ผันตัวเองมาเป็นเจ้าของธุรกิจร้านคุณชายหมูกรอบจนเป็นกระแสโด่งดังในโซเชียลแล้วในเวลานี้ ล่าสุดพระเอกหนุ่มกล้ามแน่น “อาร์ต พศุตม์ บานแย้ม” ได้มาเปิดใจในรายการ WOODY INTERVIEW เผยหมดเปลือกครั้งแรก! ถึงปมในใจที่เก็บไว้มานานถึง 17 ปี ถูกเพื่อนในวงการรุ่นเดียวกันขัดแข้งขัดขา แทงข้างหลัง! และสาเหตุสุดอัดอั้นใจที่ไม่ต่อสัญญาช่องเก่า
วันนี้เราเห็นชัดเจนว่าในวัย 40 อยู่หน้าเตาแล้วมีความสุขกับชีวิต แต่พอย้อนกลับไปดู อาร์ต พศุตม์ ในวงการบันเทิงตอนที่เป็นดาราในตาของคุณเหมือนมีความทุกข์อะไรบางอย่าง คุณมีปมอะไรเกี่ยวกับการเป็นนักแสดง?
“จริงๆ ในวงการหลายคนรู้แล้วว่าผมเคยทำงานที่ๆ หนึ่งมาแล้วผมก็ไม่ได้เซ็นสัญญาต่อ มันมีปมเล็กๆ ในใจมาตลอด แต่ถามว่าได้เคลียร์ไหม ก็ได้เคลียร์ ก่อนที่จะยกเลิกสัญญา จริงๆ มันเป็นการโดนขัดแข้งขัดขามากกว่าจากเพื่อนเราเอง
มีเพื่อนคนหนึ่งรุ่นๆ ผมนี่แหละ อยู่ดีๆ วันหนึ่งผมเป็นคนแรกที่ได้ละครในกลุ่มในรุ่นเดียวกัน แล้วตอนนั้นผมถ่ายละครอยู่ 2 เรื่องกับซิตคอม 1 เรื่อง แล้วก็มีบุคคลนี้มาถามผมว่า อาร์ตตอนนี้ทำงานอะไรอยู่บ้าง เราก็ตอบไปแค่นั้น แล้วปรากฎว่าคนๆ นี้ดันไปบอกที่ดูแลศิลปินของแผนกนี้ว่าผมอวดงาน ทั้งๆ ที่เขาเป็นคนถามผม ทางนั้นเขาก็โทร.มาด่าผมว่าไปบอกทำไมว่ามีงานโน่นนี่นั่น ผมก็แบบเราพูดให้ใครฟังนะ ไม่มีไม่ได้พูดให้ใครฟังเลย เพราะผมไม่ได้พูดจริงๆ แต่แค่มันมาถามผมก็เลยพูด เราก็เลยนึกว่า อ๋อ! ผมพูดกับคนๆ หนึ่ง แล้วผมเป็นประเภทที่แบบถ้า เอ๊ะ! แล้วต้องจับให้ได้ ผมก็ปล่อยข่าวคนนี้ ปล่อยข่าวทางนี้อีกทางหนึ่ง
ปรากฎข่าวทางนี้ถึงผู้ใหญ่จริงๆ ผมเลยโอเครู้แล้ว เขาไม่ได้เป็นเพื่อนเราแล้ว พยายามแทงเราแล้วมันก็มีเรื่องราวแย่ๆ มาสักพัก เหมือนเขาพยายามแทงผมตลอด คำตอบสุดท้ายของเขาก็คือ เขาคิดว่าถ้าไม่มีผม เขาจะได้เป็นพระเอกแทนผม ซึ่งจริงๆ คนละคาแรกเตอร์เลย คือคุณสามารถเป็นพระเอกในคาแรกเตอร์ของคุณได้ แต่สิ่งที่เสียใจก็คือในที่ทำงานเก่า เขาจะมีแผนกๆ หนึ่งที่ดูแลศิลปิน อันนี้น้ำตาร่วงคือมีพี่คนหนึ่งที่ดูแลผมอยู่ พ่อผมเขาอยู่วงการใช่ไหมแล้วเขาก็ทำหนัง
เอ้ย! อยากให้ลูกมึงเล่น ผมก็ถือบท บอกว่าพี่ครับผมอยากเล่นบทนี้ครับ ผู้ใหญ่คนนั้นก็บอกไม่ให้เล่น แต่ในระหว่างนั้นพระเอกหลายๆ คนเล่นหนังหมดแล้ว ซึ่งผมก็มีคำถามอยู่ในใจว่าทำไมไม่ให้ผมเล่น
หลังจากนั้นประมาณครึ่งปีมั้ง พี่คนนี้เขาก็โทร.มาหาผม อาร์ตแกเป็นยังไงบ้าง หนังที่แกเล่นเป็นยังไงบ้าง ผมก็หนังอะไรก็พี่ไม่ให้ผมเล่นไง ผมก็เลยบอกว่าพี่อย่าบอกนะว่าพี่ให้เพื่อนผมเล่น คำตอบคือใช่ ผมเลยน้ำตาร่วงเลย แบบเกิดอะไรขึ้นกับเรา ทำไมถึงทำแบบนี้กับเรา ทั้งๆที่เราเคารพและไว้ใจทำให้ทุกอย่าง พูดมาทุกวันนี้ยังเสียใจเลย แต่ว่าพี่คนนี้ตอนนี้เขาก็ไม่ได้ทำงานแล้ว ออกจากที่ทำงานเก่าไปบวช วันที่บวชเขาโทร.หาผม อโหสิกรรมให้ฉันด้วยนะ อะไรที่ฉันทำกับแกไว้ เพราะตอนนั้นเขาเหมือนแอบขัดขาผมนิดๆ ไปให้งานอีกคนหนึ่ง”
รู้ไหมว่าเพราะอะไร?
“เหมือนคนนี้เขาไปให้ความหวังกับผู้จัดการคนนี้อยู่ เป็นเหมือนเลิฟอะไรสักอย่างอะไรแบบนี้ ส่วนเหตุผลที่ลาออกเลยคือ ตอนนั้นผมเล่นบางระจันแล้วผมก็ได้รางวัลโทรทัศน์ทองคำมา ก็มีผู้จัด 3 เรื่องโทร.หาผม อาร์ตเล่นเรื่องนี้ไหม เล่นเรื่องนี้ให้พี่หน่อย ว่างครับ ตอนนี้ยังไม่มีละครเล่น เพราะมันมีช่วงระยะเวลาว่าง ปรากฎว่าผู้ใหญ่ไม่ให้ผมเล่นเลยทั้ง 3 เรื่อง บอกผมไม่ว่าง ทั้งๆ ที่ผมรู้ตัวว่าว่างและผู้จัดโทร.หาผมแล้ว
คือผมได้รางวัลหนึ่งแล้วผมก็อยากได้อีก อยากโชว์ศักยภาพให้ทุกคนเห็น คิดว่าจะได้เจริญในหน้าที่การงานขึ้น ปรากฎว่าไม่ให้ผมเล่น จับผมไปลงละครเย็น 1 เรื่อง ผมเก็บเรื่องนี้มานานมาก เงินเดือนก็ไม่ได้ ทำไมจับผมลงแต่ละครเย็น ทั้งๆ ที่บทดีๆ ผมก็มีตั้งเยอะแยะ
ผมก็แอบหนีไปเล่นอีกที่หนึ่งเป็นซีรีส์สั้น ๆ ช่องอื่น ผมตั้งใจทำ และผมคำนวณค่าเสียหายไว้อยู่แล้ว ถ้าผมโดนปรับจะโดน 10 เท่าของค่าตอน พอทางที่ทำงานเก่ารู้ว่าผมไปเล่น เขาก็ฟีดแบ็กไปว่าห้ามออน เพราะมีสัญญาอยู่ ผมก็บอกพี่ออนไปเลยครับ เดี๋ยวผมรับผิดชอบเอง ถ้าโดนปรับตอนนั้นน่าจะโดน 3-4 ล้านมั้ง ซึ่งผมโดนปรับให้แต่ขอละครเรื่องนี้ออน
ผมก็เป็นคนโทร.ไปหาผู้ใหญ่ว่าผมอยากคุยด้วยก็ได้พบกับผู้ใหญ่ 2 ท่าน เดินไปถึงผมไหว้ก่อนเลยขอโทษครับที่ทำผิดสัญญา เขาก็ถามทำไมทำแบบนี้ เพราะผมอยากมีวันนี้ ผมอยากมีวันที่พี่สนใจผมแบบนี้ พี่เคยนั่งคุยกับผมแบบนี้ไหม แต่ตอนพูดร้องไห้แล้วนะ คนอย่างผมร้องไห้มันคืออัดอั้น ผมเก็บข้อมูลมา 4 ปี เงินเดือนผมไม่ได้ ไม่ได้เล่นละคร โดนเหตุการณ์ต่างๆ นานามากมาย ผมอยากมีหน้าที่การงานที่ดีขึ้นครับ อยากดังเหมือนคนอื่นเขาบ้าง
พี่ไปถามผู้กำกับหรือผู้จัดทุกคนได้เลย 7 ปีที่ผมทำในวงการ ผมเคยทำงานสาย 3 วันผมเป็นเด็กดีไหม เพียงเพราะผมไม่เข้ามาหาพี่หรือได้มาคุยกับพวกพี่ ผมกลายเป็นเด็กไม่ดีใช่ไหมครับ เขาเงียบ ผมไปทำงานที่อื่น เพราะผมว่างตอนนั้นผมไม่มีงาน 7-8 เดือน ทั้งๆ ที่มีละคร 3 เรื่องติดต่อมาไม่ให้ผมเล่น ผมก็ต้องไปหาเงินเพราะผมไม่ใช่เด็กบ้านรวย พี่ต้องรอให้พ่อแม่ผมป่วยเหมือนคนอื่นที่ตอนนี้พี่ให้ออกไปทำที่อื่นแล้ว พี่ต้องรอให้เห็นพ่อแม่ผมป่วยแบบนี้เหรอพี่ถึงจะยอมมอบบทดีๆ ให้ผม เขาก็ไม่ตอบ
อันนี้ก็ต้องขอโทษผู้ใหญ่นะครับ มันก็เป็นเรื่องที่ผมแอบอัดอั้นนิดหนึ่ง สรุปเขาก็ถามว่าผมจะเซ็นต่อไหม ตอนนั้นมีละครเรื่องหนึ่งติดต่อผมมา 30 ตอน งั้นผมขอแบบนี้แล้วกันครับ ตลอดเวลาที่ผมอยู่มา 7-8 ปีที่นี่ ผมไม่เคยได้การันตีเลยว่าผมจะได้เล่นละครกี่เรื่อง เงินเดือนผมไม่เคยได้ งั้นผมขอการันตีปีหนึ่ง 3 เรื่องเงินเดือนผมไม่เอาก็ได้แต่ผมของานแค่นี้ ไม่ได้ งั้นผมขอเล่นละครนี้ 30 ตอนได้ไหม ไม่ได้ งั้นผมไม่เซ็นนะครับ นี่คือที่มา แล้วเพื่อนคนที่ผมพูดถึงอยู่นี่ก็ไปป่าวประกาศให้คนอื่นฟัง ว่าผมเป็นคนฉีกสัญญาผิดกฎ เขาไม่รู้ว่าผมไปคุยกับผู้ใหญ่เรียบร้อยแล้ว”
อาร์ตได้เคลียร์กับทางเพื่อนคนนี้ไหม ?
“ไม่คุยครับ ผมไม่เคยพูดเรื่องนี้เลยนะ ผมอยู่ในวงการมา 17 ปี ผมไม่เคยพูดเรื่องนี้ออกสื่อนี่คือครั้งแรกที่พูด แต่มีผู้ใหญ่หลายคนที่เขาถามผมว่าทำไมไม่เซ็นแล้วเข้าใจผมผิด 1 ใน 3 เรื่อง มีเรื่องหนึ่งที่เป็นของผู้จัดคนหนึ่ง เขาเปลี่ยนพระเอก ตัวผมก็เลยเล่นไม่ได้ผมเข้าใจ ผู้จัดโทร.คุยกับผมแล้วเรียบร้อย รู้ไหมมันไปคุยกับคนอื่นว่าไง ที่อาร์ตไม่เล่นละครเรื่องนี้เพราะอาร์ตกลัวไม่ได้ตังค์ เพราะผู้จัดคนนี้จ่ายช้า ดูเขาพูดสิ งงไหม”
อาร์ตได้เรียนรู้อะไรกับเรื่องราวที่ผ่านมาในรอบ 10 ปี?
“จริงๆ ทุกอย่างมันดีหมดเลยนะในชีวิต แค่คนบางคนเข้ามาในชีวิตผมไม่ดีเท่านั้นเอง และผมก็เลือกเก็บแต่สิ่งที่ดีๆ ไว้”