“แพทริเซีย” บอกโชคดีที่ตอนถ่ายละครไม่มีอาการแพ้ท้อง เพราะคิวช่วงแรกๆ ยังน้อย เกือบจะขอถอนตัว แต่แอบเสียดายบท เผยช่วงแรกๆ ไม่มีใครรู้ว่าท้อง และคนที่จับได้คือ “อนันดา” เพราะต้องมีฉากมาลูบท้อง แล้วลูกในท้องก็ดิ้นจริงๆ ในขณะที่ “โน้ต วิเศษ” สามีจับกลับไม่ดิ้น เผยสามีเป็นคนมุ้งมิ้ง ชอบแต่งตัว เป็นสายแฟชั่น จนหลายคนงงว่าไม่เหมือนกับที่เห็นออกสื่อ
ต้องมารับบทสุดเครียดในละครเรื่อง “เกมรักทรยศ” ตอนที่ท้อง หลายคนก็แอบเป็นห่วงนางเอกสาว “แพทริเซีย ธัญชนก กู๊ด” ไม่ได้ เพราะเป็นท้องแรก ซึ่งสาวแพทก็เผยว่าส่วนตัวแล้วไม่มีความเครียดเลย เพราะอยากจะเต็มที่กับละครเรื่องนี้มากๆ แต่ก็เกือบจะถอนตัวเหมือนกันในช่วงแรกๆ เพราะเพิ่งเข้าฉากได้ไม่กี่วัน แต่รู้สึกเสียดายกับบทบาทนี้ เลยได้เล่นมาจนจบ
“อย่างที่บอกว่าเรามีความสุขกับการทำงานอยู่แล้ว เราพยายามเอ็นจอย ถึงบทมันจะหนักนิดนึง แต่มันเพิ่งมาเหนื่อยหลังๆ หรือซีนที่เราเจอแล้วเป็นบ้านเราทั้งวัน ร้องไห้ แล้วไหนจะตบตีกับสามี แล้วต้องมานั่งร้องไห้คนเดียว อันนั้นเราจะเหนื่อย กลับบ้านแล้วพลังหมด แต่เราก็รู้สึกว่าดีกว่าที่จะอยู่บ้านเฉยๆ ไม่มีงาน และเราแฮปปี้กับการทำงานทุกๆ ครั้งค่ะ ก็เลยไม่ได้เครียด และทุกครั้งที่เราไปเช็กอัปน้องก็สุขภาพดี ดิ้นดี เราก็โอเค
แต่เวลาเราพูดเยอะๆ น้องมีถีบในท้องบ้าง คือเขาก็คงสัมผัสได้กับสิ่งที่เรารู้สึก ก็บอกเขาตลอดเวลาร้องไห้ว่าขอทำงานก่อนนะ (หัวเราะ) ก็แจ้งให้ทราบ ถามว่าตอนนั้นกังวลไหม จริงๆ ไม่ได้กังวลเลย เราแค่กังวลเรื่องความเหนื่อยมากกว่า เพราะมันเช้า-ดึกทุกวัน ก็จะพักผ่อนน้อยมากกว่า แต่เรื่องอารมณ์คิดว่าโอเค ให้นางสนุกๆ กับการทำงานบ้าง”
เกือบจะขอเปลี่ยนตัว แต่ก็แอบเสียดายบท
“ตอนที่รู้ว่าท้องก็คุยเลยค่ะ คุยกับผู้ใหญ่ทางช่องและทางผู้กำกับ ผู้จัดว่าเราจะทันหรือเปล่า เราจะยังไงดี คือตอนนั้นหนูถ่ายไปน้อยมากตอนที่ทราบว่าท้อง ไม่ถึง 10 วันด้วยมั้งคะ ก็มีถามว่าเปลี่ยนตัวทันไหม แต่ด้วยความที่เขาก็เลือกแล้ว และทำพีอาร์ไปแล้ว เขาก็ไม่อยากเปลี่ยนตัว หนูก็ไม่อยากเปลี่ยนหรอก เสียดายโอกาสมาก แต่ที่กังวลเพราะเราไม่อยากให้เขาเสียงานด้วย และเขามาในจังหวะที่เร็วว่าที่เราคิด แต่ว่าก็จัดการได้ค่ะ พอคุยทุกๆ ฝ่ายแล้วบอกว่าจัดการเวลาได้ เราก็สบายใจ
ช่วง 10 วันที่ถ่ายไปก็คือท้องแล้วประมาณ 3 เดือน เพราะของหนูไม่ได้ถ่ายติดกันเหมือนพี่แอน พี่แอนเขาจะถ่ายทุกวัน แต่ของหนูเดือนนี้อาจจะถ่ายแค่ 2 วัน เดือนหน้ามาเจอกันอีก 3 วันอะไรประมาณนี้ ก็เลยได้เจอกองน้อย แต่มาอีกทีก็คือเซอร์ไพรส์ (หัวเราะ) แต่ท้องไม่ใหญ่เลย เพิ่งมาใหญ่ประมาณหลังก.พ.-มี.ค. กางเกงเริ่มใส่ไม่ได้ เริ่มต้องปรับเรื่องคอสตูม
ซึ่งปัญหาคือการถ่ายมันไม่ค่อยคอนทินิว เพราะละครจะถ่ายไปมาๆ ก็คือตอนยังไม่ท้อง แต่ในเรื่องถ่ายตอนท้องโต ก็คือยัดหมอนยิ่งใหญ่อลังการ และพอมาท้องจริงๆ ก็เป็นพาร์ตช่วงหลังที่เรามีลูกแล้ว ลูกโต 2 ขวบ แต่ฉันต้องมาใส่ชุดที่มันดูไม่ออกว่าท้องนะ เพราะในเรื่องคือคลอดลูกแล้ว บางทีมันก็จะมีอุปสรรคอย่างนี้ เพราะเราไม่ได้ถ่ายเรียงกัน จริงๆ มันมีแค่ตอนแรกๆ ที่เราถ่ายชุดฟิตๆ สวยๆ แต่จะมีคอนฯ ตอนหลังอันนี้ยาก ก็จะมีตัดและเย็บสดหน้ากองบางอัน แต่หลักๆ มุมกล้องก็ช่วยได้”
ไม่ห่วงเรื่องภาวะเครียดจะตกไปถึงลูก เพราะเช็กร่างกายตลอด
“พี่โน้ตเขาเริ่มเป็นห่วงช่วงหลังๆ เลยค่ะ พอท้องเริ่มโตเดือนที่ 5-6 เขาก็เริ่มมีถามว่าเหนื่อยหรือเปล่า ตื่นเช้าไปกองเขาก็จะกังวลนิดนึง แต่คือเรารู้สึกว่าเราดูแลตัวเองดี และใกล้ชิดหมอตลอดก็เลยไม่ได้เครียดอะไร ทุกๆ ครั้งที่ไปเช็กอัปก็เฮลท์ตี้ปลอดภัยดี ก็เลยไม่ได้อยากสร้างความเครียดกังวลไปเองทั้งๆ ที่หมอไมได้พูดอะไร ก็ใช้ชีวิตปกติมากๆ ค่ะ
แต่แรกๆ ก็มีเอาตัวละครกลับไปบ้านบ้างเหมือนกัน เพราะบทมันหนักมาก และเราก็อยากจะอินกับมันให้มากที่สุด เพราะถ้าเราแค่ผิวเผินมันก็ไม่ได้อินขนาดนั้น แต่พอท้องเริ่มโตอันนี้เริ่มยาก เพราะเรารู้สึกว่ามีอีกคนอยู่กับเรา และรู้สึกถึงการดิ้น แต่เรายังต้องมาปรับโฟกัสกับการแสดง อันนี้จะยากนิดนึง”
แอบขำ “อนันดา” จับท้องแล้วลูกดิ้น แต่กับ “โน้ต” จับแล้วไม่มีปฎิกิริยา
“ซีนที่พี่อนันดาต้องมาลูบท้องคือมันมีซีนลึกซึ้ง คุยกับลูก จุ๊บลูก ก็คุยกับพี่โน้ตอยู่ว่าเขาจะงงเปล่าววะ ว่าพ่อเขาคือใคร (หัวเราะ) เพราะพี่อนันดาเขาเล่นกับน้องเยอะ ส่วนพี่โน้ตนางก็ขำๆ แหละ จริงๆ นางก็ไม่ได้อะไรหรอก เข้าใจว่าเป็นการทำงาน แรกๆ ที่น้องดิ้นจะไม่ค่อยมีใครจับได้ คือแพทจะรู้สึกคนเดียว แต่คนแรกที่จับได้ก็คือพี่อนันดาที่กอง แต่พอพ่อจับเขานิ่งนะ แต่พอพี่อนันดาจับเขาถีบ ฮามาก แล้วพอเล่าให้พี่โน้ตฟังก็ขำกันใหญ่ ไม่ค่อยแพ้ท้องค่ะ หนูโชคดีมาก เป็นจังหวะที่หนูไม่ได้ถ่าย ที่เขาอัดพี่แอนก็เป็นช่วงเดือน 2-3 ที่เริ่มมีอาเจียน แต่คิวไม่ได้อยู่ที่หนู ก็โอเค”
บอก “โน้ต” ชอบให้ของขวัญ แต่จริงๆ ตนไม่อยากได้อะไรแล้ว
“วันเกิดที่ผ่านมาไม่ได้อะไรเลยค่ะ เลี้ยงลูกแล้วก็ทานข้าวกับครอบครัวง่ายๆ รีบกลับไปหาลูก (หัวเราะ) ไม่มีปาร์ตี้เลยค่ะ รู้สึกว่ามันเหนื่อย และแค่นี้เราก็แฮปปี้แล้ว ขอแค่ได้พร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัว พี่โน้ตก็มีให้ของขวัญค่ะ ก็ซื้อของให้เล็กๆ น้อยๆ นางไม่ให้พูดหรอก แต่ก็มีมูลค่าทางจิตใจ เอาจริงๆ ก็บอกแล้วว่าไม่ต้องซื้อ คือไม่ได้อยากได้อะไรจริงๆ แต่เขาก็บอกว่ายูก็ให้ลูกมาแล้ว ก็ขอซื้อให้นิดนึง เป็นกระเป๋าค่ะ เอาจริงๆ ไม่ได้อยากจะได้ เพราะจริงๆ ก็ไม่ได้ใช้ เพราะช่วงนี้เลี้ยงแต่ลูก แต่ก็ถูกใจค่ะ แต่รู้สึกว่าเอาเงินไปทำอย่างอื่นดีกว่า จริงๆ ถ้าสังเกตหนูไม่ได้เป็นคนใช้เงินหรืออะไรอย่างนั้นอยู่แล้ว ก็เลยรู้สึกว่าพอเรารู้มูลค่าของมัน และมันเป็นสิ่งของ บางทีหนูก็จะเบรกหน่อยนิดนึง
คือส่วนใหญ่เขาจะให้แค่เนื่องในโอกาสวันเกิด ส่วนใหญ่วันเกิดเขาจะไม่เคยพลาด ขอเซอร์ไพรส์หน่อย เราก็บ่นทุกปีนะ แต่นางก็ขอแค่ครั้งนึงต่อปี จริงๆ เขารู้ว่าเราไม่ได้ต้องการอะไร แต่เขาบอกว่าเขาอยากให้ อันนี้เราก็โอเคที่เขาใส่ใจ จริงๆ เขาเป็นคนชอบช่วยหนูดูเรื่องการแต่งตัวนะ นางชอบแฟชั่น เมื่อก่อนนางบอกว่าแต่งตัวเก่ง เดี๋ยวนี้ก็จะชอบเลือกชุดให้ จริงๆ นางมุ้งมิ้งกว่าที่ทุกคนคิด พอเจอทุกคนก็จะบอกว่าทำไมผู้ชายคนนี้ดูมุ้งมิ้ง ดูใจดีกว่าที่คิด คือเขาก็จะมีมุมที่อาจจะไม่ได้เห็นกันในสื่อ”
เผยสามีเป็นสายแฟชั่น ชอบแต่งตัว
“เขาเป็นตั้งแต่ตอนเป็นแฟนกันแล้วค่ะ บางทีก็จะซื้อเสื้อผ้าให้ ซื้อกระเป๋าให้ วันนี้แต่งตัวอย่างนี้นะ ไปโน่นไปนี่แต่งตัวแบบนี้สิ (หัวเราะ) แต่แพทว่าดีนะ เพราะเป็นคนแต่งตัวไม่เป็น มีคนคอยช่วยก็เป็นสิ่งที่ดี แรกๆ ยังไม่ถึงขั้นบอกว่าใส่แบบนั้นแบบนี้ จะเป็นฟีลซื้อของให้แล้วเราก็ใช้ แต่หลังๆ เขาชอบซื้อรองเท้าคู่ให้ มุ้งมิ้ง ไปไหนก็บอกว่าใส่รองเท้าเหมือนกันสิ (หัวเราะ) ตลกดี ทุกวันนี้เขาก็ยังใส่ของคู่กันอยู่ แต่จะหนักไปทางลูก ก็จะเห็นลูกเยอะหน่อยค่ะช่วงนี้”