xs
xsm
sm
md
lg

“เกรท สพล” เผยมุมมอง ผู้ชายมีความรักไม่จำเป็นต้องเปิดตัว “โฟร์-ก้อย” แค่เคยสนิท! มีคนทำให้กระชุ่มกระชวยแล้ว (คลิป)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“เกรท สพล” เผยเป็นคนไม่อยากพูดเรื่องความรัก ถือเป็นเรื่องส่วนตัวที่ไม่จำเป็นต้องมาประกาศลงโซเชียลให้ใครรู้ ยอมรับมีปัญหากับ “โฟร์ ศกลรัตน์” แต่ตอนนี้กลับมาคุยทักทายกันปกติแล้ว และเป็นแค่ระยะเวลาสั้นๆ ที่เป็นสาวคนสนิทที่สุด ส่วน “ก้อย อรัชพร” ก็เป็นเพื่อนสมัยมัธยม แต่เริ่มมาสนิทกันตอนถ่ายซีรีส์เท่านั้น รับเป็นผู้ชายที่ไม่โรแมนติก วันพิเศษไม่สำคัญ เพราะทุกวันคือวันสำคัญอยู่แล้ว



เรียกได้ว่าเป็นหนุ่มในฝันของสาวๆ หลายคนเลยทีเดียว สำหรับนักแสดงหนุ่ม “เกรท สพล อัศวมั่นคง”ซึ่งที่ผ่านมาแทบจะไม่ค่อยเห็นข่าวเรื่องความรักของหนุ่มเกรทออกมาสักเท่าไหร่ แต่ก็กลายเป็นข่าวดัง หลังจากที่ยอมรับว่าซุ่มคบนักร้องสาวรุ่นพี่ “โฟร์ ศกลรัตน์ วรอุไร”แต่ไม่ได้บอกใคร ก่อนถูกฝ่ายหญิงบล็อกอินสตาแกรม ล่าสุดได้เจอหนุ่มเกรทในงานเปิดสัมภาษณ์พิเศษภาพยนตร์เรื่อง Postman ไปรษณีย์ 4 โลก เจ้าตัวก็เผยว่าตอนนี้มีสาวคนพิเศษที่ทำให้หัวใจกระชุ่มกระชวยแล้ว

“หัวใจตอนนี้ยังดีอยู่ครับ ไขมันยังไม่อุดตัน ก็มีเข้ามาเรื่อยๆ แหละครับ แต่ก็มีคนที่สนิทครับ ที่ติดต่อบ่อยหน่อย ที่คุยด้วยเยอะหน่อย เพราะผมเป็นคนที่ไม่ค่อยตอบไลน์ใครเท่าไหร่อยู่แล้ว คือเห็นว่ามีไลน์มาแหละ ก็คิดว่าเดี๋ยวจะตอบ สุดท้ายก็ลืม (หัวเราะ)ก็กลายเป็นสายดองไลน์ แต่คนที่สนิทก็จะตอบเขาบ่อยหน่อย ก็เรียกว่ามีคนที่คอยเป็นกำลังใจให้กระชุ่มกระชวยได้บ้างครับ

แต่ผมไม่ใช่สายเปิดตัวอยู่แล้วครับ ตั้งแต่สมัยเรียนผมมีแฟนแต่ก็ไม่ได้ลงโซเชียลมีเดียอะไร แต่ก็ไม่ได้ปิดนะครับ ไปไหนมาไหนเราก็เปิด สมัยก่อนตอนผมเด็กๆ เพื่อนยังไม่รู้เลยว่าผมมีแฟน คือเหมือนตอนที่เราเลิกไปแล้ว เพื่อนก็มาถามว่าอ้าว มึงมีแฟนเหรอ มีตอนไหน ก็จะมีแบบนี้ด้วย คือเพื่อนบางคนจะรู้ แต่เพื่อนบางคนก็จะไม่รู้ เพราะผมคิดว่าก็ไม่จำเป็นต้องมาบอกคนนั้นคนนี้ ผมก็ใช้ชีวิต ใช้เวลาอยู่กับเขาซะมากกว่า

ยอมรับมีปัญหากับ “โฟร์” แต่เป็นก่อนที่จะมีข่าวออกมา
“กับพี่โฟร์เรียกว่าตอนนั้นเป็นคนที่สนิทที่สุดครับ เพราะเริ่มรู้จักกับพี่เขาตอนที่เริ่มถ่ายยูทิวบ์ ก็เลยขอเขาว่าพี่ครับ มาถ่ายช่องผมหน่อย ก็เริ่มได้คุยกันมากขึ้นว่าต้องทำยูทิวบ์อะไรยังไง ก็เลยเป็นช่วงที่เราจะคุยกับเขาบ่อยมากขึ้น ก็เจอ กินข้าว นัดกับเพื่อนๆ บ้าง ถ้าเวลาเราตรงกันก็ชวนคนนั้นคนนี้ไป ก็เรียกว่าเป็นคนที่สนิทที่สุดในช่วงนั้น ระยะเวลาคิดว่าไม่น่าจะถึงปีครับ เป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ แต่ก็ไม่ได้ตัดขาดอะไรไปเลยนะครับ เพราะยังมีถามไถ่กันอยู่ว่าเป็นอะไรยังไงบ้าง

แต่ที่ทางเขาบล็อกไอจีผม เพราะตอนนั้นมันก็มีกระทบกระทั่งกันบ้าง เรียกว่ามันมีโน่นนี่ขึ้นมา คนก็เลยเริ่มมาไล่ดู เพราะปกติคนก็จะไม่ค่อยมาสนใจเรื่องความรักของผมสักเท่าไหร่อยู่แล้ว (หัวเราะ) พอมาดูก็เลยเห็นว่าทำไมถึงไม่ได้ฟอลโลว์กัน เป็นเพราะอย่างนั้นอย่างนี้หรือเปล่า คือมันมีเรื่องก่อนหน้านั้นมาสักพักนึงแล้ว ก็เลยเกิดอันนี้ขึ้นมา ก็โอเค ไม่ได้อะไร แต่ที่เขาโพสต์สตอรี่ตอนนั้นผมก็ไม่แน่ใจว่าหมายถึงผมหรือเปล่า แต่คิดว่าไม่น่าใช่ เพราะมันมีปัญหาก่อนหน้านั้นมานานมากแล้ว แต่ตอนนี้ก็ยังมีคุยกันอยู่ ไม่ได้ตัดขาดกันไป แต่ไม่ค่อยได้เจอกันครับ ช่วงแรกๆ ที่มีข่าวก็ได้คุยกันอยู่บ้างครับว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ไม่ได้อะไร เพราะมันไม่ได้มีอะไร ก็ปล่อยๆ ไปดีกว่า”

กับ “ก้อย อรัชพร โภคินภากร” สนิทกันจากกองถ่าย และเคยเรียนที่เดียวกันเท่านั้น
“ซึ่งที่มีเรื่องก้อยก็เป็นช่วงเดียวกันพอดีด้วย เราก็เลยไม่ได้พูดอะไร อยู่นิ่งๆ ไว้ก่อนดีกว่า เพราะผมก็ไม่รู้จะพูดอะไร มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกัน ผมก็ไม่ได้อยากออกมาพูดด้วย เพราะมันเกี่ยวกับคนอื่น มันมีคนอื่นเข้ามาโยงด้วย เราก็ไม่อยากไปพูดถึงคนอื่นเขาเยอะเพราะเราก็ไม่ได้รู้จักหรือว่าสนิทอะไรกับเขา และมันก็ไม่ได้เกี่ยวกันด้วย ผมเลยรู้สึกว่าเดี๋ยวมันจะไม่ดีมากกว่า

แต่กับคุณก้อยถามว่าสนิทกันไหม จริงๆ คุณก้อยเขาเป็นเพื่อนที่โรงเรียนมัธยมของผม คือแค่เจอหน้ากันเฉยๆ แล้วก็หายกันไปนานมากๆ มาเจออีกทีก็คือตอนที่ถ่ายซีรีส์ด้วยกัน ตอนที่เรียนมัธยมที่เดียวกันเราอยู่คนละกลุ่ม แต่ก็เห็นหน้าค่าตากันในโรงเรียน แต่พอได้มาร่วมงานกันในซีรีส์ก็ได้คุยกันมากขึ้น ได้เจอกันมากขึ้น ก็เลยอาจจะโดนมองว่าไปจีบ เพราะจริงๆ แล้วเวลาอยู่ในกองถ่ายผมก็จะคุยกับคนนั้นคนนี้ เล่นกับทุกคนเหมือนกันหมดเลย แล้วพอคนเห็นว่าเราคุยกัน สนิทกันหรือเปล่า ก็ไม่เกี่ยวกันนะครับ แต่เราก็ไม่ได้ออกมาพูด เพราะคิดว่าพูดไปแล้วก็ไม่น่าจะได้อะไรขึ้นมา”

ยอมรับเครียด แต่เลือกที่จะไม่พูดดีกว่า
“แต่ถามว่าเครียดไหมพอโดนเข้าใจผิด ผมก็เครียดเหมือนกันนะ แต่ผมรู้สึกว่าการที่ออกมาพูดหรืออะไรไปมันก็ไม่ได้ช่วยให้คนเปลี่ยนความคิดนั้นได้อยู่แล้ว เพราะถ้าคนมีความคิดแรกไปแล้วมันก็ยากที่จะเปลี่ยนแล้วแหละต่อให้เรื่องนั้นมันจะจริงหรือไม่จริง ถูกหรือไม่ถูก ผมก็เลยรู้สึกว่าเราไม่จำเป็นจะต้องมาพูดเรื่องนี้บ่อยๆ หรือออกมาพูดแก้ตัวอะไรก็ตาม เพราะผมว่าคนมันคิดไปแล้ว พูดออกมาแต่คนมีความเชื่อนั้นไปแล้ว ก็แล้วแต่ ปล่อยๆ ให้เวลามันเป็นตัวบอกดีกว่า

แฟนคลับผมก็ไม่ได้มีใครมาถามนะครับ ผมก็ไม่รู้ว่าเขาโอเคหรือเปล่านะ เขาอาจจะคิดว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวด้วยมั้งครับ บางอย่างเขาก็ไม่ได้อยากถามให้เรารู้สึกว่าโอเคหรือไม่โอเค ผมว่าน่าจะเป็นเรื่องนั้นมากกว่า เพราะเขาน่าจะรู้แหละว่าเราไม่ได้อยากจะพูดถึงเรื่องนี้ ไม่ได้อยากจะพูดถึงคนอื่น”

มองความรักเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่เคยคิดว่าจะต้องเปิดตัวลงโซเชียล
“ความรักสำหรับผม ผมรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวมากๆ ครับ เพราะตัวผมเองก็จะไม่พูดเรื่องคนอื่นด้วย ผมก็เลยรู้สึกว่าเราก็จะแฟร์ๆ กับทุกคน ว่าอันนี้เป็นเรื่องของคุณนะ เราก็จะไม่ยุ่ง ถ้าไม่มีใครเข้ามาถามหรือว่าปรึกษาอะไรผม ผมก็จะไม่ค่อยได้เข้าไปยุ่งกับเรื่องคนอื่นเท่าไหร่ หรือเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตใครอะไรยังไง บางทีผมยังไม่ค่อยรู้เลยครับ ตัวผมเองก็เหมือนกัน อย่างเรื่องส่วนตัวของผม บางทีผมก็ไม่ได้อยากเล่าหรือไม่ได้อยากพูดอะไรเท่าไหร่

ผมก็ไม่ได้คิดว่าจะต้องเปิดตอนแต่งงานไหม แต่ถามว่าอยากแต่งไหม อยากอยู่แล้วครับ อยากมีลูก แต่เรื่องเปิดตัวไม่ได้คิดเลยครับ (หัวเราะ)เพราะคิดว่าคบกันมันก็ไม่จำเป็นจะต้องมานั่งลงโซเชียล หรือประกาศให้ใครรู้ บางคนเขาอาจจะอยากบอกก็ได้ แต่สำหรับตัวผมมันไม่ได้มีความจำเป็น ผมก็เลยไม่ได้มีความคิดว่าเราจะต้องเปิดเมื่อไหร่ เปิดตอนไหน เพราะปกติเราก็ไม่ได้ปิดบังอยู่แล้ว แค่ไม่ได้ลงโซเชียลเท่านั้นเอง แต่คนอื่นเขาอาจจะมองว่าปิดบังก็ได้มั้งที่ไม่ลงโซเชียล”

บอกไม่ใช่คนโรแมนติก ไม่นิยมเทศกาล เพราะทุกวันคือวันสำคัญ
“ผมก็ไม่เชิงเป็นคนโรแมนติกหรอกมั้งครับ แต่ถ้ามีแฟนก็ค่อนข้างใส่ใจว่าเขาชอบหรือไม่ชอบอะไร พยายามเก็บรายละเอียดให้ได้มากที่สุด ถ้าเราว่างๆ ก็จะพยายามใช้เวลา ให้เวลากับเขา ตอบแชท เล่น คุยให้ได้มากที่สุด แต่เทศกาลอะไรต่างๆ สำหรับตัวผมมองว่ามันก็เป็นแค่วันๆ นึง ผมไม่ได้สนใจอยู่แล้วว่าปีใหม่ต้องไปไหน คริสต์มาสต้องอยู่ด้วยกันหรือเปล่า เราก็ใช้ชีวิตของเราไป เพราะถ้าเราให้ความสำคัญกับทุกวันอยู่แล้ว วันเทศกาลมันก็แค่วันธรรมดาๆ วันนึงมั้งครับ (หัวเราะ)

แต่เมื่อก่อนก็เคยโดนแฟนบ่นเหมือนกันครับ เขาก็แค่รู้สึกว่าอยากจะใช้เวลาในวันพิเศษมากกว่า แต่ผมคิดว่าวันปกติก็ใช้อยู่แล้วนี่ แต่เราก็ต้องค่อยๆ เปลี่ยนตัวเองไป พอโตมาเราถึงพอเข้าใจบ้างว่ามันจะต้องเอาใจเขามาใส่ใจเราบ้างในบางอย่าง ผมว่าสมัยเด็กๆ ผมน่าจะโรแมนติกกว่าตอนนี้นะ (หัวเราะ) ตอนเด็กๆ ผมชอบทำของขวัญเอง พอโตมาก็ไม่ค่อยทำแล้ว เพราะขึ้เกียจครับ (หัวเราะ)ก็เลยถึงบอกว่าตอนนี้ไม่ได้โรแมนติกเหมือนแต่ก่อน”













กำลังโหลดความคิดเห็น