วันที่ 20 ส.ค.นี้ ก็จะรู้พร้อมกันทั่วประเทศ ว่าสาวงามคนใดจะเป็นเจ้าของตำแหน่ง “มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2023” และเป็นตัวแทนสาวไทยเพียงหนึ่งเดียวไปประกวด “มิสยูนิเวิร์ส 2023” ที่ประเทศเอลซัลวาดอร์ ในเดือนธันวาคม ปีนี้
ยิ่งเข้าสู่โค้งสุดท้ายยิ่งบีบหัวใจแฟนนางงามเพราะปีนี้มีการเปลี่ยนแปลงกฎกติกาการประกวดใหม่หลายอย่าง โดยมีการเปิดกว้างให้คนที่แต่งงานแล้ว แม่หม้าย และผู้หญิงข้ามเพศสามารถเข้าประกวดได้ อีกทั้งเป็นปีแรกที่มีการคัดเลือกตัวแทนแบบ 77 จังหวัด และให้สาวงามตัวแทนในระดับจังหวัดมาประกวดในระดับประเทศ ซึ่งปีนี้มี 6 สาวที่มาแรงแซงขึ้นตัวเต็งที่แฟนนางงามเทใจให้ เรียกว่ามงฯ อยู่แค่เอื้อม เมื่อให้พวกเธอลองให้คะแนนตัวเองคิดว่าอะไรที่ทำให้กลายเป็นตัวเต็งและเหมาะสมกับตำแหน่ง “มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2023” 6 ตัวเต็งก็ได้พูดถึงตัวเองอย่างตรงไปตรงมา
เริ่มที่ “แอน แอนโทเนีย โพซิ้ว” MUT 31 ตัวแทนจากจังหวัดนครราชสีมา อายุ 26 ปี ลูกครึ่งไทย-เดนมาร์ก ดีกรี Miss Supranational Thailand 2019 และเป็นผู้ครองตำแหน่ง Miss Supranational 2019-2020 ถึง 2 ปีซ้อน เนื่องจากสถานการณ์โควิดทำให้ปี 2020 ไม่สามารถจัดประกวดได้ มีตำแหน่งระดับโลกการันตีขนาดนี้จึงไม่แปลกที่แอนโทเนียจะมีชื่อรอจับมือบนเวที
“แอนเชื่อว่าการที่มีตัวเต็ง มันเป็นอะไรที่ขโมยกระแสจากคนอื่น ที่เข้ามาประกวดด้วยค่ะ แอนคิดว่าทุกคนเป็นตัวเต็งในมุมมองของทุกคนที่มอง แล้วแอนอยากให้สื่อและแฟนๆ นางงามทุกคน เอาโอกาส เอาแสงมาให้ทุกคนที่เข้าประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ปีนี้ด้วย เพราะทุกคนมีโอกาส มีความสามารถที่เก่งมากค่ะ ก็ต้องขอบคุณทุกคนที่คิดว่าแอนเป็นตัวเต็ง แอนก็จะพยายามทำให้ดีที่สุดอยู่แล้วนะคะ”
“(อะไรที่ทำให้เราเป็นตัวเต็ง?) แอนคิดว่าการที่แอนเป็นตัวของตัวเองมากที่สุด และแอนพยายามไม่เป็นคนอื่น ไม่เฟก แล้วก็ทำให้คนเชื่อว่าแอนดูเข้าหาง่าย ซึ่งก็จริงค่ะ”
เมื่อถามว่าอะไรที่ทำให้ตนเองหมาะสมที่จะได้ตำแหน่งนี้ แอนก็บอกว่า
“ก็มีหลายอย่างเนอะ (หัวเราะ) แอนเห็นตัวเองว่าธีมของปีนี้ เหมาะสมกับจุดที่แอนอยู่ในชีวิตของแอนตอนนี้ค่ะ แอนเป็นลีดเดอร์ เป็นอินโนเวชั่น แอนมีบริษัทของตัวเอง ซึ่งดูแลหลายอย่าง ต้องมีแรงบันดาลใจที่จะทำผลิตภัณฑ์ใหม่ ที่ช่วยเหลือสังคมและสิ่งแวดล้อม แอนเป็นคนที่ไม่กลัวที่จะแสดงความคิดเห็น และไม่กลัวที่จะเป็นคนแรกที่จะลองอะไรใหม่ๆ แอนเชื่อว่าการที่เราจะเป็นนางงาม หรือเป็นมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ เราต้องเป็นผู้นำและเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนรอบข้างเราค่ะ”
แรงไม่แผ่วมีแววสวมมงฯ “แจสซี่ กิระนา จัสมิน ชูว์เทอร์” MUT 20 ตัวแทนจากจังหวัดแม่ฮ่องสอน อายุ 24 ปี เป็นลูกครึ่งไทย-อังกฤษ เจ้าตัวแจ้งเกิดจากการประกวด The Face Thailand และปีนี้แจสซี่มาตามล่ามงกุฎ แม้จะเป็นเวทีแรกของการประกวดนางงามแต่เจ้าตัวก็ทำได้ดีจนถูกจับตามองว่าคนนี้แหละจะเป็นตัวแทนสาวไทยไปจักรวาล
“ถามว่าอะไรที่ทำให้คิดว่าตัวเองเป็นตัวเต็ง คือหนูมองว่าด้วยเอเนอร์จี้และพลังงานบวกที่ค่อนข้างใหม่ในเวทีนางงาม ในสมัยนี้มันยากแล้ว ที่เราจะแบ่งว่านางงาม นางแบบ นักแสดง แต่ถึงที่สุดแล้ว เราเป็นผู้หญิงที่อยากจะแสดงพลัง แล้วก็อยากทำงานให้คนวงกว้างได้เห็น ดังนั้นด้วยเอเนอร์จี้และประสบการณ์ที่แจสซี่มีอยู่แล้ว แจสซี่มองว่าเป็นอะไรสดใหม่ และอาจจะด้วยทัศนคติ และสิ่งแวดล้อมของแจสซี่ตั้งแต่เด็ก ที่ทำให้สมองแจสซี่ค่อนข้างไว ตอบคำถามได้ เดินได้ แล้วก็ค่อนข้างน่ารักนะ ฉันว่าฉันครบนะ”
“แจสซี่มองว่าเสน่ห์ของแจสซี่คือสมอง แกนหลักคือสมอง ส่วนสิ่งต่างๆ ที่แจสซี่ทำได้ ไม่ว่าจะเป็นการเดิน ที่แจสซี่ขอบคุณนะคะที่คนชม แล้วก็การแต่งกาย ซึ่งมันเป็นแค่ปีกภายนอก แต่แกนหลักสำคัญของผู้หญิงที่ชื่อว่า แจสซี่ กิระนา จัสมิน ชูว์เทอร์ ก็คือความคิด สมอง แล้วก็อะไรที่ใหม่ ที่จะเอามาบนเวทีนางงามค่ะ แจสซี่มองว่าผู้หญิงที่เก่งมีเยอะ แต่ว่าเวทีนางงามจะไม่เหมือนเดิม TPN จะไม่เหมือนเดิม ถ้าแจสซี่ได้มงฯ (ยิ้ม)”
“สิ่งที่แจสซี่ภูมิใจในตัวเอง คือไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในชีวิต แจสซี่ไม่เคยมองตัวเองเป็นผู้ถูกกระทำ ตั้งแต่วัยเด็กแล้ว หรือว่าหลายๆ อย่างที่เกิดขึ้น แจสซี่จะมองว่ามันเป็นบทเรียนมากกว่า และพร้อมที่จะพัฒนา ที่จะเรียนรู้ และไม่เคยอยู่ในจุดมืดนานเกิน พร้อมที่จะเป็นแรงบันดาลใจให้ และแม้หลายคนมองว่าแจสซี่เข้าถึงยาก เข้าถึงไม่ค่อยได้ แต่ในหลายๆ ทางถ้าคุณยอมอ้าแขน ยอมเปิดใจ เราก็เป็นมนุษย์เหมือนกันค่ะ ก็คิดว่านี่แหละ เป็นเหตุผลที่ทำให้แจสซี่สมควร แต่ก็เป็นเหตุผลที่คนก็ซัปพอร์ตแจสซี่ค่ะ”
มาเพื่อแก้มือ “วีนา ปวีนา สิงห์ทักวาล” MUT 04 ตัวแทนจากจังหวัดภูเก็ต อายุ 27 ปี เชื้อชาติ อินเดีย สัญชาติ ไทย พูดได้ 3 ภาษา อังกฤษ รัสเซีย ไทย มีตำแหน่งเต็มมือ ทั้ง รองอันดับ 2 มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2018 และรองอันดับ 1 มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2020 แม้จะแต่งงานแล้วกับสามีนักธุรกิจ “หาญเจริญ สิงห์ทักวาล” แต่วีนาก็ไม่ทิ้งความฝันที่จะไปจักรวาลเพื่อลบตำนานนางรองให้ได้ซะที
“วีนาคิดว่าวีนาเหมาะสมที่จะเป็นมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ปีนี้นะคะ เพราะว่าวีนามีความอดทน มีความมุ่งมั่น แล้ววีนาก็ไม่ยอมแพ้ค่ะ คุณสมบัติเหล่านี้แหละ ที่จะทำให้คนคนหนึ่งไปถึงฝันได้ มันไม่ใช่เพียงแค่ฝันอย่างเดียวแล้วไม่ลงมือทำค่ะ การวางแผนแล้วลงมือทำในทุกๆ วันให้เต็มที่ นั่นแหละจะทำให้ความฝันสำเร็จ แล้ววีนาก็ขอบคุณแฟนๆ ทุกคนที่เป็นกำลังใจและโหวตให้วีนาได้รางวัลด้วยนะคะ วีนาจะทำเต็มที่ให้มากที่สุด แล้วก็จะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังแน่นอนค่ะ”
“ก็จะทำทุกวันให้เต็มที่ค่ะ แล้วก็ฝึกซ้อมทุกวัน เพื่อที่ว่าเราจะได้พร้อมที่สุดสำหรับวันไฟนอล แล้วก็ถึงเส้นชัยที่เราคาดหวังไว้ค่ะ (การมีชื่อในตัวเต็ง มันสร้างแรงผลักดันให้เรายังไงบ้าง?) ก็สร้างแรงผลักดันมากเลยนะคะ เพราะมันเป็นแรงผลักที่ดีมากๆ ทำให้เรามีกำลังใจ ที่จะทำงานต่างๆ ให้ดีมากยิ่งขึ้นในแต่ละวันค่ะ สิ่งที่สำคัญเลยมีแฟนๆ น่ารักนะคะ แล้วก็ให้กำลังใจวีนา มันทำให้เรารู้สึกว่ามีความสดชื่น มีคนคอยคิดตามเราผลงานเราอยู่ ก็ยิ่งอยากจะทำให้ดีขึ้นค่ะ”
นอนมาอีกคนคือสาวหน้าไทย “นลิน ฉัตร์ณลิณ โชติจิรวราฉัตร” MUT 27 ตัวแทนจากจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ อายุ 19 ปี แม้ในเส้นทางนางงามของเจ้าตัวจะไม่สวยงามมากนัก เพราะในอดีตเคยโดนปลดจากตำแหน่งรองอันดับ 1 มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2017 แต่มาปีนี้นลินกระโดดข้ามเวทีมาประกวดอีกครั้งเพื่อพิสูจน์ตัวเอง
“สิ่งที่ลินรู้สึกว่า ทำให้ลินมาถึงเป้าหมายได้และจะคว้ามงฯ ได้ ก็คือความเป็นตัวลินทั้งหมดเลย ความมีวุฒิภาวะในตัวเอง มีความรับผิดชอบ แล้วก็รักในสิ่งที่ทำ เหมือนเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ บางทีมันอาจจะดูฟังแล้วนิยายนะ แต่คือมันเป็นสิ่งเดียว ที่รู้สึกว่าทำแล้วมีความสุข และรู้สึกว่าเราเกิดมาเพื่อสิ่งนี้จริงๆ และถึงแม้ว่าเราไม่ได้พยายาม แต่เราก็ทำมันออกมาได้ดี แล้ววันนี้ลินพยายามมากๆ ลินรู้สึกว่ามันไม่ไกลเลย ที่ลินจะเอามงฯ มาให้ได้”
“ความที่ลินเป็นคนไม่คิดอะไรซับซ้อน ลินถามมาตอบไป ในเรื่องของคำถาม ในเรื่องของเพอร์ฟอร์แมนซ์ ลินก็ฝึกอย่างจริงจัง แล้วก็ชอบอย่างจริงๆ ค่ะ ตั้งแต่เด็กจนโต มันทำให้เรารู้สึกอยากทำอะไรเพื่อสังคมจริงๆ ไม่ใช่แค่อยู่ดีๆ วันหนึ่งเราอยากประกวด เพราะเวทีนี้หานางงามที่อยากจะทำเพื่อสังคม แล้วเราอยากเป็นนางงาม เราต้องหาอะไรมาเพื่อจะทำเพื่อสังคม มันเกิดจากปัญหาที่เราเจอ เกิดจากเพื่อนๆ ของเรา ที่ประสบพบเจอมาค่ะ”
“ลินมั่นใจตั้งแต่วันที่ลงประกวดเลยค่ะ เพราะถ้าไม่มั่นใจคงไม่มา แต่ยังไงก็ตาม ถ้าสมมติว่าอะไรมันเกิดขึ้น มันก็เหมือนแข่งขันกีฬา มันมีแพ้มีชนะ เราก็เตรียมใจไว้อยู่แล้ว สุดท้ายความผิดพลาด มันก็เป็นอีกขั้นหนึ่ง ที่ทำให้เราโตไปเป็นผู้ใหญ่และรู้ว่าต้องกลับมาแก้ไขอะไร (คิดว่าตัวเองทำได้ดีแล้วใช่ไหม?) ใช่ค่ะ แต่ก็จะทำให้ดีกว่านี้ค่ะ ถ้าทุกคนมองว่ามันไม่ดี (หัวเราะ)”
การมีชื่อเป็นตัวเต็ง สร้างแรงผลักดันให้นลินเป็นอย่างมาก
“มีกำลังใจอยู่แล้วค่ะ เพราะมาตราฐานของทุกคนเวลาเขามองนางงาม เชื่อว่าแฟนๆ นางงามทุกคนดูนางงามมาเยอะมากๆ เวลาเขามองมาแล้วบอกว่าเราเป็นตัวเต็ง ก็แน่นอนว่ากำลังใจมาเต็มร้อย และทำให้เราพัฒนาตัวเองในทุกๆ วัน แต่ว่าจะไม่ได้พัฒนาในเรื่องการเอาใจ ลินก็ยังคงมาตราฐานของความเป็นลินอยู่ สังเกตจากการเดิน การพูดของลิน ลินก็ยังเป็นตัวลินอยู่ หน้ากล้องหลังกล้องก็เป็นเหมือนเดิมค่ะ ลินว่าเสน่ห์ของลินคือตรงนี้ที่สุดแล้วค่ะ”
ออร่าจับติดโผตัวเต็ง “เจนนี่ เจนนิเฟอร์ โจนส์” MUT 37 ตัวแทนจากจังหวัดสุราษฎร์ธานี ลูกครึ่งไทย-อเมริกัน อายุ 23 ปี จบการศึกษาปริญญาตรี คณะมนุษยศาสตร์ สาขาวิชาภาษาเพื่อการสื่อสาร (หลักสูตรนานาชาติ) สาขาวิชาภาษาอังกฤษ - ภาษาฝรั่งเศส จากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว.) สามารถสื่อสารได้ 3 ภาษา ไทย อังกฤษ ฝรั่งเศส คนนี้ก็จึ้ง
“ที่ผ่านมา ที่เริ่มเก็บตัวที่ขอนแก่น เจนนี่ก็เห็นโพลเยอะมาก ที่บอกเจนนี่เป็นตัวเต็ง ติด Top 5 แน่นอน คือเจนนี่ก็พยายามทำให้เต็มที่ในทุกๆ วันนะคะ เจนนี่ไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นตัวเต็งหรือว่าม้ามืดเลย เพราะเจนนี่คิดว่าการเป็นตัวของตัวเองนี่แหละค่ะ ดีที่สุด เราทำเต็มที่ในทุกๆ วัน อย่างวันนี้เราเต็มที่ พรุ่งนี้เราก็ต้องเต็มที่กว่าเมื่อวาน ทำให้ดีกว่าเมื่อวาน ซึ่งเจนนี่ก็จะค่อยๆ ไปเรื่อยๆ มันทำให้เจนนี่พัฒนาตัวเองในทุกๆ วัน เพราะเรารู้ว่าเรายังต้องพัฒนาอีกเยอะเลย คนอื่นเขาซ้อมกันเท่านี้ เราต้องซ้อมให้มากกว่าคนอื่นเขามากๆ ด้วยความที่ประสบการณ์เรามีไม่เท่าเขา ก็พยายามทำเต็มที่ในทุกๆ วันค่ะ”
“ก็จริงๆ แล้วตอนแรกเจนนี่อาจจะยังไม่ได้หวัง แต่พอเรามาเกินครึ่ง เจนนี่เชื่อว่าเกินครึ่งของสาวงามหวังมงฯ อยู่แล้วค่ะ เจนนี่ก็เป็นหนึ่งในนั้น ซึ่งเจนนี่ยังมองว่า เจนนี่ต้องเพิ่มเอเนอร์จี้กว่านี้ ไม่อยากทำให้ทุกคนผิดหวัง จริงๆ มันก็มีแรงกดดัน มีความกังวลหลังบ้าน แต่เจนนี่ก็พยายามปล่อย แต่ปล่อยแบบโฟกัสนะคะ ไม่ใช่ปล่อยจอย (หัวเราะ) เจนนี่พยายามทำให้เต็มที่ เพราะเราไม่อยากกดดันตัวเอง พยายามเอ็นจอยในทุกๆ วันค่ะ”
เมื่อถามว่าพอทราบใช่ไหมว่าตนเองมีดีหลายอย่าง แต่ที่ต้องเติมคือเอเนอร์จี้ เจนนี่ก็ยอมรับในจุดนี้
“ใช่ ต้องมีเอเนอร์จี้ เรามีร้อย แต่เราต้องเพิ่มไปร้อยยี่สิบ สามร้อยไปเลย (จะเพิ่มยังไงดี?) มันก็หลายๆ เรื่อง เริ่มที่ทางกายภาพ เราต้องพักผ่อน แฮชแท็กนางงามควรนอนค่ะ ต้องพักผ่อนให้เพียงพอ คือตั้งแต่เก็บตัวมาพักผ่อนน้อยมากๆ เลย แล้วเจนนี่กับสาวงามทุกคน ก็ต้องพยายามหาวิตามินมากิน เพราะเราพักผ่อนน้อย แล้วก็เรื่องของสุขภาพจิตก็สำคัญมากๆ คือเจนนี่ก็เป็นคนไม่ค่อยสนใจคอมเมนต์ลบ คือมันมีอยู่แล้วทั้งคอมเมนต์ดีและไม่ดี แต่คนรอบข้างเราสำคัญมากๆ เป็นกำลังใจสำคัญให้เรามีสุขภาพจิตที่ดี ที่จะจัดการกับความรู้ตัวเองได้ เวลาที่เราเจอคอมเมนต์ลบ”
คู่แข่งที่น่ากลัวไม้แพ้กัน “น้ำอิง สุทธิดา เอียดปู” MUT 25 ตัวแทนจากจังหวัดนครศรีธรรมราช สาวน้อยวัย 18 ปี ดีกรีว่าที่นักศึกษาทุน คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ นอกจากความสวยแล้วต้องปรบมือให้กับหัวใจของน้ำอิงด้วย เธอเป็นเด็กเรียนเก่งใฝ่ดี สู้ชีวิตแม้ฐานะครอบครัวไม่พร้อม พ่อมีอาชีพรับจ้างก่อสร้าง ส่วนคุณแม่ทำอาหารขายหน้าโรงเรียน แต่น้ำอิงก็ไม่เคยย้อท้อต่อโชคชะตา พยายามผลักดันตัวเองขึ้นมาให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
“ก่อนอื่นอิงก็ต้องขอบคุณทุกคนนะคะ ที่เห็นว่าอิงมีความสามารถมากพอ ที่จะเป็นมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ประจำปีนี้ได้ อิงคิดว่าสิ่งหนึ่งที่ทำให้หลายๆ คนได้เห็น นั่นก็คือความเป็นตัวของอิง การประกวดครั้งนี้อิงเป็นเด็กที่อายุน้อยที่สุด แต่อิงเชื่อว่าความสามารถของอิง ทักษะด้านการเดิน การตอบคำถาม และความตั้งใจ ก็ไม่แพ้ใครเลยนะคะ แล้วก็ความเป็นไทยของอิง ที่เป็นไทยแท้ อิงคิดว่าแฟนๆ นางงามหลายคน ก็อาจจะรอคอยให้สาวไทย หน้าไทยแบบคมเข้ม ได้ไปยืนบนเวทีระดับโลก อิงก็หวังว่าอิงจะได้เป็นคนนั้นนะคะ แล้วก็ทำเพื่อแฟนๆ ชาวไทยทุกคนค่ะ”
“การมีชื่อติดโผมันเป็นกำลังใจให้อิงมากๆ เลยนะคะ แล้วก็สร้างแรงผลักดันให้อิง ว่าเราจะต้องตั้งใจทำทุกๆ กิจกรรมให้ดี ให้สมกับที่แฟนๆ ทุกคนคอยเชียร์แล้วก็ให้กำลังใจค่ะ ตอนนี้ในทุกๆ วัน ความมั่นใจของอิงเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ทุกวันเลยค่ะ ไม่มีวันไหนที่ความมั่นใจลดค่ะ เพราะว่าอิงคิดว่าทุกๆ วันคือวันสำคัญของอิงนะคะ แล้วก็อิงก็มั่นใจในทุกวันค่ะ”