“แน็ก ชาลี” ยันคบ “เก๋ไก๋” จริงไม่คอนเทนต์ บอกจริงจังและรักคนนี้ จีบหลายรอบมากกว่าจะได้เป็นแฟน ชอบเพราะน่ารักและนิสัยดี ชอบร้องเพลงและทำดนตรีเหมือนกัน นอกน้้นเข้ากันไม่ได้เลย ยังไม่มองถึงอนาคต แค่ทำงานคู่แบบไม่เถียงกันให้ได้ก่อน ไม่สนดรามาแฟนเก่าฝ่ายหญิง ตั้งใจเปิดตัวพร้อมกัน บอกให้เกียรติกันดีกว่า อีกฝ่ายก็ไม่ได้โจมตีอะไรตน กลับมาหล่อเพราะเงินหมด ถ้าสัญญาหมดเดี๋ยวกลับไปสภาพเดิม
สมฉายาหล่อร้อนเงินจริงๆ สำหรับหนุ่ม “แน็ก ชาลี ไตรรัตน์” ที่รอบนี้ออกมายอมรับแล้ว ว่ากลับมาหล่อเพราะเงินในบัญชีหมด ไม่ใช่แค่ทรายแมวหมดเฉยๆ ล่าสุดวันนี้ (16 ส.ค.) ได้เจอเจ้าที่มาร่วมชมภาพยนตร์ Blue Beetle ก็เลยขอถามถึงประเด็นสักหน่อย ว่าจะได้เห็นสภาพตอนหล่อๆ แบบนี้ไปอีกนานไหม พร้อมอัปเดตสถานะหัวใจ หลังเปิดตัวเป็นแฟน “เก๋ไก๋ สไลเดอร์”หรือ ณัฐธิชา นามวงษ์ ยูทูบเบอร์ชื่อดัง
“ช่วงนี้ขี้เก๊กครับ (หัวเราะ) เพราะคนชมเยอะขึ้น หล่อเพราะร้อนเงินเป็นเรื่องจริงนะ เราแก่ขึ้นนั่นแหละ อายุ 30 เราเลยลองอีกครั้งว่าจะลดน้ำหนักให้ได้ อยากลองดูว่าจะทำได้ไหม เพราะว่าลองทำมา 6-7 ปีแล้วไม่สำเร็จ ตอนที่ลดได้ก็ลงไป 30 กิโล ตอนนี้ขึ้นมาอีกแล้ว ผมอยากดูแลตัวเองมากขึ้น อายุเท่านี้แล้วถ้าปล่อยตัวอีกจะกลับมายาก”
เปลี่ยนตัวเองเพราะเงินในธนาคารหมด
“เพราะเงินในธนาคารหมด พอเห็นจำนวนเงินว่าจะไม่เหลือแล้วนะ ยุคนี้ต้องยอมหนื่อยดูแลตัวเองหน่อย ที่จะกลับมาทำงานได้ เรื่องจริงนะครับ ไม่ใช่มุก (หัวเราะ) คือเมื่อก่อนผมเห็นเวลาที่นักแสดงลดน้ำหนักเยอะ มีคอมเมนต์ว่าเสพติดความผอม เราก็ไม่เคยเป็น จนตอนที่ลดน้ำหนักก็ชั่งทุกวัน ก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเขาอยากลดลงเรื่อยๆ ก็งดของหวาน กินข้าวน้อยลง เมื่อก่อนผมยาวก็เอาผมปิดหน้า น้ำหนักขึ้นไปแตะ 80 กิโล จนรู้สึกว่าไม่ได้แล้วเลยลดลงมา
ใช้เวลาเดือนเดียวลงเกือบ 20 กิโล สองเดือนลงแตะเกือบ 30 กิโล ตอนนั้นต้องมีที่ชั่งน้ำหนักทุกชั้นของบ้านเลย พอเริ่มรีวิวของกินก็กลับมาหยุดกินไม่ได้แล้ว (หัวเราะ) ตอนที่น้ำหนักน้อยรู้สึกว่าสุขภาพดีมากร่างกายแข็งแรงกว่าเมื่อก่อน พอเห็นการเปลี่ยนแปลงคนก็ชม ตอนผมยาวก็อยากตัดผมนะ เมื่อก่อนไม่ยอมตัดผมนะ ตอนหลังรู้ว่าเขาจะให้เงิน ก็แบบเมื่อไหร่จะตัดๆ ชีวิตนี้ขับเคลื่อนด้วยเงินจริงๆ พอตัดผมปุ๊บเงินเข้าบัญชีก็มีแรงดูแลตัวเอง”
ไม่ต้องทุ่มค่าตัวเยอะมาก ก็พร้อมรับงานแล้ว
“ไม่ๆ ไม่ต้องเยอะมากเดี๋ยวนี้ ก็ไปแล้ว (หัวเราะ) จะเป็นแนวที่คุยกันว่า งานไหนตั้งเป้าสภาพตัวเราเหมือนใคร ยังไง ก็จะพยายามทำการบ้านเรื่องนั้นให้ได้”
โชคดีผู้ใหญ่ให้โอกาส สภาพไหนก็มีงาน ที่ไม่รับเพราะตัวเองล้วนๆ
“ต้องบอกว่าผมเป็นคนโชคดี ที่ตัวผมช่วงที่สภาพแบบนี้หรือแบบโน้น ก็ยังผู้ใหญ่ใจดีให้โอกาสเราตลอด แต่มันอยู่ที่ตัวเราอยากรับ อยากทำไหม ตอนนี้ผมใช้วิธีเด็ดขาด เมื่อก่อนไม่ค่อยรับงาน พอรับปุ๊บมีเงินก้อนหนึ่งก็หยุดทำแล้ว ตอนนี้ก็ให้ผู้จัดการมาดูแล เขารับทุกอย่างเลย ครึ่งปีหลังก็มีงานลดลงบ้าง เยอะบ้าง เราก็มีเวลาพักผ่อนบ้าง”
ไม่ค่อยมีผลงานทางหน้าจอ แต่มีงานอื่นเข้ามาตลอด
“ไม่ค่อย แต่ผมจังหวะชีวิตเจอเรื่องแบบนี้บ่อย ยังได้โอกาสจากผู้ใหญ่หลายๆ คน ที่ยังชอบในหนังเรื่องแฟนฉัน แฟนคลับจะเป็นคนโตหน่อย ต้องขอบคุณทุกคนที่ให้โอกาสครับ ส่วนงานอย่างสินค้าที่ผมรับปีนี้ เป็นสิ่งที่ผมไม่คิดจะรับมาก่อนเลย เมื่อก่อนไม่ได้ใช้ก็ไม่รับ ตอนนี้เจ้าของสินค้าโอนเงินมาให้ เอาของมาให้ใช้ ผมก็ลองใช้จริง อันไหนที่ไม่แพ้ก็เอามาบอกต่อได้”
ถ้าสัญญาหมด ก็อาจจะกลับไปเป็นสภาพเดิม
“ผมว่าถ้ามันหมดสัญญา ผมก็ไปเลยครับ (หัวเราะ) ขับเคลื่อนด้วยสัญญาครับ (สัญญากี่ปี?) ไม่นานหรอก (หัวเราะ) เราทำงาน ตอนแรกเราคิดว่าเราจะทำ 6 เดือน แต่พอทำจริง 6 เดือนมันไวมาก ช่วงหลังพอเราอายุเยอะมันไวมาก เลยคิดว่าลองทำให้ได้สัก 2-3 ปีดู”
โอดการดูแลตัวเองมันเหนื่อย ตอนนี้ผอมจนหมาจำไม่ได้แล้ว
“ผมว่าการดูแลตัวเองนี่มันเหนื่อยมากเลย ถามว่าเราชอบตัวเองตอนนี้ หรือก่อนหน้านี้ ถ้าชอบในแบบก่อนหน้านี้ คือมันมีความสุข ตรงที่ว่าเราได้กินทุกอย่าง กินขนม กินเยลลี่ ตี 3 ตี 4 ทุกวัน แต่ว่าตอนนี้มันต้องแลกมาด้วยการดูแลตัวเอง ตอนนี้หมาไม่คุ้น หมาเห่าแล้วตอนนี้ (หัวเราะ) นึกว่าใครตัวผอมๆ เดินมา”
ไม่ได้หล่อเพราะมีแฟน เพราะหล่อมาตั้งแต่เกิดแล้ว
“ไม่ใช่ จริงๆ ผมหล่อตั้งแต่เกิดแล้วครับ (หัวเราะ) ก็คือว่าผม เหมือนช่วงนี้เราอยากทำการบ้านเรื่องผอม ถ้าเราอยากตัวใหญ่ ก็จะตัวใหญ่ แต่ว่าตอนนี้พยายามอยากคุมให้มันผอมให้ได้มากที่สุด”
เป็นคนจริงจังในความรัก แต่ไม่ใช่คนคลั่งรัก
“ไม่ได้คลั่งขนาดนั้น ผมเป็นคนจริงจังในความรัก ให้ทุกวันสำคัญหมด อาจจะไม่ได้ดูหวือหวา หรือคลั่งขนาดนั้น”
ความรักครั้งนี้ เริ่มจากการได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง
“เริ่มจากตัวผมรู้สึกว่าเราก็แก่แล้ว เรามีโอกาสได้เจอ ได้คุยกันอีก ก็รู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่ดีนะ แต่ก่อนเราจะติดว่าชอบอยู่คนเดียวมาก ไม่ได้คุยกับใคร แต่พอเอาจริงก็รู้สึกว่ามีมันก็รู้สึกดีกว่านะ มันมีความสุขดี”
ประทับใจ “เก๋ไก๋” นิสัยดีน่ารัก แต่นิสัยไม่ได้เข้ากันได้ทุกอย่าง
“เอาจริงๆ เราสองคนไม่ได้เข้ากันได้เลยนะ ผมรู้สึกว่าแต่ก่อน ทุกคนจะพูดว่าคนสองคนต้องมีอะไรที่คล้ายกัน มันถึงจะอยู่ด้วยกันได้ แต่ผมคิดว่าพอมาเจอจังหวะชีวิตจริงๆ มันไม่ใช่เลย ถ้าตามความรู้สึกที่เราได้คุยกันนะ ไม่ได้มีอะไรคล้ายกันเลย ถามว่าประทับใจอะไรเขา ก็คงเป็นคนที่นิสัยดี น่ารักมาก”
ไม่ได้พูดว่าขอเป็นแฟน เพราะมันเลยจุดนั้นมาแล้ว
“ผมรู้สึกว่ามันเป็นช่วงเวลาที่ ตอนหลังเราทำงานใช่ไหม แล้วก็ได้คุย แล้วก็ไม่ได้คุย วันนั้นคือผมไม่ได้เปิดตัวอะไรนะ แต่เราก็ตอบตามจริง เพราะสถานะเราก็ไม่ได้มาถามขอกันแล้ว ผมก็โตแล้ว แล้วผมก็ไม่ได้มุ้งมิ้ง รู้สึกเขินนะ ถ้าต้องมานั่งถามว่าเป็นแฟนกันไหม สำหรับผมมันเกินจุดนั้นแล้ว แล้วเราก็ไม่ได้คุยกับใครเลย คุยอยู่คนเดียว เลยรู้สึกว่าถึงมันไม่เคยตกลงว่าคบกันหรือเป็นแฟนกัน แต่สำหรับผมมันก็เป็นแฟนกันแล้ว”
ไม่ได้ยอมเปิดตัวเพราะเป็น “เก๋ไก๋” แต่คนถามเยอะก็เลยต้องตอบตามจริง
“คือช่วงนี้ตัวผมก็คุยกันแบบจริงๆ แล้วคนก็ถามเยอะมาก เราก็ไม่รู้จะตอบยังไง เราก็ตอบตามจริง คือผมอาจจะไม่ได้หวานเหมือนคู่อื่น หรือทำอะไรให้มันดูสวีต ตัวผมไม่ค่อยได้ลงอะไรเยอะแยะมากมาย แล้วเราคุยอยู่คนเดียว มันก็ไม่ต่างอะไรจากแฟนสำหรับผม”
บอกสไตล์ “เก๋ไก๋” ชอบพิมพ์อะไรน่ารักๆ เหมือนแคปชั่นที่ชอบลง
“อันนั้นเป็นสไตล์เขา ที่เขาชอบลงน่ารักๆ คือเขาเป็นคนที่ชอบเมนต์อะไรที่ดูน่ารักๆ อยู่แล้ว แต่ตัวผมอาจจะไม่ค่อยได้พิมพ์หรือเมนต์อะไรแนวนั้น มันก็คงเป็นอะไรที่ทำให้แฟนๆ หลายคนได้อ่านแล้วก็ยิ้มไปด้วย ก็น่ารักดีครับ
ฝ่ายหญิงมีขอให้หล่อๆ นิ่งๆ แบบนี้ไปนานๆ
“ไม่ๆ ผมว่าตัวผมอาจจะสภาพนี้ได้ไม่นาน ตัวเราต้องมีความตลกไปด้วย เพราะมันคือชีวิตประจำวันของเรา ที่เราเก๊กหล่อไม่ได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว ก็อาจจะมีสลับๆ กันบ้าง (เขามีขอให้เราอยู่ในสภาพหล่อๆ ไปนานๆ ไหม?) ก็มีบ้าง บอกพี่นิ่งๆ หน่อย แต่ตัวผมก็นิ่งได้ไม่นานหรอก แต่ชีวิตผมถ้าช่วงจริงจังก็จริงจังนะ เวลาตลกก็ตลก เวลาเครียดบ้างก็มีครับ”
พูดเต็มปากจริงจังและรักคนนี้
“จริงจังๆ จริงจังอยู่แล้ว (รักไหม?) รักๆ”
ยังมีเรื่องที่เถียงกันตลอด เพราะชอบคิดงานเองทั้งคู่ ชอบเหมือนกันแค่เรื่องเพลง เรื่องดนตรี
“มันแปลกมากตรงที่ว่า เราอาจจะไม่ได้มาอยู่โลกเดียวกันมาก เพราะว่าเราความเห็นไม่ตรงกันหลายอย่าง ไอ้สิ่งนี้มันแปลกดี ที่รู้สึกว่ามันทำให้เรายังคุยกันได้อยู่ สำหรับผมก็คือเรื่องนี้แหละ ที่เราปรับความเข้าใจกันไม่ได้สักที คุยกันไม่ได้ เถียงกันตลอด มันเลยอยู่กันนาน มันแปลกดี มันไม่เหมือนคู่อื่นนะผมว่า เรื่องงานเนี่ยบางทีผมอยากทำนะ แต่ด้วยความคิดเราอาจจะยังไม่ได้ตรงกันร้อยเปอร์เซ็นต์ เขาก็เป็นคนที่มีหัวคิดเก่งมากๆ คนหนึ่ง เขาชอบคิดงานเอง เราก็ชอบคิดงานเองเหมือนกัน พอมาอยู่ด้วยกัน มันเลยยังร่วมงานกันไม่ได้ เราเลยรู้สึกว่าถ้าจะลง เราลงอะไรที่มันเป็นธรรมชาติ น่ารักๆ หรือสิ่งที่เราชอบคล้ายกัน มันจะมีเรื่องเพลง ที่เราชอบการร้องเพลง ชอบดนตรี ก็อาจจะให้คนได้เห็นมุมนี้มากหน่อย”
งานคู่มีติดต่อเข้ามา ถ้ายอมลงคนละครึ่งได้เมื่อไหร่คงได้เห็น
“มีๆ ผมว่าถ้าวันหนึ่งเราคุยกันรู้เรื่องขึ้น แบบยอมคนละครึ่ง ก็อาจจะเห็นงานที่มากขึ้น แต่ผมว่าการทำงานที่ดีของเรา ก็อาจจะเป็นงานเกี่ยวกับด้านเพลง ด้านดนตรี ตลกๆ”
ไม่ได้พามารู้จักสัตว์แปลกๆ ไม่กล้าอุ้มตัวเหี้xไปหาแน่นอน
“ไม่ๆ ผมรู้สึกว่าสัตว์เลี้ยงแปลกๆ เราก็ต้องดูแลเอง แต่ละคนไม่ได้ชอบเหมือนกันหมดครับ อยู่ดีๆ ผมจะอุ้มตัวเหี้xไปเซอร์ไพรส์เขาเนี่ย มันไม่ได้แน่นอน ถ้าตัวแปลกมากจริงๆ จะไม่ได้แนะนำให้ใครรู้จักครับ”
มุมโรแมนติกไม่ค่อยมี แต่เป็นแบบนี้มีความสุขแล้ว
“มุมโรแมนติกสำหรับผมไม่ค่อยมี ผมมีความสุขที่มันเป็นแบบนี้ เหมือนมันเรียนรู้ไปเรื่อยๆ แล้วมันใช้เวลานาน ถึงสถานะตัวผมจะไม่ขอกัน ไม่ให้กัน ในช่วงเวลาที่แยกย้าย ในช่วงเวลาที่กลับมา คือตอนนี้ก็เป็นช่วงเวลาที่เราคุยกัน มันก็มีความสุขที่เราเป็นอย่างนี้กันครับ”
จีบไปหลายรอบกว่าจะได้คุยกัน
“โห จริงๆ มีช่วงหนึ่งผมไปจีบหลายรอบอยู่ จนตอนหลังเรารู้สึกว่าต่างคนต่างไม่ได้คุยกับใครแล้ว เราก็ได้มีโอกาสได้คุยกัน มันเลยรู้สึกว่ามันดีกว่าไม่ได้คุยกัน”
ไม่เหนื่อยจีบ แต่เหนื่อยเถียงมากกว่า
“ไม่เหนื่อยหรอก เหนื่อยตรงที่เถียงกันมากกว่า (หัวเราะ) (ทำไมอยู่ดีๆ ถึงคลิกกัน?) ไม่มีครับ เรายังไม่ได้คลิกกันอะไรขนาดนั้น”
ที่บอก 12 สิงหาเป็นแฟนกัน อันนั้นเป็นมุก เพราะอยากให้เป็นวันของครอบครัวมากกว่า
“ไม่ใช่ๆ ที่เขาเล่นมุก 12 สิงหา ตัวผมก็ไม่ได้ให้ ผมรู้สึกว่าวันนั้นเป็นวันของครอบครัว ตัวผมอยากมองว่าเออ 13 ก็ได้ (หัวเราะ) ถ้าจะคบ ตัวเราไม่จำเป็นต้องระบุวันขนาดนั้น แค่ว่าคุยกันก็มีความสุขก็โอเคแล้ว เขาเป็นคนน่ารักๆ ชอบพิมพ์อะไรน่ารักๆ”
ตัดสินใจจีบเพราะน่ารักนิสัยดี และชอบร้องเพลง ชอบทำดนตรีเหมือนกัน
“ผมว่าน่ารักนั้นแหละแล้วก็นิสัยดีเขาชอบร้องเพลงด้วย ชอบทำดนตรี ผมเป็นคนชอบเวลาเขาร้องเพลงมากๆ เพราะเขาร้องเพลงเพราะมากก็อยากให้หลายคนได้เห็นด้านเขาร้องเพลง เก่งมาก”
ไม่รู้อะไรที่ทำให้เขายอมเป็นแฟน คงเพราะคุยกันแล้วมีความสุข
“ไม่มี ผมหล่อเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว (หัวเราะ) ผมหยอกๆ คือผมรู้สึกว่ามันแปลกตรงที่เราไม่ได้คลิกกันได้ทุกเรื่อง เราไม่ได้คุยกันได้ทุกเรื่อง เรามีความเห็นไม่ตรงกัน แต่น่าจะเป็นคำตอบง่ายๆ เลยคือ มันอาจจะแค่มีความสุขในการคุยกันมันก็โอเคแล้ว”
มีทะเลาะกันบ้างเป็นเรื่องปกติ
“มีบ้าง การคุยไม่รู้เรื่องของเรา แต่สำหรับผมมันเป็นเรื่องปกติมาก จริงๆ ผมไม่ได้อายุน้อยกันแล้วนะทั้งคู่แค่รู้สึกว่าถ้างานไหนความคิดไม่ตรงกัน เราแค่ไม่ทำแค่นั้นเอง”
คนแซวเยอะตั้งแต่ก่อนเปิดตัว แต่ไม่อยากหวือหวา เพราะตัวอย่างมีให้เห็นหลายคู่
“แซว จริงๆ แซวตั้งนานแล้ว ตั้งแต่ตอนไม่ได้คุยและตอนคุย ผมรู้สึกว่าเป็นอะไรที่น่ารัก แต่สิ่งสำคัญที่สุดเลย อาจจะไม่ได้เห็นผมหวือหวามาก ต้องลงอะไรเยอะ เพราะผมรู้สึกห่วงความรู้สึกคนนะ ถึงเราจะมั่นใจในการคุยกันแค่ไหน มั่นใจในความมั่นคงแค่ไหน แต่ผมยังรู้สึกว่ามันมีตัวอย่างให้เห็นหลายๆ คู่ ตัวผมรู้สึกว่าไม่ต้องหวือหวาอะไรเกิน เพราะเดี๋ยววันหนึ่งพอคุณผิดหวังไป เราเดาไม่ถูกหรอกชีวิตของคนจะเป็นอย่างไรบ้าง รอให้เวลาเป็นตัวที่ค่อยๆ ทำให้เห็นมากขึ้นๆ ดีกว่า”
ยังไม่เคยเรียกแฟน แต่สถานะเหมือนแฟนทุกอย่าง
“ผมไม่เคยเรียกแบบนั้นเลย ตัวผมไม่เคยเรียกแบบนั้น แต่สถานะมันเหมือนกัน สถานะมันไม่ต่าง สถานะเหมือนแฟน (ทำทุกอย่างเหมือนแฟนกัน?) เหมือน สำหรับผมเหมือนเรากลับมาคุยกันครั้งนี้ ก็คือเหมือน เราต่างคนไม่ได้มีใคร เราคุยกันแค่สองคน แล้วก็คือมันไม่ต่างผมไม่รู้จะพูดยังไง ถามว่าจะให้พาดหัวยังไง จริงๆ วันนั้นเห็นทุกคนพาดว่าเปิดตัว วันนั้นเหมือนน้องๆ มาถามผมในไลฟ์ ผมก็ไม่รู้จะตอบยังไงเลยตอบจริงๆ สภาพของเราสองคนมันไม่ใช่เด็กที่มากุ๊กกิ๊กแล้ว สำหรับผมผมว่ามันไม่ต่างจากแฟนแล้วแค่ทุกอย่างใครจะเลือกอะไรก็ได้เลย ผมมีความสุขที่ได้คุยได้เจอ (ชุ่มชื่นหัวใจ?) ดีมากๆ ครับ”
มีเรียกว่าที่รักบ้างบางครั้ง ส่วนฝ่ายหญิงเรียกว่าพี่
“เคยมีเรียกบ้างครับผม (ยิ้ม) น่าจะเรียกตัวเองนะ เขาก็เรียกผมพี่”
ยันไม่ใช่คนโกหก คบกันจริงไม่ใช่คอนเทนต์
“ไม่ใช่ๆ ผมเป็นคนไม่โกหกคนอยู่แล้ว เหมือนผมบอกความรู้สึกเราเป็นยังไงก็บอกแบบนั้น เราคุยกันยังไง เราตกลงอะไรกัน เราให้เกียรติซึ่งกันและกัน มันเป็นตามที่ผมบอก”
ถามสภาพผมมีคนอกหักด้วยเหรอ หลังมีคนบอกทำสาวๆ อกหักทั้งประเทศ
“สภาพผมมีคนอกหักด้วยเหรอ (หัวเราะ) ไม่หรอก ผมรู้สึกว่าผมอายุเยอะแล้วและก็ไม่ได้มีคนคุยแบบนี้มานานมากด้วย ผมก็รู้สึกว่าทุกคนก็ยินดีกับพวกเราด้วย (ยิ้ม) เหมือนเวลาผมเห็นคู่ใครเราก็ต้องยินดีกับเขา”
ยังไม่มองถึงเรื่องแต่งงาน แค่ทำงานคู่กันให้ได้ก่อน
“(หัวเราะ) เรื่องแต่งงานต้องดูให้รอดก่อน ต้องให้สองคนอยู่กันรอดก่อน ถามว่ามองเห็นภาพเขาเป็นเจ้าสาวไหม ผมว่าต้องเห็นภาพที่ทำงานคู่กันให้ได้ก่อน ไม่เถียงกัน แล้วก็คุยกันรู้เรื่อง เคลียร์ทุกอย่างก่อน แล้วอันนั้นก็เป็นเรื่องของอนาคต ตัวผมอาจจะอายุเยอะกว่าเขา อาจจะต้องให้เวลาอะไรอีกหลายๆ อย่าง”
เคลียร์ปมดรามาแฟนเก่า “เก๋ไก๋” เปิดตัวแฟนใหม่พร้อมกัน
“ผมเห็นแล้ว ตัวผมก็ได้ไปดูแต่ผมมองว่ามันไม่ใช่เรื่อง คือทุกคนต้องให้เกียรติกัน แล้วก็ต้องมองว่าถ้าเขาเป็นคู่ที่น่ารัก เราต้องเปิดใจ คือทุกคนน่ารักหมด ถ้าทุกคนได้ทำงานด้วยกัน หรือว่าส่งเสริมกัน เราก็ต้องให้กำลังใจกัน แล้วก็ยินดีกับใคร ผมโตแล้วผมอายุ 30 จริงๆ ไม่ได้คิดอะไรเรื่องพวกนี้เลย
ส่วนตัวผมก็ได้อ่านคอมเมนต์ ผมอยากให้ผ่อนคลาย อย่าไปเครียด อย่าไปเปรียบเทียบ แล้วก็รู้สึกว่าเราต้องให้เกียรติทุกคน คือถ้าใครดูอะไรแล้ว เราแค่อยู่เฉยๆ ไปก็ได้ ผมรู้สึกว่าเราต้องให้เกียรติกันอยู่แล้ว แล้วเขาก็ไม่ได้มาโจมตีอะไรฝั่งผมเลย ฟังเขาก็น่ารักในแบบของเขา ต้องเปิดใจให้เกียรติกันและกัน”
