“แพท พาวเวอร์แพท” ทำฝันสำเร็จ ซื้อบ้านเพื่อพ่อ ถือฤกษ์ดีวันแม่ 12 ส.ค. ย้ายเข้าบ้านพาพ่อมาอยู่ด้วยกัน ลั่นพ่อ-แม่ดูแลตนมาตลอดชีวิตแล้ว จากนี้ไปขอเป็นหัวหน้าครอบครัวทำให้ท่านมีความสุข ด้านพ่อ “นิวัฒน์” เผยน้ำตาคลอ ตื้นตันจนพูดไม่ออก ภูมิใจในสิ่งที่ลูกชายทำให้
หากย้อนกลับไปในวันที่ได้รับอิสรภาพใหม่ๆ นักร้องหนุ่ม “แพท พาวเวอร์แพท” วรยศ บุญทองนุ่มเคยให้สัมภาษณ์เอาไว้ว่า แค่ได้เอาชีวิตออกมาจากตรงนั้น(เรือนจำ) ได้กลับมาอยู่กับพ่อ-แม่ กลับมาอยู่บ้านมันคือที่สุดในชีวิตแล้ว ส่วนเรื่องที่ตามมามันคือกำไร จากวันนั้นจนถึงวันนี้ก็ 2 ปีกว่า ชีวิตแพทมาไกลเกินกว่าที่เจ้าตัวฝันเอาไว้เยอะมาก ความสำเร็จที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นงาน หรือชื่อเสียง เงินทอง รวมถึงโอกาสดีๆ มากมายที่เข้ามา ทั้งหมดคือ “กำไรชีวิต”ที่แพทได้รับมันแล้วเรียบร้อยอย่างงดงาม ซึ่งทำให้แพทเห็นคุณค่าของโอกาสที่สังคมมอบให้ และจะรักษาไว้อย่างดี
แพทได้กลับมาใช้ชีวิตปกติ ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก ได้กลับมาร้องเพลงเล่นดนตรี ได้กลับมาทำงานในวงการบันเทิงอีกครั้ง ได้บวชทดแทนบุญคุณพ่อ-แม่ตามที่ตั้งใจ ได้ถ่ายทอดบทเรียนที่เคยผิดพลาดเพื่อให้แง่คิดกับสังคมเพราะไม่อยากให้ใครเลือกทางเดินผิดเหมือนตนเองในอดีต แต่ยังมีอีกหนึ่งความฝันที่แพทตั้งเป้าหมายไว้ นั่นก็คือการซื้อบ้านเพื่อให้คุณพ่อมาอยู่ด้วยเพราะอยากดูแลอย่างใกล้ชิด เนื่องจากคุณพ่อและคุณแม่แยกทางกันตั้งแต่แพทยังเด็ก ในที่สุดวันนี้เจ้าตัวก็ทำสำเร็จแล้ว ซื้อบ้านและไปรับคุณพ่อมาอยู่ด้วยกันเป็นที่เรียบร้อยโรงเรียนความสุข
มีเรื่องราวให้หัวใจพองโตขนาดนี้ เราจึงขอสัมภาษณ์แพท และคุณพ่อ “นิวัฒน์ บุญทองนุ่ม”แบบ Exclusive ถึงวันที่รอคอยที่ได้กลับมาอยู่ด้วยกันในบ้านหลังเดียวกันในรอบ 20 กว่าปี
“จริงๆ เป็นความต้้งใจตั้งนานแล้วนะครับ แต่เราก็ไม่รู้ว่ามันจะเป็นจริงไหม จะสำเร็จได้ตอนไหน ณ วันนี้อาจจะเนื่องด้วยจังหวะชีวิตหลายๆ อย่าง ก็เลยทำให้ความฝันนี้มันลงตัวในช่วงนี้ ก็เป็นความภูมิใจนะครับ แล้วก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งความสุขที่เราได้มอบให้กับคุณพ่อ แล้วก็มอบให้กับตัวเองด้วย เพราะการที่เราได้เห็นเขามีความสุข เราก็มีความสุขเช่นกัน
แล้วอีกอย่างมันก็เป็นทั้งบ้านของผมและของพ่อด้วย เรียกว่าเป็นการวางรากฐานให้กับชีวิตตัวเองด้วย แล้วก็มีที่ที่หนึ่งให้คุณพ่อได้พักผ่อนช่วงวัยเกษียณอย่างมีความสุข แล้วก็ได้เจอเราทุกวัน ได้ใช้ชีวิตร่วมกันสะดวกมากขึ้น ก็เป็นอะไรที่มีความสุขมาก คุณพ่อก็มีความสุขมากเช่นกัน ก็เรียกว่าเป็นอีกวันหนึ่งที่รอคอยเลยครับ”
ไปรับพ่อมาอยู่ที่บ้านในวันแม่ 12 สิงหาคม เพราะเป็นวันที่มีความหมาย
“วันแม่ก็เป็นฤกษ์ดี และมีแพลนกันไว้อยู่แล้วว่าเราจะพาพ่อ-แม่และคนในครอบครัวไปรับประทานอาหาร ฉลองกัน ในโอกาสวันแม่ด้วย ซึ่งก็เป็นการควบไปเลย การเข้ามาอยู่บ้านใหม่ของคุณพ่อก็เป็นอะไรที่เราพูดคุยกันในครอบครัวแล้ว ว่าวันนี้น่าจะเป็นฤกษ์ที่ดี ซึ่งจริงๆ แล้ววันนี้บ้านก็ยังไม่ได้เสร็จร้อยเปอร์เซ็นต์นะ ก็ประมาณสัก 70-80 เปอร์เซ็นต์ ก็ยังทำไปเรื่อยๆ แต่อยู่ในสภาพที่พร้อมเข้าอยู่ ในส่วนของในตัวบ้าน ส่วนรายละเอียดก็ค่อยๆ เก็บไปเรื่อยๆ ครับ
ที่เหลืออีก 30 เปอร์เซ็นต์ ก็ยังมีอีกหลายส่วนครับ ตอนนี้ก็กำลังทำเกี่ยวกับพวกการตกแต่งภายนอกอยู่ พวกเฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งบางอย่างยังต้องรอ เช่น พัดลม โซฟา ตู้อะไรต่างๆ ซึ่งบางอย่างต้องสั่งทำขึ้นใหม่เพื่อให้ตรงสเปกกับพื้นที่ที่เราใช้สอย บางอย่างต้องสั่งจากต่างประเทศ ของมันจะยังไม่ได้เลย ต้องรอครับ บางทีร้านที่เราสั่งเขาก็นำเข้ามา ก็ต้องรอรุ่นที่เราต้องการ แต่ส่วนใหญ่ก็น่าจะประมาณสิ้นเดือนนี้จะทยอยมาแล้วครับ”
วันย้ายเข้าบ้านพ่อตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ
“คุณพ่อก็ตื่นเต้นนะ ทราบว่าก่อนเดินทางมา ท่านก็นอนไม่ค่อยหลับแล้วก่อนหน้านี้เราก็ได้มีการถ่ายรูป คุยกันทางไลน์เป็นระยะ ในเรื่องของห้องต่างๆ ที่คืบหน้าไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะห้องของคุณพ่อที่ต้องมานอนด้วย เราก็ตกแต่งให้เต็มที่ เตรียมที่นอน รวมถึงของใช้ทุกอย่าง เรียกว่าไม่ต้องเอาอะไรมาเลยครับ
ผมเตรียมพระพุทธรูปไว้ให้ท่านไหว้ พรมเช็ดเท้า แม้กระทั่งรองเท้าสลิปเปอร์ คือคิดเผื่อไว้หมดเลย เก้าอี้ที่ให้คุณพ่อนั่งในสวน ก็ออกแบบแล้วก็สั่งผลิตขึ้นมาใหม่ ให้เป็นแบบที่เราชอบตอนนี้สวนก็ประมาณ 70-80 เปอร์เซ็นต์เหมือนกัน ซึ่งท่านก็ตื่นเต้นมากๆ เราก็มีความสุขที่ได้เห็นท่านมาอยู่ตามที่เราตั้งใจไว้กับบ้านหลังนี้ ตอนนี้ก็เริ่มค่อยๆ ปรับตัวแล้วครับ”
ความตั้งใจแรกที่จะซื้อบ้าน คืออยากหาบ้านที่อยู่ใกล้แม่และพี่สาวจะได้ดูแลทุกคนได้อย่างใกล้ชิด
“บ้านปัจจุบันที่อยู่ก่อนหน้านี้เป็นบ้านของพี่สาวแล้วคุณแม่ก็อาศัยอยู่ด้วย เราก็อยากจะให้คุณพ่อมาอยู่ด้วย แต่เนื่องด้วยขนาดบ้าน ถ้าเราจะมีบ้านใหม่ บ้านหลังนี้ก็ต้องใกล้กัน เดินทางสะดวก แล้วก็ดูแลทั้งคุณพ่อคุณแม่ได้อย่างไม่ได้ไกลกันมาก เพราะเราก็เป็นห่วงเรื่องอาการป่วยด้วย เพราะทั้งสองท่านก็มีโรคประจำตัวทั้งคู่
คุณแม่ก็เป็นโรคหัวใจ ซึ่งต้องได้รับการดูแล ส่วนคุณพ่อท่านก็ยังต้องไปหาหมออยู่เรื่อยๆ เกิดว่ามีเหตุอะไร เราจะได้ดูแลทันท่วงทีทั้งคู่ ผมก็ไปๆ มาๆ ยังไม่ได้นอนที่ไหนอย่างจริงจังสักที่ ต้องแบ่งกันไป ตอนนี้ก็ได้ตามที่หวังแล้ว ทำเลบ้านที่อยู่ใกล้กับคุณแม่ อยู่ใกล้กับบ้านหลักที่เราอยู่ ก็ถือว่าตรงตามที่เราตั้งใจแต่แรกครับ”
การที่ได้มาอยู่ด้วยกัน ได้เห็นหน้ากันทุกวันเป็นความสุข และเป็นความตื้นตันของทั้งแพทและพ่อ
“การที่ได้มาอยู่ด้วยกัน มันก็เป็นความสุข เป็นความตื้นตันของทั้งผมและพ่ออยู่แล้ว แล้วการที่ได้มาเห็นหน้ากันทุกวัน ได้มีโอกาสใช้ชีวิตร่วมกัน แล้วคุณพ่อก็ยังมีพื้นที่ส่วนตัวจริงๆ ที่เขาอยากจะพักผ่อน อยากจะรีแลกซ์ในสไตล์ของเขา ที่เขาสามารถที่จะทำได้อย่างอิสระเต็มที่ ในพื้นที่ที่เรามอบให้คุณพ่อ แล้วก็ในเรื่องของการตกแต่ง หรือว่าอะไรต่างๆ ที่เราเตรียมไว้ให้คุณพ่อ เช่นทีวี เพราะท่านชอบดูหนัง ดูทีวี เราก็เตรียมไว้ให้ อาจจะตื่นเต้นเพราะทีวีเครื่องใหม่ด้วยหรือเปล่าไม่รู้ ซึ่งผมก็ซื้อไว้ให้ทั้งข้างบนข้างล่างเลย
เราก็เพียรพยายามมา ลงทั้งแรง ทั้งสมอง ทั้งเงิน เรียกว่าทุกกำลังที่เรามี เพียรสร้างมาร่วมกัน ทั้งตัวผมเองและครอบครัวที่ร่วมสร้างบ้านหลังนี้ขึ้นมา ตกแต่งเตรียมพร้อมให้คุณพ่อเข้ามาอยู่ แล้วในอนาคตที่นี่ก็จะเป็นที่ทำงานของผมด้วย ก็เรียกว่าภาพฝันก็เติมเต็มสมจริงขึ้นเรื่อยๆจนคุณพ่อมา ก็เป็นภาพที่ชัดเป็นจริงมากขึ้น ก็มีความสุขมากๆ คุณพ่อก็มีโอกาสได้เห็นหน้าเราทุกวัน ก็เรียกว่าเป็นความสุขของคนเป็นพ่อที่สุดแล้ว”
พร้อมเล่าโมเมนต์วันที่พ่อย้ายมาอยู่ที่บ้านวันแรก ขอให้พ่อใช้ชีวิตที่เหลือให้มีความสุขที่สุด
“คุณพ่อบอกว่ามีความสุขจังเลย ขอบคุณมากนะ สำหรับทุกอย่างที่เตรียมไว้ให้ ซึ่งจริงๆ แล้วมันก็เป็นสิ่งที่เราตั้งใจอยู่แล้ว คุณพ่อก็ไม่จำเป็นต้องขอบคุณเรา เราก็ทำตามสิ่งที่เราต้องการ ทำตามหน้าที่ลูก ที่อยากจะให้คุณพ่อสุขสบาย ก็พยายามทำให้เต็มที่ทุกอย่างครับ
ผมก็ได้บอกคุณพ่อว่าไม่เป็นไรครับ ใช้ชีวิตที่เหลือให้มีความสุขที่สุดนะครับ ส่วนคุณแม่ก็ยินดีครับ ก็มาช่วยดูแลบ้างในบางส่วน อย่างเรื่องอาหารการกินที่เขาถนัดมากกว่า ครอบครัวเราก็มีความสุขกันทุกคนครับ พร้อมหน้าพร้อมตา”
ใส่ใจทุกรายละเอียด รู้ว่าพ่อชื่นชอบศิลปิน “เอริก แคลปตัน” แพทก็นำภาพที่ตนเองวาดไปใส่กรอบมามอบเป็นของขวัญต้อนรับพ่อเข้าบ้าน แถมเขียนโน้ตซึ้งๆ ให้พ่อด้วย
“อันนั้นเป็นรูปภาพดรออิ้ง หรือภาพสเก็ตด้วยดินสอ ก็เป็นศิลปินที่คุณพ่อชอบ คือ เอริก แคลปตัน (Eric Clapton) มือกีตาร์และนักร้องที่ท่านชื่นชอบมาก เรียกว่าฟังแทบทุกวัน ผมก็ชื่นชอบเช่นเดียวกัน ตอนที่อยู่ข้างใน มีโอกาสได้สเก็ตแล้วก็วาดภาพของ เอริก แคลปตัน ไว้อยู่ 2-3 ภาพ แล้วภาพนั้นผมคิดว่าน่าจะเหมาะกับห้องของคุณพ่อ เราก็เอาไปใส่กรอบเพื่อตั้งใจจะมอบเป็นของขวัญในการเข้ามาอยู่บ้านของพ่อครับ ในโน้ตก็เขียนว่า ขอมอบภาพนี้ให้เป็นของขวัญ ในการต้อนรับการเข้ามาอยู่ในบ้านใหม่ของคุณพ่อ ท่านก็ชอบมาก เดี๋ยวเราก็จะเอามาติดที่หัวนอนของคุณพ่อด้วยครับ”
นอนคืนแรกพ่อตื่นสายมาก ทั้งที่ปกติจะตื่นตี 3 ครึ่งทุกวัน
“ใช่ๆ คืนแรกผมก็นอนเป็นเพื่อนคุณพ่อ แต่นอนอีกห้องหนึ่งนะครับ ผมก็ตื่นสายเหมือนกัน เพราะเป็นบ้านที่นอนสบายมากๆ แต่นอนบ่อยก็คงไม่ดีนะครบ เดี๋ยวจะไม่มีเวลาทำงานอย่างอื่น จะตื่นสายซะก่อน (หัวเราะ)”
ตอนนี้เป็นหัวหน้าครอบครัวเต็มตัว ชีวิตเริ่มลงตัวมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็มาพร้อมภาระหน้าที่ความรับผิดชอบ
“ใช่ แต่มันก็ตามมาด้วยหน้าที่ และภาระความรับผิดชอบ ที่มันเต็มตัวเต็มกำลังมากขึ้น มันก็ควบคู่กันไป ก็เป็นเรื่องปกติครับ เราก็ต้องสู้ ต้องทำหน้าที่หัวหน้าครอบครัวให้เต็มกำลัง”
เมื่อถามว่า ภาพที่รอคอยที่จะอยู่ด้วยกันเหมือนภาพในฝันที่เคยคิดไว้ไหม แพทก็ตอบว่า...
“ผมว่ามันน่าจะดีกว่าด้วยนะ เพราะว่าเราค่อยๆ ประดิษฐ์ประดอย ประกอบร่างมันขึ้นมาทีละนิดๆ อันไหนยังไม่เข้าที่เราก็ปรับ แล้วก็พยายามช่วยกันทำให้มันดีขึ้นเรื่อยๆ ผมว่าภาพ ณ วันนี้มันอาจจะยังไม่ได้เหมือนความฝันร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ผมว่ากว่า 70 เปอร์เซ็นต์มันก็ใกล้เคียง และผมเชื่อว่าปลายทางมันจะดีกว่าที่เราฝันแน่นอน เดี๋ยวต้องใช้เวลาอีกสักนิดหนึ่งครับ”
เคยตั้งใจเอาไว้ว่าออกมาแล้วจะดูแลครอบครัว พอทำได้จริงๆ เหมือนได้ปลดล็อกตัวเอง
“ผมว่ามันเป็นจังหวะชีวิตมากกว่า ไอ้ความอยากทำมันก็ส่วนหนึ่ง แต่ถ้าโอกาสมันไม่มา ไม่มีกำลังพอที่จะทำได้ มันก็ยังทำไม่ได้ มันก็มีหลายอย่างประกอบกัน แค่ความฝันความอยากอย่างเดียวมันทำไม่ได้ ก็ถือว่าเราโชคดีที่มีโอกาสตรงนี้ครับ จังหวะชีวิตมันดำเนินพามาถึง ณ วันนี้พอดี ซึ่งสมกับความที่เราตั้งใจไว้แต่แรกอยู่แล้วครับ ก็เรียกว่ามันเหมาะเจาะกันในช่วงนี้พอดี คิดว่าตัวเองโชคดีมากกว่าครับ
จริงๆ แล้วผมก็พยายามจะทำให้ได้ในทุกๆ อย่างที่พูด ส่วนใหญ่ๆ ก็ทำได้เยอะแล้ว จริงๆ มันมีองค์ประกอบเยอะมาก มันมีรายละเอียด มีปัจจัยร่วม ที่มันจะทำให้เกิดสิ่งเหล่านี้เยอะมากๆ ก็อย่างที่บอก แค่ลำพังตัวเรามันไม่เพียงพอ มันมีปัจจัยร่วมอื่นด้วย ครอบครัว คนรอบข้างที่คอยผลักดันสนับสนุน แฟนคลับ ผู้หลักผู้ใหญ่ แล้วก็โอกาส จังหวะต่างๆ มันผสมกันมา แล้วมันก็ลงตัวพอดี บางเรื่องก็ยังต้องทำต่อไปเรื่อยๆ”
สิ่งที่แพทพูดมาตลอดตั้งแต่ยังไม่ได้รับอิสรภาพคือกลัวออกมาไม่ทันได้ดูแลพ่อ-แม่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ติดอยู่ในใจเจ้าตัวมาตลอด แต่แล้วก็มีเหตุการณ์นึงที่ทำเอาคนที่อยู่ในงานและดูผ่าน Live ตกใจ เมื่อแพทไปเป็นวิทยากรงานหนึ่ง แล้วอยู่ดีๆ ก็ร้องไห้ออกมาบนเวที ซึ่งเป็นครั้งแรกที่แพทร้องไห้ในงานบรรยาย เหมือนมีอะไรในใจเป็นหมื่นล้านคำ
“จริงๆ มันไม่ได้มีอะไรมากเลย แค่ว่าปกติตามงานต่างๆ เวลาเราไปบรรยาย ไปพูดเรื่องชีวิตตัวเอง พิธีกรจะถามเป็นข้อๆ เราก็เล่าเป็นหัวข้อ เป็นประเด็น แต่วันนั้นพอเราเล่ายาว อาจจะเล่าฟังเพลินหรือเปล่าไม่รู้ ทางพิธีกรร่วมเขาก็ไม่ได้ถามอะไร ทำให้เราเล่าแบบต่อเนื่องยาว แล้วมันเหมือนหนังที่ไม่มีโฆษณาคั่น
แล้วภาพมันก็ค่อยๆ เข้ามาในหัวของเราเวลาเราเล่า แล้วคนเป็นร้อยที่ฟังอยู่ ก็เข้าไปในเรื่องราวนั้นกับเราด้วย ทำให้ภาพมันชัดขึ้น แล้วมันก็เห็นภาพตอนที่เราอยู่ข้างในนั้น แล้วก็เห็นภาพคุณพ่อคุณแม่มาเยี่ยม แล้วก็แก่ลงทุกวัน แล้วก็ความไม่แน่ใจในตัวเอง ว่าเราจะออกไปทันใช้ชีวิตกับท่าน ณ วันไหน จะทันได้กอดกันไหม เพราะท่านก็มีโรคประจำตัว และมีบางช่วงที่ท่านป่วยหนัก ภาพนั้นมันก็ย้อนกลับมาทำให้เรารู้สึก แล้วก็ร้องไห้ขึ้นมาแค่นั้นเองครับ”
เป็นครั้งแรกที่เห็นแพทร้องไห้แบบนั้น คนที่เห็นวันนั้นตกใจกันหมด?
“ตัวเองก็ตกใจเหมือนกันว่าอินขนาดนี้เลยเหรอ ก็มาทราบภายหลังว่าคุณพ่อได้ดูด้วย หลายคนก็ได้ดูครับ แต่คุณพ่อก็ไม่ได้พูดอะไรกับผมนะ แต่กับคนอื่นไม่ทราบเหมือนกัน คือเรื่องราวมันก็ผ่านมาแล้ว แล้วมันก็ไม่ได้เกิดสิ่งที่เรากลัว มันก็ทำให้เราคิดได้ แล้วก็เป็นข้อคิดให้กับคนที่ฟังได้ว่าบางสิ่งบางอย่าง คนเราก็มักจะจินตนาการกันไปเอง กลัวกันไปก่อน แล้วก็เป็นทุกข์ ทั้งที่จริงๆ มันอาจจะไม่ได้เกิดขึ้นเลยก็ได้”
ชีวิตเจอเรื่องหนักมาเยอะ เมื่อถามว่ายังมีสิ่งที่ยากในชีวิตอยู่ไหม แพทบอกว่าตอนนี้ยากขึ้นเพราะไม่ได้ตัวคนเดียวแล้ว
“มันจะยากขึ้นคือตอนนี้เราไม่ได้ตัวคนเดียว ณ วันก่อนที่เราอยู่ข้างใน หรือช่วงวัยรุ่น ที่เราผ่านเรื่องแย่ๆ อะไรต่างๆ มันเข็มแข็ง มันสู้ได้ มันก็เป็นเรื่องราวของเราตัวคนเดียว แต่ ณ วันนี้มันไม่ใช่แค่เราคนเดียว มันจะหนักกว่า มันจะเป็นอะไรที่เราต้องดูแลชีวิตคนอื่นๆ ด้วย ฉะนั้นมันจะเป็นอีกเลเวลหนึ่ง มันก็จะยากขึ้นครับ (ตอนนี้ภูมิใจในตัวเองไหม?) ก็ภูมิใจครับ เราก็ทำหน้าที่ของเราแบบนี้ไปเรื่อยๆ ยึดมั่นในความดีต่อไป ทำหน้าที่ให้มันดีที่สุด”
ขอบคุณทุกคนที่ทำให้ชีวิตมีวันนี้ได้
“ขอบคุณทุกคนเลยครับ ขอบคุณครอบครัวด้วยที่ประคับประคองมาจนถึงวันนี้ ที่ให้ความรัก ความอบอุ่นกับเรา ขอบคุณแฟนคลับทุกคนที่คอยซัพพอร์ตตลอดเลย ให้กำลังใจ แล้วก็คอยอยู่เคียงข้าง ขอบคุณผู้หลักผู้ใหญ่ทุกท่านที่ให้โอกาสผม แล้วก็พี่ๆ น้องๆ ในวงการด้วย ทีมงานที่เล่นดนตรีไปทัวร์ด้วยกันทุกวันนี้ ทีมงานบริษัทมาดูมาฟังด้วย(บริษัทของแพท) เรียกว่าทุกคนเลยที่อยู่แวดล้อมตัวผม ทุกคนมีส่วนทำให้ผมมีวันนี้เช่นกัน ขอบคุณครับ”
หลังจากฟังเรื่องราวของแพทแล้ว เชื่อว่าหลายคนที่อ่านมาถึงตรงนี้คงรู้สึกชื่นชมไม่น้อย ที่แพทสามารถกอบกู้ชีวิตของตัวเองกลับมาได้อย่างมีคุณภาพ และใช้ทุกวันอย่างมีสติ ตั้งมั่นในความดีอย่างมั่นคง ทีนี้ถึงคราวคุณพ่อ “นิวัฒน์ บุญทองนุ่ม”คุณพ่อของแพท เผยความรู้สึกถึงลูกชายสุดที่รักบ้าง งานนี้มีน้ำตา
“พ่อรู้สึกมีความสุขมากเลย ที่แพทได้ทำความฝันของเขา ออกมายังไม่ทันครบ 3 ปีเลย แค่ 2 ปีกว่าๆ เอง ก็ทำสิ่งนี้ได้สำเร็จอีกอย่างหนึ่ง พ่อเข้ามาอยู่บ้านวันที่ 12 สิงหาคม ที่ผ่านมา แพทเตรียมของไว้ให้พ่อทุกอย่าง โดยที่พ่อไม่ได้ร้องขอเลย ก็มีความสุขมาก”
วินาทีที่ก้าวเท้าเข้าบ้านลูกชาย พ่อถึงกับน้ำตาคลอ ตื้นตันใจ พูดไม่ออก
“มันอิ่มเอม ตื้นตันใจที่ลูกทำให้ แพทเขาก็พาชมบ้านที่เขาสร้างไว้ให้ ชมห้องโน้นห้องนี้ ห้องพ่อเขาก็ปูที่นอนเอาไว้ให้ จัดแจงทุกสิ่งทุกอย่างเอาไว้ให้ ในห้องน้ำก็เตรียมอุปกรณ์ไว้ให้ครบทุกอย่าง ดีมาก พูดไม่ออก แล้วก็ได้กอดเขา ได้ขอบใจเขา บอกเขาว่าพ่อขอบใจนะที่แพททำให้ เตรียมไว้ให้ทุกสิ่งทุกอย่าง ทำให้พ่อทุกอย่างเลย
เขาก็บอกว่าผมยินดีทำครับ แล้วก็มีความสุขที่ได้ทำ แล้วก็มีความสุขที่พ่อมาอยู่กับแพทที่บ้าน พ่อก็น้ำตาคลอเหมือนกัน พ่อก็ไม่รู้จะพูดยังไง แต่เขาก็คงจะน้ำตาคลอด้วยนั่นแหละ เขาเห็นพ่อดีใจ เขาก็มีความสุข ก็ภูมิใจกับเขามาก ที่เขาทำตามความฝันของเขาได้ทุกอย่างที่เขาบอกมา ในเวลาที่ไม่ยาวไกลนัก”
ก่อนย้ายเข้าบ้าน พ่อนอนไม่หลับเลย
“ตื่นเต้น นอนไม่หลับ 3-4 คืน ก่อนจะย้ายมาเขาก็ส่งมาบอกเป็นระยะๆ ว่าทำอะไรให้พ่อไว้บ้าง พอพ่อมาดูก็เกินคาดจริงๆ เขาปูที่นอนให้พ่อ จัดห้องนอนให้พ่อ มันก็สุดแสนที่จะตื้นตันใจ ลูกทำสิ่งดีๆ ให้เรา”
วันที่รอคอยเกิดขึ้นจริงๆ แล้ว จึงอดถามพ่อไม่ได้ว่า เหมือนภาพที่คิดไว้หรือมากกว่าที่คิดไว้ ซึ่งพ่อบอกว่า...
“พ่อไม่ได้คิดอะไร ไม่ได้หวังอะไรไว้เลย วันที่เขาออกมา ก็หวังเพียงแต่ว่าอยากให้เขามีความสุข แล้วก็มีอนาคตที่ดี รุ่งเรือง เจริญยิ่งๆ ขึ้นไป ไม่ได้หวังสิ่งใดนอกเหนือจากนี้จริงๆ ไม่ได้หวังกับสิ่งที่เขาได้รับมาในปัจจุบันเลย แต่เมื่อมาถึงจุดนี้ มันก็มีความสุขไปอีกระดับหนึ่ง เขาเป็นคนที่กตัญญูกตเวทีกับพ่อกับแม่ บุคคลที่มีความกตัญญูไม่มีทางอับจน เป็นอย่างนั้นทุกคน”
คืนแรกที่มานอนบ้านลูกชาย พ่อตื่นสายทั้งที่ปกติตื่นตี 3 ครึ่งทุกวัน
“ใช่ วันนั้นพ่อตื่นตีห้า (หัวเราะ) หลับแบบมีความสุข คงเพราะแพทเขาให้กิน Good9 ด้วยล่ะมั้ง ตี 5 นี่ก็สายของพ่อแล้วแหละ กินเสร็จมันก็หลับยาวเลย ไม่ตื่นกลางดึก ก็เป็นคืนแรกที่จะอยู่ในความทรงจำ แล้วก็ได้นอนกับแพทในบ้านเดียวกันด้วย”
กิจวัตรประจำวันตอนอยู่กับแพทที่บ้านคือรดน้ำต้นไม้
“บ้านยังไม่สมบูรณ์แบบ แพทเขาก็ปูสนามหญ้าเอาไว้ ทำสวนไว้ให้พ่อพักผ่อน นั่งเล่น ซึ่งปูสนามหญ้าเสร็จ เขาก็วางโต๊ะที่สนาม มันหนักมาก เห็นลูกก็สงสาร ทำโน่นทำนี่ แพทเป็นคนไม่หยุดนิ่ง หาอะไรทำตลอด แต่ตอนนี้พ่อมีหน้าที่แล้ว คือรดน้ำต้นไม้ รดน้ำสนามหญ้า (หัวเราะ) เขาให้ทำแค่นี้ แต่พ่อก็หาโน่นหานี่ทำ วันนี้ก็เริ่มกวาดบ้าน เช็ดถูเฟอร์นิเจอร์ไปเรื่อยๆ ไม่ได้หักโหมอะไร วันแรกๆ พ่ออยู่บ้าน พ่อไม่มีอะไรทำเลย ดูเหมือนคนไม่มีประโยชน์เลย แพทกับพี่สาวก็บอกว่า งั้นพ่อรดน้ำสนามหญ้าไปก่อนก็ได้”
มีอยู่งานหนึ่งที่แพทไปเป็นวิทยากร แล้วร้องไห้บนเวที บอกว่าเป็นความกลัวในใจ กลัวจะออกมาไม่ทันได้ดูแลพ่อและแม่ ซึ่งเรื่องนี้ทำให้พ่อรู้สึกใจหายที่เห็นลูกชายร้องไห้
“พ่อได้ดูไลฟ์สดงานนั้น เขาก็ร้องไห้ออกสื่อ พ่อก็ตกใจว่าเขาร้องไห้ทำไมเพราะมันผ่านมาแล้ว เก็บเอามาร้องไห้ทำไม พ่อก็ยังสงสัย แต่ว่าเขาก็บอกว่าพูดแล้วภาพมันก็ย้อนกลับมา ความรู้สึกเดิมมันก็ย้อนกลับมา
เห็นเขาร้องพ่อก็ใจหายนะ ประสบการณ์นั้นมันผ่านมาแล้ว ไม่ควรที่จะเก็บเอามาให้เราเศร้าเสียใจ ในระหว่างทางเกือบ 17 ปี เราฟันฝ่าอะไรมาด้วยกันตลอด ไม่เคยห่างกันเลย แพทก็คงจะมีความรู้สึกเหมือนที่เขาบอก ที่เขาให้สัมภาษณ์บ่อยๆ ว่าเขามีความผูกพันกับพ่อกับแม่ กับครอบครัวยังไง มันก็เป็นอีกความรู้สึกหนึ่ง ถ้านึกย้อนหลัง มันก็คงจะเป็นโมเมนต์วันนั้นล่ะมั้งที่แพทนึกถึง”
แม้พ่อจะใจหายที่เห็นแพทร้องไห้ แต่พ่อบอกว่าไม่ได้ปลอบอะไรเพราะเข้าใจลูกชายเป็นอย่างดี ตั้งแต่แพทออกมา มีสิ่งเดียวที่พ่อเตือนก็คือ อย่าหลงงมงายกับลาภยศสรรเสริญที่เข้ามา
“ไม่ได้คุย เพราะพ่อเข้าใจเขาไง ปกติแล้วพ่อจะไม่ค่อยได้คุยอะไรกับแพทมากมายหรอก นอกจากเรื่องหนักๆ ถึงจะคุยกัน หรือว่าเตือนเขาเป็นบางครั้งบางคราว แต่พ่อก็ไม่ได้เตือนเขาบ่อย ปล่อยให้เขาใช้ชีวิตอิสระของเขา ในระหว่างทางมาจนถึงทุกวันนี้ เขาก็เป็นคนดีมาตลอด ตามที่เขาได้ให้สัตย์ปฏิญาณเอาไว้ตั้งแต่วันแรกที่เขาออกมา
มีเตือนอยู่ครั้งเดียว ตอนที่เขาออกมาได้สักอาทิตย์หนึ่งแหละมั้ง ว่าแพทอย่าไปหลงงมงายกับลาภยศสรรเสริญที่เข้ามานะ เขาก็ครับๆ ผมรู้ครับ แค่นั้นแหละ ก็เป็นเรื่องเดียวที่เตือนตั้งแต่ออกมาเลย ส่วนเรื่องต่างๆ พ่อก็ไม่เคยเตือนแพท เพราะรู้ว่าเขาทำอะไรตั้งอยู่บนพื้นฐานความถูกต้องตลอด พูดไปก็จะหาว่าเยินยอลูกตัวเองอีกแต่ความจริงมันก็เป็นแบบนั้น ตั้งแต่ที่พ่อเตือนเขาครั้งนั้น พ่อก็ไม่เคยเตือนเขาอีกเลย เพราะพ่อมั่นใจว่าเขาไม่ได้ยึดติดกับสิ่งเหล่านี้ เพราะพวกนี้มีมาก็มีไป”
แพทบอกว่าชีวิตที่เหลือของพ่อ อยากให้พ่อมีความสุขในทุกๆ วัน น่าจะเป็นช่วงเวลาที่มีคุณค่าและมีความหมายทั้งกับพ่อและแพทใช่ไหม?
“ใช่ มันมีความหมายไปหมด เพราะตื่นเช้ามาเราก็ได้เจอหน้ากัน ได้พูดคุยกัน ทำกิจกรรมร่วมกัน แค่นี้มันก็มีความสุขแล้ว คือแพทกลับมาได้ขนาดนี้ พ่อว่านะ คนทั่วประเทศที่รู้จักแพทเนี่ย ก็คงจะรู้แหละว่าแพทเป็นคนยังไง แพทไม่ได้เป็นคนที่เลวร้ายโดยสันดาน แพทไม่เคยที่จะหลงในลาภยศสรรเสริญ เขาทำในสิ่งที่เขารัก แล้วก็ถูกกฎหมาย ถูกจรรยาบรรณ พ่อว่าแค่นี้ผลตอบแทนมันก็จะมาเอง แต่เราอย่าไปคาดหวัง เพราะถ้าเรายิ่งคาดหวัง มันไม่ได้มาง่ายๆ หรอก ทำปัจจุบันให้มันดี อนาคตมันก็ดีเอง
ใช้ชีวิตแบบมีสติ มันก็จะดีไปหมดทุกอย่าง ไม่ไปทำร้ายใคร ไม่ไปพูดจาทำร้ายใคร หรือไปแสดงกิริยาไม่ดีกับใคร อยู่ในศีลในธรรม รักษาศีล 5 ไว้แบบปัจจุบันนี้ พ่อว่าดีที่สุดนะ ความดีมันจะปกป้องเราเอง ถึงแม้ว่ามีภัยเข้ามา มันก็จะหมดไปเอง มันก็คัดกรองสิ่งที่ไม่ดีออกจากตัวเราไปได้ พ่อเชื่อในสิ่งนี้ พ่อไม่ได้ห่วงอะไรแพทอีกแล้ว นอกจากสุขภาพเขา แต่มันก็เป็นเรื่องปกติของมนุษย์ทุกคนนั่นแหละ เกิด แก่ เจ็บ ตาย การพลัดพรากจากกัน มันก็เป็นแบบนั้นทุกคน ถ้าเราเข้าใจในจุดนี้ มันก็ไม่มีอะไรทำให้เราทุกข์ได้”
ไม่ได้มองอนาคตไว้มากมาย หัวอกคนเป็นพ่อแค่ทุกวันนี้ได้อยู่กับแพท ได้เห็นหน้ากันทุกวันก็มีความสุขแล้ว
“ก็ไม่ได้มองอนาคตอะไรมากมาย แพทเขาก็ทำงานในสิ่งที่เขารัก แล้วก็ทำไปเรื่อยๆ พ่อเชื่อว่าถ้าปัจจุบันเราทำดี อนาคตมันก็ต้องดีแน่นอนอยู่แล้ว ไม่ต้องกังวลเลย แต่ก็ไม่เคยไปคาดหวังอะไรที่มันหวือหวา เพียงแต่รักษาความดีของเราไว้ก็พอแล้ว แต่แพทเขาเป็นคนไม่หยุดนิ่ง หาอะไรทำไปเรื่อย
ตอนนี้ก็ได้อยู่กับลูก ได้ดูแลซึ่งกันและกัน แล้วก็ได้เห็นหน้ากันทุกวันก็คือความสุขแล้ว ก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก ทำปัจจุบันให้มันมีความสุข อนาคตมันก็จะมีความสุขเอง”