"เก๋ รุ่งนภา" อดีตนักแสดง-พิธีกรชื่อดังเผยถูกแก๊งมิจฉาชีพยกเค้าทรัพย์สินเกลี้ยงคอนโด สูญของมีค่าร่วม 2 ล้านบาท เจ้าตัวแจ้งความแต่คดีไม่คืบทั้งที่มีหมายจับอยู่ พร้อมแฉอีกฝ่ายอย่างเนียนชวนไปสอนโยคะพร้อมตีสนิท แถมเสนอให้ทั้งงาน ทั้งที่อยู่
ห่างหายไปจากวงการบันเทิงนานเลยทีเดียวสำหรับเจ้าของตำแหน่งดัชชี่เกิร์ล ปี 2543 "เก๋ รุ่งนภา พงศ์ทิพย์สุคนธ์" หรือปัจจุบันในชื่อ "ณัฏฐ์ธนิน คุณาธนาฒย์"
ล่าสุดอดีตนักแสดง-พิธีกรคนดังที่ผันตัวเองมาเป็นครูสอนโยคะก็ต้องเจอกับเรื่องสุดพีค เมื่อเจ้าตัวถูกแก๊งมิจฉาชีพหลอกยกเค้าทรัพย์สินต่างๆ ไปชนิดที่ต้องบอกว่าเกือบหมดตัว!
ทั้งนี้อดีตนักแสดง-พิธีกรที่ปัจจุบันมีสถานะเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวได้เล่าที่มาที่ไปของเรื่องให้ฟังว่าเมื่อช่วงปีที่แล้วได้มีชายคนหนึ่งว่าจ้างให้ตนไปสอนโยคะให้กับมารดา โดยชายหนุ่มได้ระบุว่าตนเองเรียนจบจากต่างประเทศ ตอนนี้ทำงานที่แบงค์ชาติและเป็นอาจารย์สอนอยู่ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ขณะที่ครอบครัวทำธุรกิจร้านเพชร รวมถึงร้านอาหารหลายแห่ง
หลังรู้จักกันได้ไม่นาน ครอบครัวของชายคนที่ว่าได้จ้างให้เธอไปทำงานเกี่ยวกับธุรกิจนำเข้ามิวสิคบ็อกซ์ ซึ่งในระหว่างที่เธอบินไปที่สิงคโปรค์เพื่อเจรจาธุรกิจดังกล่าวก็เกิดเรื่องขึ้น
เมื่อคอนโดฯ ที่เธออาศัยเกิดท่อปะปาแตก น้ำรั่วท่วมห้องพังเละ ตอนนั้นมารดาชายคนที่ว่าจึงได้ยื่นมือเข้าช่วยเหลือด้วยการให้เธอไปอยู่ที่คอนโดแห่งหนึ่งที่ระบุว่าเป็นห้องที่ตนเองซื้อไว้
เธอจึงขนของย้ายไปอยู่ที่คอนโดที่ว่า ระหว่างนี้เองผู้เป็นมารดาก็ได้เสนอคอนโดแห่งใหม่แถวเพลินจิตให้เธอซื้อด้วยการผ่อนจ่ายในราคาเท่าที่เธอจ่ายอยู่ที่คอนโดเก่า โดยทางนี้จะเป็นฝ่ายเดินเรื่องต่างๆ ให้ซึ่งเธอก็เซ็นเอกสารต่างๆ ให้ และรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณครอบครัวของชายคนนี้เป็นอย่างมาก
ในวันที่จะย้ายไปอยู่คอนโดใหม่ ชายหนุ่มได้อาสามาช่วยเธอขนของต่างๆ ส่วนตัวเธอเองเก็บเฉพาะของใช้จำเป็นบางส่วน เช่น เสื้อผ้า ใส่กระเป๋าใบเล็กๆ อย่างไรก็ตามต่อมาเธอก็ได้รับแจ้งว่ายังไม่สามารถเข้าไปอยู่ในคอนโดฯ ใหม่ได้ โดยอีกฝ่ายได้ให้เธอไปพักโรงแรมที่อยู่ใกล้ๆ ก่อนเพื่อจะได้สะดวกในการทำเอกสารต่างๆ รวมถึงรอสแกนหน้าทำคีย์การ์ด
ระหว่างที่อยู่ในโรงแรม ทางครอบครัวนี้ก็มีการแจ้งนัดหมายให้เธอไปสแกนหน้ารวมถึงเตรียมตัวย้ายเข้าคอนโดฯ อยู่เรื่อยๆ แต่พอถึงเวลาก็มีเหตุให้ต้องยกเลิกนับรวมกว่า 10 ครั้ง
หลังอยู่โรงแรมนานร่วมเดือนอีกฝ่ายก็นัดหมายพร้อมให้คำสัญญาสาบานว่าครั้งนี้ได้เข้าอยู่ในห้องแน่ๆ แต่ขอให้เธอไปพักอีกโรงแรมก่อนประมาณ 5 วันเพื่อเอาเคล็ด
ทว่าสุดท้ายเรื่องก็เป็นเหมือนเดิม แถมเธอต้องอยู่โรงแรมใหม่นานถึง 2 เดือน!
ถึงตอนนี้อดีตพิธีกร-นักแสดงเริ่มรู้สึกแปลกๆ ว่าทำไมตัวเองต้องมาเจอกับเรื่องวุ่นวายเหล่านี้ แต่กระนั้นก็ไม่คิดว่าจะโดนอีกฝ่ายมาหลอกอะไร เพราะค่าโรงแรมที่อีกฝ่ายออกค่าใช้จ่ายให้นั้นก็ไม่ใช่น้อยๆ
กระทั่งเธอมาเหลืออดจากเหตุการณ์ที่นัดหมายจะไปเที่ยวต่างประเทศกับลูกแล้ววานให้ฝ่ายชายนำพาสปอร์ตมาให้แต่อีกฝ่ายกลับส่งพาสปอร์ตที่ใช้ไม่ได้มา จนเธอต้องโทรไปต่อว่าอีกฝ่ายว่าทำไมถึงทำอย่างนี้ ทำไมตนถึงเข้าห้องตัวเองไม่ได้เสียที ถ้ามันเรื่องมากตนก็จะไม่อยู่แล้ว เอาของทั้งหมดคืนมาได้มั้ย ฯ
จากนั้นเรื่องทุกอย่างก็มากระจ่าง เมื่อวันหนึ่งพี่สาวเธอโทรมาบอกว่าชายหนุ่มคนดังกล่าวได้ไปที่หมู่บ้านของเธอ พร้อมบอกว่าผู้ชายคนนี้เป็นพวกมิจฉาชีพ มีหมายจับอยู่ ทำเอาเธอตกใจมาก ก่อนที่เธอจะมารู้ในเวลาต่อมาว่าทุกอย่างที่ฝ่ายชายบอกนั้นเป็นเรื่องโกหกทั้งหมด ทั้งเรื่องงาน เรื่องธุรกิจครอบครัว
เรื่องที่พีคก็คือคอนโดที่อดีตนักแสดง-พิธีกรชื่อดังย้ายเข้าไปอยู่ในตอนแรกนานร่วมเดือนนั้น ปรากฏว่าห้องดังกล่าวเป็นห้องของชาวต่างชาติที่มิจฉาชีพแก๊งนี้มีการก็อปปี้คีย์การ์ด-กุญแจเอาไว้
หลังย้ายมาอยู่ที่บ้านของผู้เป็นบิดาและตัดสินใจเลิกคบหากับครอบครัวนี้เธอได้ติดต่อไปเพื่อขอของคืนซึ่งอีกฝ่ายก็รับปากยินดีเป็นมั่นเป็นเหมาะจะคืนของให้ มีการนัดแนะวันเวลา แต่สุดท้ายก็ผิดนัด แถมไม่สนเรื่องที่เธอไปแจ้งความไว้อีกต่างหาก
สำหรับทรัพย์สินที่อดีตนักแสดง-พิธีกรสูญไปก็เรียกว่าเกือบจะทั้งหมด ทั้งของใช้ เอกสาร เครื่องประดับ ฯ รวมมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท
โดยเธอยังบอกด้วยว่าสิ่งที่แก๊งมิจฉาชีพแก๊งนี้ทำอีกอย่างก็คือการพยายามไปตีสนิทกับคนรู้จักเธอและพูดใส่ร้าย-ดิสเครดิตตัวเธอ ซึ่งที่ผ่านมามีคนตกเป็นเหยื่อของแก๊งมิจฉาชีพแก๊งนี้หลายราย บางคนเสียหายหลักหลายล้าน ในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยังไม่สามารถนำตัวผู้ต้องหารายนี้มาดำเนินคดีได้แต่อย่างใด
