ว่ากันเฉพาะวงดนตรีที่ชื่อวง ‘เฉลียง’ สำหรับผู้เขียนเองยังไม่เคยดูคอนเสิร์ตของพวกเขาแม้แต่ครั้งเดียว ฉะนั้นการหวนกลับมารวมตัวกันเพื่อขึ้นเวทีคอนเสิร์ตซึ่งเพิ่งผ่านไปหมาดใหม่จึงเป็นโอกาสแรกที่ได้ดูการโชว์ของวงดนตรีที่โด่งดัง ครองใจแฟนคลับของเฉลียงมานานเกิน 3 ทศวรรษ
เอาเข้าจริงๆ อีกเรื่องหนึ่ง ถามตัวเองว่าตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ตัวเองเป็นแฟนคลับเพลงเฉลียง หรือวงเฉลียงหรือไม่?
ตอบว่าไม่นะครับ
แต่แม้ไม่ได้เป็นแฟนคลับเฉลียง ทว่าเพลงเกือบทุกเพลงผู้เขียนคุ้นหูทั้งสิ้น หมายความตามตรงได้ว่า เฉลียงเป็นวงดนตรีที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ที่สำคัญ มีเพลงที่เปี่ยมพลังทางดนตรีอย่างมากอีกวงหนึ่งในสาระบบวงการดนตรีไทย
มากไปกว่านั้น สมาชิกทุกผู้ทุกนาม ผู้เขียนคุ้นหน้า คุ้นชื่อราวกับว่าเป็นแฟนคลับตัวยงของวงเฉลียง
ผู้เขียนไม่มีอัลบั้มเพลงเฉลียงติดห้อง มีแผ่นซีดีการเป่าแซกโซโฟนเดี่ยวที่ภูษิต ไล้ทอง ทำออกมา
บอกกันดังๆ ว่า เปิดฟังบ่อยมาก ชอบไม่ชอบ อย่าถามให้เสียเวลา
คอนเสิร์ตเฉลียงที่ผ่านมามีโอกาสได้ดูรอบสื่อมวลชน ดังนั้นจึงได้ที่นั่งในมุมใกล้กับเวทีแสดงมากกว่าแทบทุกครั้ง ทำให้เต็มอิ่มเต็มอารมณ์พอสมควร
ความที่สมาชิกของฉลียงล้วนมี ‘ของ’ เป็นตัวของตัวเอง จึงส่งผลให้การแสดงลื่นไหล เรียกเสียงปรบมือ สลับกับเสียงหัวเราะ ฮาลั่น ฮาครืนตั้งแต่เริ่มแรกจนกระทั่งจบเพลงสุดท้าย
นอกจากเพลงเด่นๆ ดังๆ ซึ่งผู้เขียนฟังและร้องตามได้แทบทุกเพลงแล้ว คอนเสิร์ตคราวนี้ยังมีคล้ายๆ กึ่งๆ ของรูปแบบ ‘ทอล์กโชว์’ ด้วย โดยสมาชิกอาจเรียกได้ว่าครบทุกคนต่างทอล์กโชว์กันทั่วถ้วน
มีหลากหลายเรื่องราวที่หยิบจับเอามานำเสนอด้วยมุมมองขำขื่น แสบคัน มีการแกงตัวเอง และบางคนหยิกอำเพื่อน พี่น้องในวง
ที่ชื่นชอบและต้องชื่นชมมากคือการที่นำประเด็นสดใหม่ทางการเมืองบ้านเราเข้ามาสอดแทรก ไม่อิงสีไหน ไม่เว้นพรรคใดที่ร่วมสมัยล้วนโดนหมด และด้วยความที่ทุกคนของเฉลียงล้วนแหลมคมทางปัญญาด้วยแล้ว ต้องปรบมือรัวๆ ให้จริงๆ ครับ
เอาเป็นว่าถ้าจัดอีก ไม่ว่าจะนานเนิ่นอีกกี่ปี คนฟังเพลงที่ไม่ใช่แฟนคลับเฉลียงอย่างผู้เขียน ต้องไปดูสดๆ แน่นอนครับ