“น้ำตาล” ระเบิดศึกป้าตรงข้ามบ้าน ไม่ต้องรักษาภาพลักษณ์นางงาม เพราะอำลาตำแหน่งนานแล้ว ลั่นมีเสรีภาพในการพูด ถูกรุกล้ำพื้นที่ส่วนตัว เสียใจเจอพ่อครั้งแรกและครั้งสุดท้าย แม้ไม่มีความผูกพันแต่ใจหาย เผยหนุ่มรู้ใจยังคุยอยู่เรื่อยๆ ไม่โฟกัสเรื่องความรักมาก อยากทำชีวิตให้มั่นคง
เป็นนางงามที่มีเรื่องราวสารพัดดรามา สำหรับ “น้ำตาล ชลิตา ส่วนเสน่ห์” ล่าสุดมีประเด็นเปิดศึกฟาดปากกับป้าตรงข้ามบ้าน ด่ากราดไม่ไว้หน้า เหตุมาว่าตนเองก่อน จนทำแฟนนางงามติติงว่าเดี๋ยวนี้น้ำตาลภาพลักษณ์เปลี่ยนไป ล่าสุดน้ำตาลมาร่วมงานพิธีบวงสรวงตั้งเสาเอกสร้าง The Art Hospital ดอนเมือง ก็ได้เปิดใจถึงประเด็นนี้
“หนูก็ไม่อยากพูดอะไรเยอะ ถ้าพูดเยอะเขาฟ้องหนูขึ้นมาทำยังไง คือจริงๆ หนูไม่เคยไปยุ่งวุ่นวายกับบ้านเขาและไม่เคยไปยุ่งเรื่องส่วนตัวของเขาแล้วพอเรารู้ว่าเขายุ่งเรื่องส่วนตัวเรา แล้วไปพูดที่มันไปในทางเสียหายสำหรับเรา เราก็รู้สึกว่ามันไม่ดีสำหรับเรา คือหนูก็ไม่รู้จะไปเคลียร์กับเขาทำไมเพราะหนูเองก็ไม่ได้สนิทกับเขาด้วย ถามว่าอึดอัดไหม จริงๆ ก็อึดอัดค่ะ แต่ทำยังไงได้ ซื้อบ้านตรงนั้นแล้วยังผ่อนไม่หมดเลย”
อยากสร้างรั้วให้สูงขึ้น
“ใช่ค่ะ จริงๆ วันนี้ก็นัดช่างมาดูประเมินราคาว่าเท่าไหร่ ถ้าราคาไม่สูงมากก็ทำค่ะ จริงๆ คือจะทำเป็นสวนให้มันสูง จะได้รู้สึก private มากขึ้น (จะได้ไม่ต้องมาส่อง?) คือจริงๆ อีกนิดนึงจะเป็นญาติอีกฝ่ายหนึ่งของเราแล้ว(หัวเราะ) เราก็รู้สึกโดนรุกล้ำความเป็นส่วนตัวนิดนึงค่ะ เพราะอย่างที่บอกว่าตาลไม่เคยไปยุ่งเรื่องส่วนตัวของเขา
คือหนูก็ไม่รู้จะไปพูดอะไรกับเขา เพราะเขาก็ไม่ได้มีอิทธิพลอะไรในชีวิตหนู ไม่ได้ให้เงินเลี้ยงดูเราก็เลยรู้สึกว่าเราควรจะต่างคนต่างอยู่ ในเมื่อเราอยู่ในหมู่บ้านเดียวกันแล้ว เราควรที่จะทำดีต่อกัน ตาลเองก็ไม่เคยไปทำอะไรไม่ดีกับเขา ไม่เคยยุ่งอะไรกับเขาด้วยซ้ำ เรื่องติดกล้องวงจรปิด หนูกำลังจะติดเหมือนกันค่ะ หนูคิดหลายอย่างมากเลย ทั้งจะเปลี่ยนรั้วให้มันสูงขึ้นและติดกล้องวงจรปิดหรือว่าทำสวนให้มันสูงขึ้น ยังไม่มีถึงขั้นปาของค่ะ ถ้าปาก็คือน่าจะ... เรื่องปาขยะก็ยังไม่มี คือมันแบบนั้นมันน่าจะรุนแรงไป ต่างคนต่างอยู่ดีกว่า ส่วนแม่ก็น่าจะเสวนาอยู่หรือเปล่าคะ เพราะว่าตอนนี้แม่ออกไปข้างนอก หนูก็บอกแม่ไม่ได้ค่ะว่าอย่าไปคุยกับเขา”
แจงตอกกลับแรงในไลฟ์สด ไม่รักษาภาพลักษณ์นางงาม ลั่นอำลาตำแหน่งนานแล้ว
“ไม่แรงเลย หนูพูดด้วยปกติมากๆ พูดว่าคุณแม่(หัวเราะ) คนมองว่าเปลี่ยนไปไม่รักษาภาพลักษณ์นางงาม คือจริงๆ คนจะมองภาพว่านางงามจะต้องเรียบร้อย อยู่ในเวย์ที่เป็นตัวอย่าง แล้วตอนนี้ตาลอำลาตำแหน่งแล้ว เราก็อยู่ในบริบทที่ว่า ใครที่เราควรทำดีด้วย แล้วก็ทำ แต่ใครไม่ดี เราก็ไม่ ตอนนี้เราอยู่ในเวอร์ชั่นเรียบร้อยค่ะ หนูแต่งตัวเรียบร้อยขนาดนี้(หัวเราะ)”
ใครด่ามากด่ากลับ
"จริงๆ ถ้าใครด่าหนู หนูก็ด่ากลับ ด่ากลับแบบเรียบร้อยๆ น่ารักๆ คือคนนั้นเป็นฟีลแบบแฟนนางงาม แล้วเป็นประเภทชอบกด ‘เนี่ย ถ้าสมมติว่าแอนโทเนี่ย มงฯ น้ำตาลก็จะตกกระป๋อง’ ก็เลยถามว่าเป็นอะไร ต้องการอะไร แล้วมาบอกว่าหนูพูดภาษาไม่ได้ ภาษาไม่ได้เก่งเลย ก็เลยบอกไปว่าเออไม่มีใครเก่งเท่าแม่มึงหรอก หนูพูดแบบนี้ พูดแบบเบาๆ เพราะว่าทำผมอยู่เดี๋ยวผมไม่สวย เวลาใครคอมเมนต์ไม่ดี ก็ต้องดูด้วยค่ะว่าแรงมากแค่ไหน ถ้าอะไรปล่อยผ่านได้ก็ปล่อย (ฟาดมาฟาดกลับ?) แกล้งๆหยอกๆ (หัวเราะ) ถามว่ารู้สึกยังไงบ้างเวลาเราพูดถึงนางงามแล้วมีดรามาตลอด นั่นนะสิคะ หนูก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงดรามากับหนูมาก คือทำอะไรก็คือดรามาเกี่ยวกับนางงามไปหมด”
วิเคราะห์นางงามแม่นอาจฟลุค
“น่าจะฟลุคมั้งคะ (หัวเราะ) เราก็ดูเหมือนเป็นแฟนนางงามไปด้วยค่ะเราก็เหมือนผ่านมาในฐานะของการเป็นตัวแทนแล้วไปประกวดก็เลยมีประสบการณ์ตรงนั้นเราเลยเอาจากประสบการณ์ตรงนั้นมาลองปรับใช้จากที่เรามองมันเป็นยังไงบ้าง เพราะคนก็ถามไม่งั้นหนูก็ไม่ตอบหรอก”
ลั่นมีเสรีภาพในการพูด อำลาตำแหน่ง 6 ปีแล้ว
“หนูอำลาตำแหน่งแล้วค่ะ (หัวเราะ) ตอนนี้ 6 ปีแล้ว มีสิทธิ์พูดอะไรก็ได้อยู่แล้ว Freedom of Speech (เสรีภาพในการพูด) ค่ะ (หัวเราะ)”
เสียใจเจอพ่อครั้งแรกและครั้งสุดท้าย
“ก็เป็นเรื่องที่น่าเสียใจค่ะที่เราได้เจอกันตอนที่มันสายไปแต่จริงๆ คือตาลเองเหมือนมีการติดต่อมาเยอะเหมือนกันที่อยากจะเจอแต่คือด้วยตัวตาลเองไม่เคยเจอพ่อตั้งแต่เด็กแล้วก็อยู่กับแม่มาตลอดด้วยค่ะ เลยไม่รู้ว่าถ้าสมมติถ้าเราเจอเราจะต้องเรียกพ่อหรือเรียกยังไง ต้องทำตัวยังไง คือหนูทำตัวไม่ถูกแล้วบวกเราทำงานด้วยเลยไม่ได้มีโอกาสได้ไปเจอ แต่พอพ่อเสียก็เหมือนมีเพื่อนพ่อทักมาในดีเอ็มเราเลยเอาให้แม่ดูว่าเป็นเรื่องจริงไหมเพราะแม่เขาก็น่าจะรู้จักแวดวงของพ่ออยู่แล้วเลยให้แม่ติดต่อดู ปรากฏว่าเป็นเรื่องจริงเลยได้ไปงานศพเขา ไปทำให้ครั้งสุดท้ายค่ะ”
แม้ไม่มีความผูกพันแต่ใจหาย
“ก็รู้สึกใจหายเหมือนกันนะคะเพราะเหมือนคำว่าพ่อแต่เราอาจจะไม่มีความผูกพันอะไรตรงนั้นเราเลยไม่ได้เฮิร์ตอะไรมาก นอกจากแม่ที่ร้องไห้เขาอาจจะมีความผูกพันกัน เจอครั้งแรกและครั้งสุดท้ายก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน ก็ไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้ค่ะ ถามว่าได้บอกอะไรเขาไหม จริงๆ หนูก็ไม่รู้ว่าต้องพูดหรือทำตัวยังไง มีทางพี่ที่เป็นลูกพ่อบอกว่าก็ไปขอขมาให้อโหสิกรรมต่อกันจะได้ไม่มีอะไรผูกมัดกัน”
ไม่เคยรู้มาก่อนว่าพ่อป่วย แถมจากไปกะทันหัน
“ไม่เลยค่ะ ไม่ทราบ (เสียกะทันหัน?) ใช่ค่ะ คือที่ไปถามทางลูกของพ่อเขาก็บอกว่าพ่อยังแข็งแรงเพราะเป็นคนที่ไม่ได้ดูดบุหรี่ ดื่มเหล้า เลยงงว่าทำไมถึงน็อกไปเลย”
คุยเรื่อยๆ หนุ่มรู้ใจ
“ก็คุยไปเรื่อยๆ ถามว่านัมเบอร์วันหรือยัง ก็คุยไง สถานะก็เป็นคนคุยๆ ก็อย่างที่บอกเหมือนเป็นกำลังใจของเรา ถามว่าไม่พร้อมเปิดตัวเหรอ คือหนูก็ไม่ได้อยากเปิดออกสื่ออะไรแบบนั้นเผื่อเลิกกันแล้วขี้เกียจมานั่งสัมภาษณ์อะไร สถานะก็คนรู้ใจ พยายามมาก (หัวเราะแซวนักข่าว) เขาไม่ได้รู้ใจเราทุกเรื่องหรอก (หัวเราะ) เห็นเปล่าก็พูดคำนี้ไม่ได้อีก
ตอนนี้หนูอยากให้โฟกัสงานก่อน อุ้ย ตอบดาราอีกแล้ว (หัวเราะ) ความฝันหนูเลยนะตอบแบบดารา จริงๆ หนูไม่ได้อยากให้ไปทางความรักหรืออะไรมันก็เป็นอีกพาร์ตในชีวิตนึงที่ไม่ได้เป็นจุดใหญ่มากขนาดนั้นของหนูตอนนี้คือยังโฟกัสงาน ถามว่าแม่ไฟเขียวไหม ก็เรื่อยๆ (หัวเราะ) ก็ไม่ได้ไฟเขียวขนาดนั้น (หัวเรา) เขาก็อยากให้เรามีหน้าที่การงานอะไรมั่นคงในชีวิต”