ทำเอา “วู้ดดี้ วุฒิธร มิลินทจินดา” ถึงกับอึ้ง เมื่ออยู่ๆ “หนุ่ม เมืองจันท์”แขกรับเชิญที่กำลังทำการสัมภาษณ์อยู่ในรายการ WOODY FM ได้ถามกลับวู้ดดี้ว่าไปเจอ “ท่านอ้น” ท่านชายวัชเรศร วิวัชรวงศ์ มาหรือ งานนี้วู้ดดี้ ยอมรับกับหนุ่ม เมืองจันท์พร้อมเล่าว่า….
“ใช่ พี่รู้ได้ยังไง พอดีผมมีโอกาสได้ไปกินที่ร้าน royal osha บังเอิญเจอท่านกินข้าวกับเพื่อน แล้วเพื่อนของท่านก็เป็นเพื่อนของผม เพื่อนก็เลยแนะนำให้รู้จัก ท่านก็เหมือนว่ารู้จักเรา ก็เลยได้นั่งคุยกัน ด้วยความที่เราเป็นคนที่อยากรู้ อยากเข้าใจในหลายๆ เรื่อง ก็นั่งคุยกันสักพักนึงก็เหมือนกลายเป็นสัมภาษณ์ เพราะผมอยากรู้ไง
อันดับแรกในหัวคือ กลับมาเมืองไทยทำไม ความตั้งใจคืออะไร แต่เราไม่ได้ถามไปแบบนั้น ผมรู้สึกว่าบางอย่างมันเซนซิทีฟแล้วเราก็ไม่ได้แบบ คล้ายๆ รู้จักกัน ก็เพิ่งเจอกัน มันเหมือนการถามสารทุกข์สุขดิบ ถามว่าเป็นยังไงบ้าง เขาก็เล่าให้ผมฟังว่า เนี่ยไม่ได้มาเมืองไทยมา 20 กว่าปีแล้ว คิดถึงเมืองไทยมาก ก็พูดเหมือนออกสื่อทั่วไป ผมสัมผัสได้ถึงความที่ท่านคิดถึงเมืองไทย เพราะเราคุยกันเรื่องเบๆ มาก
ผมอยากลองไปขึ้นรถไฟฟ้า BTS ผมอยากกินผัดไทย ผมอยากรู้ว่าเจ๊ไฝอร่อยไหม ผมแฮปปี้มากไปไหนก็ตามผมเห็นถึงพลังงานความน่ารักของคนไทย ผมไม่รู้ว่าผมกลับมาแล้วเขาจะให้การต้อนรับไหม ผมรู้สึกแฮปปี้มากในการกลับมาครั้งนี้
แล้วผมก็ได้มีโอกาสถามเพราะผมอยากรู้ว่าตอนที่ใช้ชีวิตอยู่ที่โน่นเป็นยังไงบ้าง ด้วยความที่ผมไม่เคยอ่านประวัติเขาเลย รู้แค่ว่าเขาอยู่ที่นิวยอร์ก เป็นทนายความว่าความคดีที่ค่อนข้างใหญ่พอสมควร ด้วยความที่ผมเป็นคนนิวยอร์กเหมือนกัน ก็เหมือนนิวยอร์กเกอร์สองคนมาเจอกัน แล้วแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการเป็นคนนิวยอร์ก การที่อยู่นิวยอร์กมันต้องช่วยตัวเอง มันต้องสู้ มันไม่ใช่เมืองที่อยู่ง่าย
ผมเป็นคนที่อยากรู้ไปหมด ก็ถามแล้วมีแฟนไหม ท่านก็บอกไม่ โนโนโน สเปกก็คือขอให้เป็นคนน่ารัก แต่สุดท้ายเขาบอกว่าอยากแต่งงานกับผู้หญิงไทย ชอบคนที่มีทัศนคติดี แล้วก็พูดต่ออีกว่ายังหาไม่เจอ วู้ดดี้ก็ถามต่อแล้วจะยังไง จะอยู่นานไหม เขาบอกว่าจริงๆ การกลับมาในครั้งนี้ก็อยากจะกลับมาเที่ยว อยากกลับมาเที่ยวเลย อยากกลับมาเมืองไทยมาก เพราะรู้สึกว่าคิดถึงแล้วรอมาหลายปีมาก
เราคุยกันในเรื่องที่น่าสนใจมาก เราคุยกันในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงของโลกว่าสมัยนี้โลกมันเปลี่ยนเร็วมาก แล้วเราต้องทันโลก เราต้องมีความคิดที่ก้าวหน้า มีความชัดเจน เพราะทุกวันนี้ถ้าเราใช้ชีวิตไปโดยที่เราไม่ชัดเจนว่าเราจะทำอะไร มันจะสะเปะสะปะ บทสนทนามันค่อยข้างที่จะลึกซึ้งพอสมควรเกี่ยวกับเรื่องของการใช้ชีวิตเสียมากกว่า”
