“วิกกี้ สุนิสา” เผยทุกวันนี้เวลาไปไหนด้วยกันคนจะเรียกแต่ “พ่อเกรซ” ไม่เรียก “ชาย” แล้ว สามีแฮปปี้มากนั่งตอบดีเอ็มเป็นร้อย มีแฟนคลับทุกเพศทุกวัยเพิ่มขึ้น เผยมีคำตอบให้ตัวเอง หากวันหนึ่งสามีกลายเป็นพ่อเกรซ มีเส้นบางๆ ที่คล้ายกัน
เรียกว่าเป็นอีกบทบาทหนึ่งที่นักแสดงมากความสามารถอย่าง “ชาย ชาตโยดม หิรัญยัติฐิติ” แสดงออกมาได้โดนใจคนดูสุดๆ กับบท “พ่อเกรซ” ในละครเรื่อง มาตาลดา ซึ่งในส่วนของภรรยาอย่างสาว “วิกกี้ สุนิสา เจทท์” เผยว่าดีใจที่เห็นความสำเร็จของสามีขนาดนี้ เวลาไปไหนมีคนมาทักเพิ่มขึ้นเยอะมาก สามีเองก็ดูจะแฮปปี้สุดๆ
“การแสดงต้องเกิน 10 อยู่แล้วค่ะ (หัวเราะ) คือกระแสดีมาก ช่วงที่ละครออนแอร์จนถึงละครจบ พี่ชายจะมีแฟนคลับ DM มาหาเขาเยอะมาก ส่วนมากจะ DM มาขอบคุณ ขอบคุณสิ่งดีๆ ที่ละครเรื่องนี้มอบให้ แล้วมีอยู่วันหนึ่งที่กี้พาเขาไปเที่ยวกระบี่ คือไปกับครอบครัวนี่แหละค่ะ ก็เห็นเขานั่งอยู่ตรงโซฟาในห้อง ไม่มาอยู่กับกี้กับลูก ก็ถามว่าที่รักทำอะไร ปกติพี่ชายจะไม่ใช่คนที่นั่งเล่นโซเชียลขนาดนั้น แล้วเขาก็นั่งกดๆ บอกว่าที่รักเขามี DM ร้อยกว่าอันต้องตอบ ตอบมา 2 วันแล้วยังไม่หมดเลย แต่เขาอยากตอบทุกอัน
คือที่เขาอยากตอบ เพราะมันล้วนเป็นคำขอบคุณ ที่เหมือนแมสแสจของละคร มันเอฟเฟกต์ชีวิตเขาไม่มากก็น้อย บางคนรู้สึกว่าทำให้เขามีข้อคิดใหม่ ทำให้เขามีกำลังใจ หรือว่าช่วยแก้ปัญหาบางอย่างในชีวิตเขา คือมันเป็นเรื่องค่อนข้างเซนซิทีฟและเป็นเรื่องดีฟ เขาเลยอยากใช้เวลาที่จะตอบทุกคนจริงๆ ถามว่ามีทักมาถามอะไรแปลกๆ ไหม จริงๆ ไม่มีเลยนะคะ เขาไม่ได้เล่า กี้ว่าน่าจะไม่มี ส่วนมากเหมือนมันจะมีอิมแพคไม่มากก็น้อย ต่อจิตใจของคนๆ นั้น”
ดีใจแฟนคลับเพิ่มมากขึ้น ไปไหนมีแต่คนขอถ่ายรูปกับพ่อเกรซ
“ตอนนี้เวลาไปไหนคนเข้ามาทักตลอดเวลาค่ะ ตอนนี้คือพ่อเกรซตลอดเวลา บางทีเดินจูงลูกอยู่ อ้าว พี่ชายหายไปไหน ถ่ายรูปอยู่ คือพี่ชายเขาก็เป็นตัวเขาอยู่แล้ว ใครอยากถ่ายรูปกับเขา เขาก็ไนซ์ เขาก็แฮปปี้ค่ะ เขารู้สึกหายเหนื่อย คือนอกจากที่เขาได้รับแฟนคลับเพิ่มในช่วงนี้ของอาชีพเขา แต่เขาดีใจที่เขาได้ทำอะไรที่มันมีความหมายจริงๆ แล้วกี้ว่าน่าจะเป็นบทหนึ่ง ที่เขารู้สึกว่าสุดมาก สำหรับอาชีพนักแสดงเขา
เขาไม่มีอินกลับไปบ้าน จริงๆ แล้วกี้เคยบอกไปว่าพ่อเกรซกับพี่ชายนี่เส้นบางๆ นะ (หัวเราะ) คือมีอะไรคล้ายหลายอย่างมาก เรื่องความอบอุ่น ความเป็นคุณพ่อ ความเป็นแฟมิลี่แมน และเรื่องจริตต่างๆ ความเซนซิทีฟ ความอ่อนไหวของเขา มันก็มีอยู่แล้วค่ะ เวลามีคนมาเจอเขาแล้วคุยกับเขา เขาก็มาเล่าให้ฟังว่าส่วนมากไปเดินที่ไหน คนก็จะพูดถึงแมสเสจของละคร ที่มันให้ความรู้ ให้คำสอน ให้ข้อคิดที่ทำให้คนเอาไปใช้ได้ในชีวิตจริงค่ะ บางทีอาจจะเป็นการแก้ปัญหาให้ใครบางคน โดยที่เราไม่รู้ตัว”
บอกลูกชายคนโตขอให้พ่อไปล้างหน้าทุกครั้งเวลากลับบ้านแล้วหน้าเต็ม
“เชื่อไหมว่าไม่ เพราะกี้อินกับละครเรื่องนี้มาก แล้วเป็นละครอันหนึ่งของพี่ชายเลยแหละ เพราะพี่ชายเล่นหลายเรื่อง ก็ยอมรับว่าทุกเรื่องของเขากี้ไม่ได้ดูจนจบทุกเรื่อง แต่เรื่องนี้คือดูต้นจนจบ เพราะว่าเราติดจริงๆ ก็ไม่ได้รู้สึกนะคะ เพราะกี้อาจจะอินไปกับเรื่องราว เลยไม่ได้รู้สึกว่าเป็นพี่ชาย แต่เวลาเขากลับบ้านมา บางทีเขาแค่ติดเครื่องสำอาง ติดเล็บ ติดคอนแทค ลูกก็จะแบบ…พ่อไปล้างหน้าก่อนได้ไหม (หัวเราะ) คือลูกคนโตเขาค่อนข้างรู้เรื่องแล้ว บางทีแต่งเป็นแดร็กมา แล้วไม่ได้ถอดคอนแทคสีฟ้า พอเขากลับมาบ้านเหมือนวิกถอดแล้ว แต่หน้าเขายังเหมือนเดิม ลูกก็เลยบอกว่าพ่อล้างหน้าก่อนได้ไหม แต่คนเล็กเขาค่อนข้างเอ็นจอย เขาก็จะหัวเราะอะไรไป ไม่รู้เขาคิดอะไร แต่เขาไม่ได้กลัวค่ะ แต่คนโตเขาแค่อยากให้พ่อไปล้างหน้าก่อน
คือเขาเข้าใจนะคะ เพราะว่าเรานั่งดูด้วยกัน แล้วทุกครั้งที่พ่อไปเล่นตัวโน้นตัวนี้ ถึงแม้ว่าบางเรื่องเขาจะเล่นเป็นตัวร้าย กี้ก็บอกเขาว่านี่คือการแสดง นี่คืออาชีพของพ่อ นี่คือพ่อไปเหนื่อย ออกไปทำงานทุกวันเพื่อลูกๆ เพื่อเรา ก็พูดให้เขาเข้าใจ จริงๆ คนโตเข้าใจมากแล้วนะคะ ไม่สับสนค่ะ แต่กี้ว่าคนเล็ก 2 ขวบ เขาแค่รู้ว่าพ่ออยู่ในทีวี แล้วอะไรที่เป็นเพลงของพ่อ หรือเป็นละครพ่อ เขาก็จะอยากดูแค่น้้นเอง”
บอกถ้าวันนึงกลายเป็น “พ่อเกรซ” จริงๆ ตนก็ยอมเป็นเพื่อนกันได้
“คือไม่ใช่แค่เข้าใจผิดค่ะ รอบตัวกี้ทุกคนถามหมด ว่าเขาจะเป็นจริงไหม เคยคิดไหม แล้วถ้าวันหนึ่งเขาเป็นจริงๆ กี้ก็แบบ… คนถามเยอะมาก แม้กระทั่งเพื่อนตัวเองด้วยนะคะ เป็นเพื่อนกับพี่ชายมา เขายังแบบเคยคิดไหม ว่าถ้าเป็นจริงๆ จะเป็นยังไง กี้เลยรู้สึกว่าเราคงต้องมีคำตอบแล้ว กี้ก็เลยบอกเขาว่า ก็คงจะต้องเป็นเพื่อนกัน (หัวเราะ) เพราะเรามีลูกด้วยกัน เราก็ต้องเป็นเพื่อนกัน ก็อาจเหมือนแม่ของมาตาฯ เราก็ชื่อสุนิสาเหมือนกันนะ (หัวเราะ) แต่เราคือ วิกกี้ สุนิสา ไม่ใช่ อ้อม สุนิสา
กี้ก็บอกเขาว่ากี้ตอบไปอย่างนี้นะ เขาก็ขำ คือไม่มีอะไรปิดอยู่แล้วค่ะ บางทีกี้ก็บอกว่ากี้รู้ ว่ามันเป็นเส้นบางๆ นะ ระหว่างที่รักกับพ่อเกรซ เขาก็บอกเขารู้ แต่เขาไม่ได้อะไร เขาก็หัวเราะไป เราก็รู้อยู่แล้วว่าเขาเป็นตัวเขาอย่างนี้ ซึ่งถ้าในชีวิตประจำวันเขาจะเป็นพ่อเกรซเลี้ยงลูกก็ได้เลยค่ะ วันนี้กี้ออกมางาน พี่ชายก็เลี้ยงลูก (หัวเราะ) ถามว่าเขามีแกล้งทำคาแรกเตอร์ใส่ไหม ไม่มีๆ เขาก็ปกติ ซึ่งเขาก็ค่อนข้างนุ่มนวลกว่ากี้อยู่แล้ว กี้จะแข็งๆ นิดหนึ่ง ก็อย่างที่กี้บอกว่าเป็นเส้นบาง บ๊าง บาง แต่ถ้าคนจะเข้าใจผิด เขาก็ไม่ได้ซีเรียสค่ะ กี้ว่าเขารู้สึกว่าเขาดีใจ ที่สิ่งที่เขาทำออกมา อิมแพคคนได้เยอะขนาดนี้ แล้วเขาก็ค่อนข้างเหนื่อยกับบทนี้จริงๆ แล้วเขาก็ภูมิใจมากๆ”
วันที่เขารับบทนี้ เขาเหนื่อยแค่ไหน
“เขาพยายามมาก อย่างแรกคือเขาไม่เคยรู้ ว่าการที่ต้องแต่งแดร็กควีน หนึ่งคือแต่งตัว 3 ชั่วโมง แล้วความพยายามของความที่จะแต่งตัวเหมือนผู้หญิง ต้องใส่ส้นสูง ใส่บูท เขาเพิ่งเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ว่าทุกวันนี้ที่เราต้องแต่งตัวอย่างนี้ หนึ่งเราใช้เวลาแค่ไหน สองความอดทนของเราในความสวย เพราะช่วงที่เขาถ่ายตอนนั้น เขาค่อนข้างอวบ เขาลดน้ำหนักไม่ทัน เขาก็ต้องใส่คอร์เซ็ทเพื่อรัดให้เขามีเชฟเวลาเต้น เขาก็รู้สึกว่านอกจากการแสดงที่เขาต้องเล่นแล้ว เขามีจุดอื่นที่เขาจะต้องรับได้ ในการที่ต้องใส่ชุด ใส่วิก ที่ระบายความร้อนไม่ได้ เขาสู้สุดชีวิตในวันที่เขาต้องแต่งแดร็ก
เขาเข้าใจผู้หญิงมากขึ้นค่ะ โดยเฉพาะเรื่องรองเท้า ซึ่งตอนนั้นกี้ก็บอกว่าที่รัก ต้องขอรองเท้ามาจากคอสตูม เพื่อที่จะมาซ้อมที่บ้านนะ มันจะได้เป็นธรรมชาติ เพราะว่าตัวละครที่รักต้องเป็นแม่ของแม่ มีคลับที่ดังที่สุดในประเทศไทย และทำมานานแล้ว เพราะฉะนั้นต้องดูโปรเฟสชั่นแนล เลยให้เขายืมรองเท้าจากกองถ่ายกลับมา แล้วเขาก็เดินซ้อมกับกางเกงขาสั้นบ็อกเซอร์ที่บ้าน (หัวเราะ) เขาก็บอกว่ายาก ต้องทำความเคยชินกับส้นสูง”