เป็นที่รู้กันว่า เรื่อง “เล่นใหญ่” นั้น ไว้ใจ ช่องวัน31 ได้อยู่แล้ว
แต่ทุกใหญ่ที่ผ่านหูผ่านตาแล้ว ดูจะเป็นเรื่องประติ๋วไปทีเดียว เมื่อเจอใหญ่แบบ “พนมนาคา” ที่ ช่องวัน31 จัดให้เป็น “วาระแห่งช่อง” กันเลยทีเดียว
ความที่หน้าละครเน้นขายในเรื่องของสเปเชียลเอฟเฟ็กต์อันยิ่งใหญ่หรูหราอลังการ จะให้ออมแรงรึ ก็ดูจะเสียยี่ห้อ “คุณหนูบอย-ถกลเกียรติ วีรวรรณ” บิ๊กบอสส์ของช่อง
งานนี้จึงระดมสรรพกำลัง (เงิน) ทุ่มซื้อบิลบอร์ดขนาดใหญ่ใจกลางเมือง เพื่อโหมโปรโมทการมาของละคร “พนมนาคา” กันอย่างเกริกเกียรติ
เท่านี้ยังใหญ่ไม่พอ
ว่าแล้ว “คุณหนูบอย” จึงสั่งปิดโรงภาพยนตร์ SF World Cinema บนตึกเซ็นทรัลเวิลด์ เพื่อจัดรอบพรีวิวละครฟอร์มยักษ์เรื่องนี้ให้สื่อมวลชนและหมู่มวลอินฟลูเอนเซอร์ได้รับชมก่อนใครในโลกถึง 2 ตอน
และ 2 ตอนที่ผ่านตาไปในวันนั้น ก็พูดได้เลยว่าสมการรอคอยจริงๆ
แม้ว่าเรื่องราวของ “พญานาค” จะถูกบอกเล่าผ่านภาพยนตร์ ผ่านละครมาหลายต่อหลายครั้งครา ในแง่มุมหรือรายละเอียดปลีกย่อยที่แตกต่างกันออกไป แต่ “พนมนาคา” ในรูปแบบการสร้างสรรค์ของ ช่องวัน 31 ผ่านการกำกับของผู้กำกับระดับรางวัลอย่าง “สันต์ ศรีแก้วหล่อ” และบทโทรทัศน์ ของ “พิมพ์มาดา พัฒนอลงกรณ์” ย่อมต้องสร้างความแตกต่างจากสารพัดสารพันนาคที่เคยพบเห็นกันมาแต่ก่อนเก่า
โดยเส้นหลักของเรื่อง ซึ่งถือว่าเป็นหัวใจของพล็อตที่ว่าด้วยเรื่องของ “พญานาค” ที่จะเล่นในเรื่องของศรัทธา และความเชื่อนั้น ใน “พนมนาคา” ก็ไม่ละเลยที่จะขยี้กันตั้งแต่ต้นเรื่อง ผ่านการปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัดของกุมารแพทย์หญิง อย่าง “หมอเอเชีย” (กรีน-อัษฎาพร)
จากนั้นจึงนำพาไปสู่เส้นเรื่องรอง ที่พอจะเดาทางออกได้ไม่ยาก นั่นก็คือความรักข้ามภพช้ามชาติของ “พญานาคอนันตชัย” (ตรี-กรภัทร) กับ “อนัญชลี” ในชาติภพก่อนเมื่อพันกว่าปีที่แล้ว และเวียนว่ายตายเกิดมาหลายภพชาติ จนมาในภพปัจจุบัน ก็คือ “หมอเอเชีย” นั่นเอง
“อนันตชัย” ในร่างมนุษย์ จึงตามเกาะติดชีวิตเป็นองครักษ์พิทักษ์ “หมอเอเชีย” ให้รอดพ้นจากภยันตรายทั้งปวง ด้วยความรักที่ท่วมท้น แม้ในชาติภพที่ต่างอยู่กันคนละเผ่าพันธุ์
ในเรื่อง ยังสอดแทรกปมอื่นๆ ที่เริ่มหงายไพ่ให้เห็นกันตั้งแต่ใน 2 ตอนแรก นั่นก็คือ การฟาดฟันกัน เพื่อแย่งชิงความเป็นใหญ่ และการเป็นเจ้าของหัวใจ “อนัญชลี”ระหว่างพญานาคผู้พี่ อย่าง “อนันตชัย”กับพญานาคผู้น้อง “อเนกชาติ” (เพชร โบราณินทร์)
รวมถึงการสืบค้นคดีฆาตกรรมอำพรางที่ซ้อนเข้ามาให้เรื่องราวเข้มข้นมากยิ่งขึ้นไปอีก
ตรี – กรภัทร เรื่องนี้ขายความเท่ ความขรึม สุขุม นุ่มลึก แต่แววตานั้น ฉายชัดมากว่ามีความรักในตัว “อนัญชลี” หรือ “หมอเอเชีย” แบบเต็มหัวจิตหัวใจจริงๆ อาการส่งสายตาประสานกันของพระ-นาง จึงถูกหยิบจับมาใช้งานแบบถูกจังหวะเสมอ
ในความเล่นน้อยแต่มาก ทำให้การแสดงของ ตรี ในเรื่องนี้ มีเสน่ห์ขึ้นมาก และเชื่อว่าอาการแบบนี้แหละ ที่จะทำให้สาวๆ ตกหลุมรักได้ไม่ยาก
ในขณะที่ กรีน ออร่าอาจจะยังไม่พุ่งมากใน 2 ตอนแรกที่ยังไม่เอื้อให้เธอได้แสดงฝีมืออะไรมากมายนัก
ตัวละครที่น่าสนใจไม่แพ้คู่พระ-นาง ก็คือ “ดร. ปรีดา” ที่รับบทโดย “หนุ่ม-ศรราม เทพพิทักษ์” ถ้าดูแบบผ่านๆ บทนี้ก็คืออาจารย์หมอใจดี มีคุณธรรม และตั้งใจที่จะรักษาเด็กๆ ที่ป่วยเป็นโรคประหลาด และถูกปลูกฝังความเชื่อว่าเป็นเพราะอาถรรพ์พญานาค แต่ถ้าลองจับการแสดงจริงๆ ตั้งแต่ซีนเปิดตัว อวัจนภาษาของ “ดร. ปรีดา” ผ่านการตีความของ หนุ่ม-ศรราม นั้น ทำให้มั่นใจได้ว่า ตัวละครนี้ น่าจะเป็นอีกหนึ่งปมปัญหาใหญ่ในเรื่อง ที่น่าจะถูกขยายความให้เห็นอย่างชัดๆ ทีละน้อยๆ
ต้องบอกว่าโปรดักชั่น และองค์ประกอบภาพของ “พนมนาคา” คือดีงามมาก ภาพสวย แสงสวย โลเกชั่นถ่ายทำสวย ไม่ว่าจะเป็นสถานที่จริง หรือการใช้เทคโนโลยี่สร้างสรรค์ขึ้นมาได้อย่างสมจริง ที่ชอบมาก ก็คือฉากพิพิธภัณฑ์ที่ “หมอเอเชีย” เข้าไปชมนิทรรศการ “ครุฑยุดนาค” ก่อนที่จะเดินทางไปยัง “พนมนาคา” กับฉากเมือง “นาคาลัย” ซึ่งเป็นที่ประทับของ “พญานาคอนันตชัย” อันนี้คือสวย แบบวิจิตงดงามมากจริงๆ
ที่นั่งลุ้น และรอคอยอย่างใจจดใจจ่อตลอดการชม 2 ตอนแรก ก็คือเมื่อไหร่พญานาคจะโผล่ออกมา เพราะอยากเห็นฝีมือ CG พญานาคว่าจะออกมายังไง สมกับที่โปรโมทหนักๆ มากน้อยขนาดไหน !!??? แต่เสียดาย และแอบผิดหวังเล็กน้อย ที่ใน 2 ตอนแรกมีแค่น้องงูลูกสมุนโผล่มาเป็นน้ำจิ้มๆ ให้ชมกันเป็นขวัญตาก่อน และตัวพี่เบิ้ม อย่างพญานาค 2 พี่น้อง น่าจะถูกโหมโรงในตอนต่อๆ ไป
เอาเป็นว่ารอติดตามชมกันเต็มๆ ทุกวันจันทร์-อังคาร เวลา 20.30 น. (เริ่มตอนแรก วันจันทร์ที่ 4 กันยายนนี้) ดูสด ทาง ช่องวัน 31 และแอป oneD ดูย้อนหลังทาง Netflix
