“อิ๋งอ้อย สิทธิวดี” นำเงินสด 10 ล้าน สมบัติพี่สาว “อิ๋งอิ๋ง ดร.สิทธิณี” บริจาคให้โรงพยาบาลรามาธิบดี ลั่นยังไม่ล้มเลิกความตั้งใจที่เอาสมบัติพี่ไปสร้างวัด ในฐานะผู้จัดการมรดก เผยสมบัติพี่ที่ยังมีอยู่ตอนนี้มีเงินสด 50 ลัานบาท ที่ดิน เครื่องเพชร รู้สึกมันเด็ดมากถูกอดีตพี่เขยฟ้องทวงหนี้ โอดกินข้าวนะ ไม่ได้กินหญ้า ถ้าพี่สาวติดหนี้จริงตนยินดีคืนให้ พร้อมเล่าวาระสุดท้ายของพี่สาวที่ยิ่งกว่าละคร
เสียชีวิตมาได้ปีกว่าแล้ว แต่ครอบครัวยังสะสางเรื่องราวชีวิตให้กับอดีตพิธีกรชื่อดัง “อิ๋งอิ๋ง ดร.สิทธิณี กิตติสิทโธ”ไม่จบ วันนี้น้องสาว “อิ๋งอ้อย สิทธิวดี กิตติสิทโธ” ในฐานะผู้จัดการมรดก ได้นำเงินของ อิ๋งอิ๋ง มาบริจาคให้กับโรงพยาบลาลรามาธิบดี เป็นจำนวน 10 ล้านบาท และยังได้เปิดใจกับสื่อมวลชนถึงเรื่องราวที่ถูกอดีตพี่เขยฟ้องทวงหนี้ โดยอดีตพี่เขยอ้างว่า ก่อนที่พี่สาวเสียชีวิต ติดหนี้ประมาณล้านกว่าบาท งานนี้อิ๋งอ้อย ถึงกับโอดวาระสุดท้ายของชีวิตจริง อิ๋งอิ๋ง ยิ่งกว่าละคร
“ตั้งแต่พี่อิ๋งเสียไป พี่อ้อยบริจาค ทำแล้วคือห้องน้ำ ที่อินเดีย เพราะพี่อิ๋งไปถ่ายทำพระธรรมทูตที่อินเดีย ก็มีพระอาจารย์ณรงค์ พี่อ้อยบริจาคสร้างห้องน้ำที่วัดอโยธยาราม ที่อินเดีย และก็มาทำที่นี่ โรงพยาบาลรามาธิบดี เบ็ดเสร็จแล้วมูลค่าเท่าไหร่ขอไม่บอกได้ไหม คือ ณ ตอนนี้ยังรวบรวมทรัพย์สมบัติพี่อิ๋งไม่หมดเลยค่ะ
หลังจากพี่อิ๋งเสียพี่อ้อยเป็นผู้จัดการมรดก ต้องรวบรวมทรัพย์สมบัติ มีที่ดิน เครื่องเพชร เงินสด อะไรที่อยู่ตรงไหน เราต้องรวบรวมไว้ตรงกลางค่ะ คือเราทำรายการไว้ค่ะ โดยพี่อ้อยตั้งใจบริจาคทั้งหมด อย่างวันนี้ที่บริจาคมีความรู้สึกว่าเงินส่วนนี้ไม่ใช่น้ำพักน้ำแรงที่พี่อ้อยหามา เป็นของพี่อิ๋ง โอเคเราให้เพราะเงินส่วนนี้ไม่ใช่เงินของเรา พี่อิ๋งป่วยด้วยโรคมะเร็ง และเขาเสียที่นี่ เราก็เลยมองโรงพยาบาลรามาธิบดี เราสามารถที่ไปช่วยคนอื่นต่อได้เยอะมาก คือเราบริจาคหมดเลยไม่เก็บค่ะ”
ยังตั้งใจนำเงินมรดกของ “อิ๋งอิ๋ง” สร้างวัดอยู่ แต่ตอนนี้ยังบอกรายละเอียดไม่ได้
“ยังตั้งใจค่ะ แต่ยังไม่บอก คือเงินค่อนข้างเยอะ เรามานั่งทำมูลนิธิและนั่งประชุมกัน ว่าเราจะเอาไปทำส่วนไหน วัดส่วนนึง แต่โรงพยาบาลจะช่วยคนได้เยอะมาก เราซื้ออุปกรณ์การแพทย์เราต่อชีวิตคนได้เยอะมาก วัดเป็นที่พึ่งทางใจ แต่คนที่ป่วยยากแล้วไม่มีเงินก็มี เลยว่าจะทำโรงพยาบาลตรงนี้ก่อน”
ทรัพย์สินของ “อิ๋งอิ๋ง”ที่ยังเหลือในตอนนี้คือ เงินสด 50 ล้าน ที่ดิน เครื่องเพชร
“ยังมีเครื่องเพชร และหลายสิ่งที่ยังหาไม่เจอ พี่อิ๋งไม่ได้ซ่อนแต่เราหาไม่เจอ เราไม่รู้ว่าอยู่ไปไหน แต่เรารู้ว่ามี ตอนนี้ก็ยังหาอยู่ เราไม่รู้ว่า ณ ตอนนั้นที่โรงพยาบาลมีใครเข้าไป ไปทำอะไร เราไม่รู้ เราบอกไม่ได้
ทรัพย์สินพี่อิ๋งที่รวมๆ ณ ตอนนี้เฉพาะเงินสดที่พี่อิ๋งมีที่ตอนนี้รวบรวมได้ ไม่รวมที่ดิน เครื่องเพชรหรือไม่รวมอะไร มีประมาณ 50 ล้าน ณ ตอนนี้พี่อ้อยเป็นคนถือกรรมสิทธิ์คนเดียว (ก่อนหน้านี้เป็นของพี่อิ๋งคนเดียว?) ใช่ค่ะ (ไม่มีถือร่วม?) ไม่มีค่ะ เพราะฉะนั้นการที่พี่อ้อยจะเอาเงินของพี่อิ๋งมาบริจาค ทำบุญ ทำการกุศล พี่อ้อยตัดสินใจได้คนเดียว ไม่ต้องถามใคร”
เผยหาก “อิ๋งอิ๋ง” ติดหนี้อดีตสามี ตนยินดีใช้หนี้คืนให้ ไม่อยากให้พี่สาวมีหนี้ติดตัวไปชาติหน้า หลังอีกฝ่ายฟ้องเรียกร้องว่าเป็นสินสมรส
“ณ ตอนนี้ขั้นตอนคือหนึ่งเราคุยกับทนายอยู่ ไม่สามารถบอกอะไรได้ทั้งหมด ณ ตอนนี้บางอย่างจะทำให้คดีเปลี่ยนแปลง เพราะฉะนั้นคือถ้าจะสัมภาษณ์พาดพิงถึงสามีเก่า พี่อ้อยคิดว่าไม่พูดถึงดีกว่า
แต่ที่ต้องปรึกษทนายเพราะตอนนี้พี่อ้อยโดนฟ้อง ฟ้องว่าพี่อิ๋งติดหนี้เขา ซึ่งพี่อ้อยบอกว่าถ้าติดหนี้ก็เอาหลักฐานมา เรายินดีใช้ เพราะไม่อยากให้พี่อิ๋งติดหนี้ไปถึงชาติหน้า ถ้าพี่อิ๋งมีหนี้ ใครมีหลักฐาน แล้วพิสูจน์ได้ว่าอันนั้นคือหลักฐานจริง เราจ่ายให้หมด เขาบอกว่าติดหนี้จากเงินยืม อันนั้นที่เขาตีมา ณ ตอนนี้ประมาณล้านกว่าบาท
ถ้าเขามีหลักฐานเรายินดีใช้ พี่อ้อยไม่ให้พี่อิ๋งติดหนี้ใคร พี่อิ๋งติดหนี้ใคร หรือมีอะไร ถ้าเรารู้นะ อย่างหนี้ธนาคาร หนี้บัตรเครดิตพี่อ้อยไปไล่ปิดทุกอย่าง พี่อิ๋งไม่มีหนี้ เพราะฉะนั้นพี่อิ๋งไป พี่อิ๋งต้องไม่มีอะไรติดตัวไปถึงชาติหน้า”
รู้สึก มันเด็ดมาก โดนอดีตสามีพี่สาวฟ้อง ลั่นตนกินข้าว ไม่ได้กินหญ้า ถ้าจะให้เอาเงินไปใช้หนี้ที่พี่สาวไม่ได้สร้าง
“เด็ดมากค่ะ พี่อิ๋งตายวันที่ 2 ก.ค. ใช่ไหมคะ พี่อ้อยเตรียมจัดบ้านทำบุญพระ วันที่ 1 มีหมายศาลมาผูกประตูหน้าบ้านพี่อ้อย คือเขากะเวลาได้ตรงเป๊ะมาก ว่าวันนี้ทำบุญ วันนี้เอาหมายศาลมาผูกหน้าบ้านเลย
ก็ไม่ได้คุยกัน เพราะเราให้ทนายคุยแล้วพอมาถึงขั้นตอนนี้ไม่มีอะไรที่จะต้องคุยกัน เพราะพี่อ้อยเป็นคนดูแลทรัพย์สิน พี่อ้อยไม่ได้เป็นหนี้ เพราะฉะนั้นคุณก็ไปเอาหลักฐานมา แล้วคุณก็เอามาเคลียร์ ณ วันนี้ก็ยังไม่มีหลักฐานที่แน่นอนมา พี่อ้อยพูดคำนี้ดีกว่า ใช่หรือไม่ใช่เราไม่รู้
ย้อนไปตอนที่พี่อิ๋งเสีย เขาไม่ได้ขอแบ่งมรดก แต่เขามาในลักษณะว่าขอเรียกคุยกับพี่น้อง เอาน้องสาวไปคุย เอาพี่อ้อยไปคุย เอาทุกคนไปคุย ว่าพี่อิ๋งมีหนี้นะ อ้าว แล้วพี่อิ๋งมีหนี้แล้วไง เขาบอกว่าพี่กับน้องสาวมีศักยภาพ ที่จะใช้หนี้ให้พี่อิ๋งได้ หมายความว่ายังไง คือจะให้พี่กับน้องสาวใช้หนี้ให้พี่อิ๋ง หนี้ตรงนั้นมันเกิดจากอะไร ถ้าจะใช้เรื่องเงินเหรอ พี่น้องกันมันเรื่องเล็ก
วันนี้โทร.ไปยืมเงินเขากี่ล้าน ก็ต้องให้ เราเชื่อเครดิตกัน พี่น้องกันสายเลือดเดียวกัน ไม่โกงกันหรอก มีปัญหาโทร.ยืมเงิน ไม่มีปัญหาอะไรเลย เพราะฉะนั้นบอกสิ เคลียร์หนี้อะไร บอกมา เพราะฉะนั้นคือ บอกเขาว่าจะให้เราไปเคลียร์หนี้ แต่เงินก้อนนี้ มันไม่ใช่หนี้ที่เราสร้าง เรารู้ว่าบุคคลที่จะยืมเงิน และให้ยืม คือใคร แม้กระทั่งเพื่อนสนิทเรายังพูดเลยว่า อย่ามายืมเงินกัน ถ้ายืมเงินกัน เราจะไม่ได้คุยกันอีกแล้ว เพราะฉะนั้นพี่อ้อยบอกตรงนี้เลยว่า กินข้าวนะไม่ได้กินหญ้า เพราะฉะนั้นตรงนี้ฉันกินข้าว ฉันไม่ได้กินหญ้า ถ้าจะให้เอาเงินไปใช้หนี้ วันนั้นก็คือสรุปกันไม่จบ ก็คือต่างคนต่างแยกย้าย เพราะพี่อ้อยบอกว่าพี่อ้อยกินข้าวพี่อ้อยไม่ได้กินหญ้า”
เผยอดีตสามี “อิ๋งอิ๋ง” ฟ้องแพ่งทวงหนี้ตนล้านกว่าบาท โดยอ้างให้ยืมตอนที่ยังมีชีวิตอยู่
“พูดกันตั้งแต่พี่อิ๋งยังไม่เสีย เขาขอก่อนเลย และเขาก็ประกาศเจตนารมณ์ว่าค่าโรงพยาบาลไม่จ่ายนะ พี่น้องพวกคุณดูแลกันเอง ก็ขึ้นศาลไปแล้วเมื่อวาน (4ก.ย.66) พี่อ้อยไม่ได้ไป ส่งทนายไป ทนายก็มาบอกว่าไม่ได้คุยกัน ฟ้องแพ่งว่าพี่อิ๋งเป็นหนี้เขา เขาฟ้องพี่อ้อยเป็นจำเลยที่หนึ่ง บริษัทฯ เป็นจำเลยที่สอง คือบริษัทฯหยุดดำเนินการแล้ว แต่เนื่องจากว่าการเซ็นของกรรมการทั้งหมดจะต้องมีกรรมการ พี่อ้อยเลยใส่ชื่อตัวเองเป็นกรรมการปุ๊บเขาก็ฟ้องทันทีเลย เขารอเวลาอยู่แล้ว จะบอกว่าเขาฟ้องบริษัทฯ ว่าบริษัทยืมเงินมาก็เอาหลักฐานมาดูกันว่ายืมจริงไหม
เราไม่ได้บอกเรื่องนี้กับพี่อิ๋งเลย ที่คุยกันคือวัตถุประสงค์ของเขาคือย้ายโรงพยาบาล ซึ่งคุณหมอภุชงค์ดูแลพี่อิ๋งมา 5 ปี เราไม่คิดจะเปลี่ยนอยู่แล้ว พี่อ้อยฉุนขาดมาก พูดไปว่าถ้าพี่อิ๋งจะเสียพี่อิ๋งก็อยู่ที่นี่ ยังไงก็ไม่ย้าย ถามว่าจะย้ายเพื่ออะไร ย้ายเพื่อประหยัด อ้อยบอกไปว่าเงินทุกบาททุกสตางค์พี่อิ๋งเป็นคนหามา พี่อิ๋งมีสิทธิ์ที่จะใช้เพราะฉะนั้นไม่ย้าย ยังไงก็ไม่ย้าย”
ทุกคืนสวดมนต์ให้เจ้ากรรมนายเวร ลั่นส่วนตัวไม่ได้คิดจองเวรแต่เอาความถูกต้องมาคุยกัน
“พี่อ้อยสวดมนต์ทุกคืน สวดให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายให้พวกที่มันไม่หลุดไปจากชีวิตสักที คือเรื่องตรงนี้ทั้งหมด สามีพี่อ้อยก็ไม่ใช่ ทุกวันนี้ที่ทำคือเพื่อพี่อิ๋งคนเดียว ฟ้องแพ่งก็ฟ้องไป เอาหลักฐานมาถ้าจริง คืนให้ แต่ถ้าอะไรหมกเม็ดไว้ถ้าค้นเจอเราเอาถึงที่เหมือนกัน ไม่ปล่อยอยู่แล้ว
เราไม่คิดจะฟ้องนะเราปล่อย เราอยู่นิ่งๆ ของเรามานานแล้ว สัจจะออกจากปากลูกผู้ชายนะ เขาพูดกับแฟนน้องสาวว่าเขาจะไม่มายุ่งอะไรกับครอบครัวพี่อ้อยอีกแล้ว วันนี้ก็กลับมาอีก เราไม่ยุ่งกับเขามานานมาก แต่ถ้าทำแบบนี้พี่อ้อยบอกเลยว่ารื้อ ไม่ได้จองเวรแต่เอาความถูกต้องมาคุยกัน”
อยากสะสางเรื่องนี้ให้จบ เล่าวาระสุดท้าย “อิ๋งอิ๋ง” ยิ่งกว่าละคร วอนเอาสมบัติพ่อแม่ตนมาคืน หากคืนจะเลิกจองเวรก็รอเจอวาระเวรได้เลย
“คือเราต้องสะสางให้จบ มันเป็นภาระที่เราต้องแบก เพราะว่าทรัพย์สมบัติก็ยังขายไม่หมด และเราก็ไม่รู้ว่าอายุเราจะยาวแค่ไหน เพราะฉะนั้นคนที่จะสืบทอดก็คือลูกสาวพี่อ้อย จะสั่งไว้ว่าทุกบาททุกสตางค์ของป้าอิ๋งไม่ใช่เงินเรามีโอกาสทำบุญเอาไปทำบุญให้หมด พี่อิ๋งไปสบาย บอกไปเลยไม่ต้องห่วง สู้เพื่อความยุติธรรมให้ ไม่มีใครรู้เลยว่าพี่อิ๋งเสียชีวิตมีเงินเหลือในธนาคารไม่ถึงร้อยบาท บัญชีนึงมียี่สิบกว่าบาท อีกบัญชีมีแปดสิบกว่า
แล้ว ณ ตอนนี้คุณเอาอะไรของพ่อแม่พี่อ้อยไปเอามาคืนด้วย นิสัยพี่อิ๋งของพ่อของแม่ไม่มีวันเอาไปขายแน่นอน เพราะฉะนั้นของพ่อของแม่คือของที่พี่อิ๋งรักที่สุด ณ ตอนนี้พี่อ้อยหาไม่เจอ เอาไปเอามาคืนด้วย เขาต้องรู้ว่าเขากวาดอะไรไปบ้าง เอาของพ่อของแม่มาคืน เราก็หมดกรรมต่อกัน แต่ถ้าไม่เอามาคืนเราจะตามวาระเวรกรรมที่จะมาถึงเขาแล้วกัน
เพราะถือว่าพี่อิ๋งเขาไม่ได้ให้ วาระสุดท้ายใครจะเชื่อว่า ที่บอกว่าชีวิตยิ่งกว่าละครคืออะไร คือมานั่งจับมือพี่อิ๋ง เราพี่น้องก็ยืนอยู่ พูดสิพูด พูดเหมือนที่เคยพูด หมอถามว่าพี่อิ๋งมีอะไรจะพูดไหม พี่อิ๋งสายหน้าไม่พูด ไม่มีอะไรจะพูด พอลับหลังเดินสะกิดหมอ หมอครับอย่าเพิ่งให้มอร์ฟีน อย่าเพิ่งให้มอร์ฟีนเขายังไม่ได้เซ็นยกสมบัติให้ผม นี่คือคำพูดที่ออกจากปากเขา มันยิ่งกว่าละครอีก เราไม่ได้ยินแต่คุณหมอเป็นคนบอกว่าตกใจมากที่เขามาบอก เราตกลงกันในห้องแล้วว่าไม่มีสรุปจบนะ ให้พี่อิ๋งไปสบายที่สุดคือต้องเพิ่มมอร์ฟีนเพื่อจะได้ไม่เจ็บไม่ทรมาน”
