกว่าเราพูดเรื่องของเขา ณ ตอนนั้นผมยอมรับว่าพูดเรื่องของเขา ตอนที่เขามีประเด็นออกจากช่อง 3 ก็คุยเรื่องที่อาร์ตออกจากช่อง ทุกคนก็รู้ แล้วเราก็ไม่ได้คุยคนเดียวคือมีคนมาเล่า

วันนั้นก็มีนักแสดงอยู่เต็มไปหมดเลย ก็มีคนมาเล่าว่าอาร์ตออกไปแล้ว เราก็อ้าว! อาร์ตออกไปแล้วเหรอ ด้วยความที่ผู้จัดการคนเดียวกัน อาร์ตออกไปแล้วเราก็คุยตรงนั้น แต่คราวนี้อาร์ตจะรู้จากใครว่าเราพูดว่าอะไรผมไม่รู้ ส่วนในเรื่องอื่นๆ ของอาร์ตผมไม่รู้เรื่องเลย ผมก็เลยรู้สึกว่าตกลงใช่หรือไม่ใช่ ถ้าเกิดว่าดูจากรายละเอียดคือผมไม่รู้เรื่อง”

ยังไม่ได้มีโอกาสคุยหรือยกหูโทร.หาเคลียร์กัน มาเป็น 10 ปีแล้ว จริงๆ หาก “อาร์ต” ข้องใจก็สามารถยกหูหาตนได้ไม่ต้องรอจนถึงวันนี้
“เอาจริงๆ แล้วมันง่ายมากเลย การที่จะผิดใจอะไรนะ คือจริงๆ แล้วหมายถึงผมหรือยังไม่รู้นะ เพราะอาร์ตยังไม่บอก ถ้ามีปัญหาอะไรอาร์ตสามารถโทร.หาได้เลย ถ้าสงสัย คือเราเพื่อนกันก็โทร.หาได้ ถามได้ แล้วก็ไม่ต้องรอมาจนถึงวันนี้ เอาตั้งแต่วันนั้นเลย

อันนี้ผมยอมรับเลยว่าไม่ได้คุย เนื่องจากว่าผมว่าเป็น 10 ปี ที่หมดสัญญาไปไม่ได้คุยเลย ณ ตอนนั้นจำได้ คือมันนานมาก แต่ผมจำได้ว่าเหมือนว่าอาร์ตจะไม่พอใจว่าเราไปพูดเรื่องของเขา เรื่องสัญญานี่แหละว่าหมดสัญญากับช่องหรือยัง ที่ไปเล่น คือตรงนั้นคนเยอะมาก แต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเจาะมาที่ผมด้วย

มองปัญหาของตนกับ “อาร์ต” เป็นเรื่องของบุคคลที่สาม
“ผมว่ามันมีบุคคลที่สาม อย่างตัวเขาเองเขาก็พูดถึงว่ามีบุคคลที่สาม ก็นั่นแหละบางทีมันจะต้องเผื่อใจคิดไว้บ้างว่า ถ้าเกิดมันเป็นเรื่องของเราสองคน เราก็ควรจะคุยกันสองคน อย่าผ่านบุคคลที่สาม หรือถ้าเกิดว่าฟังบุคคลที่สามมาพูดถึงผม หรือผมฟังคนนี้แล้วพูดถึงอาร์ต เรื่องมันเปลี่ยนได้หมดเลย อันนี้คือสิ่งที่มันไม่มีใครผิดทั้งเขาและเราถ้าเกิดมันเกิดความเข้าใจผิดเพราะบุคคลที่สามยกหูโทร.หาเลย

ณ ตอนนั้นก็มีการถามกันนี่แหละ ว่าหมดสัญญาแล้วเหรอที่ไปเล่นละคร (ไม่ได้พูดใส่ร้าย?) ผมจะใส่ร้ายอะไร จะใส่ร้ายว่าอะไร มันคือข้อเท็จจริงว่าสัญญา คือตอนนั้นผมก็จะหมดสัญญาก็มีการถามว่ายังไง แล้วไปเล่นได้เหรอ ต้องรอหมดสัญญาก่อนไหม คือเราเองก็จะหมดสัญญา ด้วยความที่มาพร้อมกันสัญญาก็จะหมดพร้อมๆ กัน แต่ผมต่อสัญญากับช่องไม่ได้ออกมา”

เชื่อตนกับ “อาร์ต” จริงๆ อาจจะเป็นเหยื่อของบุคคลที่สามด้วยกันท้้งคู่
“ณ ตอนนั้นมีคนมาบอกว่ามีน้องมีอีกนึงคนอยากให้พูด เพราะมันมีการไปพูดแบบนั้นแบบนี้ ผมก็อ้าว ผมไม่ได้พูดแบบนั้นนิ (บุคคลที่3 เป็นดารา?) ช่างเขาครับ ไม่อยากจะให้พาดพิงกันเยอะ คือเรื่องนี้มันผ่านมา 10 กว่าปีแล้ว ปล่อยมันไปเถอะ ถามว่าทำไมเรื่องมันถูกจุดขึ้นมาอีก งงไหมละ

เอาจริงๆ เลยนะ อาร์ตกับผม เราอาจจะเป็นเหยื่อด้วยกันทั้งคู่ก็ได้นะอาร์ต คือถ้าอาร์ตรู้ว่าคนๆนี้ หรือว่าผมโดนอะไรมาบ้างจากคนนี้ อาร์ตอาจจะเห็นใจเราบ้างก็ได้นะ คือเราไม่ค่อยคุยกันเท่านั้นแหละถามว่าโกรธไหม คือไม่ได้โกรธที่ออกมาพูดเลย ในเมื่อผมไม่รู้เรื่องจริงๆ ผมจะโกรธทำไม ถ้าถามว่าเดือดร้อนไหม ก็เดือดร้อนไหมแบบนี้ มันก็มี แต่เราก็เข้าใจได้ว่าถ้าเขาเข้าใจว่าเราทำอย่างนั้นจริงๆ ซึ่งในความเป็นจริงมันเป็นไปไม่ได้”

มันคือความเข้าใจผิด ซึ่งบุคคลที่สามตอนนี้ไม่อยู่แล้ว ปล่อยให้เรื่องทุกอย่างมันเงียบไปเถอะ ถือเสียว่าเป็นกรรมที่ต้องมาเจอร่วมกัน
“ถามว่าเขาจะเคลียร์กับผมไหม ผมไม่มีอะไร อาร์ตบอกว่าผมอาจแทงข้างหลังหรือปาดงาน ผมเนี่ยนะจะปาดใครได้(หัวเราะ) ผมก็ไม่เข้าใจ เรื่องการต่อสัญญากับทางช่อง 3 ไม่เกี่ยวเลย ช่อง 3 ไม่มีไม่ต่อสัญญาใครอยู่แล้วพอถึงเวลา ด้วยความที่เราคือลูกหม้อที่มากับช่อง ช่องดูแลนักแสดงทุกคนดีมากนะ จริงๆ”

บุคคลที่ 3 ตอนนี้เขาไม่อยู่แล้ว ที่ผมไม่ออกมาพูดผมมีความรู้สึกว่าในเมื่อเขาไม่ได้อยู่แล้วเราก็ไม่ต้องไปพูดถึงเขาไหม คิดว่าก็ปล่อยให้มันเงียบไปเถอะ แล้วถ้าวันนึง…วงการจะบอกว่ากว้างก็กว้าง จะบอกว่าแคบก็แคบ ถ้าวันนึงถ้าได้มาเจอกัน มันก็อาจจะคุยกันได้ เราเป็นเพื่อนที่อยู่ด้วยกันมาเป็นเดือน ที่อยู่กันถึงทุกวันนี้ในรุ่นนั้นก็เหลือกัน 3 คน ก็มีกันอยู่แค่นี้ ก็จบเถอะ จบคืออย่าคิดมาก จริงๆ


มันคือความเข้าใจผิด คือผมไม่รู้เรื่องจริงๆ ในสิ่งที่เขาบอกมาในหลายๆ อย่าง ถ้าเป็นคนทั่วไปเขาอาจจะบอกว่าเขาไม่เห็นจำเป็นที่จะต้องรู้เรื่องเลยไหม อย่างเรื่องติดต่องาน ใครติดต่อมา เราต้องรู้เรื่องไหมว่าเขาติดต่อใครมาก่อน เราต้องรู้ไหม มันก็ไม่ใช่เนอะ แต่ฝั่งนั้นเขาได้ยินอะไรมาบ้างผมก็ไม่รู้ จะไปโกรธเขาก็ไม่ถูก ก็ถือเสียว่าเป็นกรรมที่เราสองคนต้องมาเจอ(หัวเราะ)”

เจอกันก็ยังคุยกันได้ เพราะสุดท้ายก็คือเพื่อนกัน

“ก็เพื่อนกัน ผมว่าถ้ามันจะเคืองใจกันมันก็อาจจะมีงอนๆ นิดนึง แต่สุดท้านมันก็คือเพื่อนกัน (จะมียกหูเคลียร์?) โห…มันผ่านไปสิบกว่าปีแล้ว จะยกทำไมไม่ยกตั้งแต่ตอนนั้น”







กำลังโหลดความคิดเห็น