xs
xsm
sm
md
lg

“หนิง ปณิตา” เผยพบจิตแพทย์ทั้งครอบครัว ทุกวันนี้เอาลูกเป็นหลัก แต่ยังอยู่บ้านเดียวกับ “จิน”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“หนิง ปณิตา” อัปเดตหลังขึ้นศาลฟ้องบุคคลที่ 3 ยังไม่ได้รับการติดต่อจากฝ่ายไหน ทุกวันนี้ยังอยู่บ้านเดียวกับ “จิน” แต่ใช้ชีวิตแบบเอาลูกเป็นหลัก ขอบคุณ “ณิริน” เป็นเด็กเข้มแข็ง พยายามเข้าใจและให้กำลังใจตลอด พบจิตแพทย์ทั้งครอบครัว เพื่อช่วยฮีลกันและกัน ดีใจ “เมย์ พิชญ์นาฏ” กำลังจะเป็นฝั่งเป็นฝา แก๊งเพื่อนไม่แย่งซีนเจ้าสาวแน่นอน

หลัง “หนิง ปณิตา ธรรมวัฒนะ” ขอใช้สิทธิ์ความเป็นเมียหลวง ขึ้นศาลฟ้องสาวบุคคลที่ 3 และศาลได้นัดไกล่เกลี่ยไปเมื่อวันที่ 4 ก.ค. แต่คู่กรณีกับเบี้ยวไม่ยอมมา ล่าสุดวันนี้ (15 ส.ค.) ได้เจอหนิง เจ้าตัวก็ได้อัปเดตความคืบหน้าให้ฟัง ว่าจนวันนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อมาจากฝ่ายไหนทั้งสิ้น แต่ยืนยันเดินหน้าต่อ

“ความคืบหน้าคือน่าจะยังเป็นวันเดิมอยู่นะคะ แต่ว่าโดยรายละเอียด ก็ยังไม่ได้ไปตามอะไรมากมาย ก็ยังไม่ได้มีการติดต่อกลับมาจากทางใดๆ ทั้งสิ้นค่ะ ถามว่ามีเรื่องอะไรมากระทบจิตใจเพิ่มไหม (หัวเราะ) ก็นิดหน่อย แต่ไม่ได้เป็นจุดที่ เอามาทำให้รู้สึกว่ามันจะแย่ลง หนิงว่าพอเวลามันเดินผ่านไปข้างหน้า มันก็จะเดินไปข้างหน้าได้แบบที่ดีขึ้นทุกวัน โชคดีของหนิงคือหนิงมีณิริน เขาเป็นเด็กที่พยายามที่จะเข้าใจและปรับตัว แก้ไขและปรับปรุง แล้วก็ให้กำลังใจ พอวันนี้เราเอาลูกเราเป็นหลักใหญ่ที่สุด มันก็เป็นกำลังใจ ที่ทำให้เรามองข้ามเรื่องอื่นไป”

ยังไม่ได้รับการติดต่อมาจากทางไหนทั้งสิ้น
“ไม่ได้รับการติดต่ออะไรมา จากทางไหนทั้งสิ้นค่ะ (ยังก็เดินหน้าเหมือนเดิม?) สำหรับตัวหนิงเองก็ยังเป็นเหมือนเดิมค่ะ ยังทำทุกอย่างตามที่ตั้งใจเอาไว้เหมือนเดิมค่ะ

เหนื่อย เซ็ง เบื่อ แต่ไม่เก็บมาเป็นอารมณ์ แค่เห็นรอยยิ้มของลูก ทุกอย่างก็เบาไปเลย
“จะบอกว่าไม่เหนื่อย ก็คงไม่ใช่ ก็รู้สึกเหนื่อย เซ็ง เบื่อ แต่ก็ไม่เอามาเก็บเป็นอารมณ์ค่ะ อย่างที่บอก เวลาเราเห็นรอยยิ้มของลูกเรา เราเห็นความพยายามเข้าใจ ความพยายามในหลายๆ เรื่องของลูกเรา ที่พยายามปรับตัวกับเรา มันทำให้ทุกเรื่องมันเป็นเรื่องเบาไปเลย แล้วมันก็ทำให้เรามีแรงฮึด มีพลังที่จะทำเรื่องดีๆ ออกมาทำงาน มาเจอผู้คน ใช้ชีวิตให้มันเป็นปกติ มีรอยยิ้ม แล้วก็กลับมาทำงานหาเงิน”

ไม่ง่ายที่ “น้องณิริน” จะเข้มแข็งได้ขนาดนี้
“ม้นก็ไม่ง่ายสำหรับเด็กคนหนึ่ง หนิงก็ขอบคุณ ทะเลาะกันตลอดนะคะ แต่การทะเลาะกัน เหมือนเราเป็นเพื่อนกัน ณิรินเองในภาวะแบบนี้ เขาก็เป็นเด็กคนหนึ่ง ที่สอนให้เรารู้จักที่จะเรียนรู้ในหลายๆ เรื่อง เช่นเดียวกับการที่เขาเอง เขาก็ต้องเรียนรู้ในหลายๆ เรื่องที่มันเกิดขึ้น หนิงจะพูดกับน้องเสมอ เวลาเราเจอปัญหาหรืออุปสรรคอะไร ตั้งแต่เรายังอายุน้อยๆ ถือว่าเป็นความโชคดีของเรานะ เพราะแต่ละปีๆ เหมือนเราเรียนหนังสือ เราก็จะต้องเรียนสิ่งที่ยากขึ้นไป ถ้าเราผ่านมันไปได้ เดี๋ยวเราก็จะเจอเรื่องยากกว่านี้ แต่ถ้าเราผ่านมันไปไม่ได้ เรื่องของปีนี้ก็จะไปทบเรื่องของปีหน้า เรื่องของปีหน้าก็จะไปทบเรื่องของอีกปีหนึ่ง ก็พยายามอธิบายให้เขาฟัง คุยกับเขาเยอะๆ ก็เรียกว่าเบื้องบนเมตตา เพราะทุกวันนี้อย่างที่บอกแหละ เวลาไหว้พระไหว้เจ้า หนิงอธิษฐานอย่างเดียว ว่าขอให้ลูกหนิงมีความเข้าใจ แล้วก็เป็นเด็กดี เป็นคนดี หนิงขอแค่นี้”

ยากทุกครั้งที่ต้องอธิบายเรื่องราวต่างๆ ให้ลูกฟัง
“ยาก ไม่ได้ยากแค่ครั้งแรก หนิงว่ายากทุกๆ ครั้ง เพราะว่าในการอธิบายเรื่องๆ หนึ่งให้เด็กฟัง ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็แล้วแต่นะคะ มันอยู่ที่ว่าเราจะต้องประเมินให้ได้ ว่าตอนนี้การพูดของเรากับวัยของเด็กอะ มันควรจะพูดแค่ไหน สมมติเรื่องเรื่องเดียวกัน คุยกันตอนอายุ 8 ขวบ ก็จะเป็นอีกแบบหนึ่ง คุยตอนอายุ 10 ขวบก็จะเป็นอีกแบบหนึ่ง นี่ใกล้จะ 11 ขวบ เรื่องก็จะเป็นอีกแบบหนึ่ง มันจะยากตรงการประเมินในการใช้คำพูด แต่สิ่งที่ทำให้หนิงเรียนรู้ก็คือ ต้องไม่คาดหวังกับสิ่งที่เราพูดไป แล้วคิดว่าเขาจะเข้าใจ เพราะเราโตกว่า เราอยู่บนโลกใบนี้มา 40 กว่าปี เขาเพิ่งอยู่มา 11 ปี จะให้เขาเข้าใจทุกอย่าง แบบที่เราเข้าใจมันไม่ง่าย ดังนั้นเราเป็นแม่ เราต้องมีความอดทน ใจเย็น มันก็จะมีคำโบราณ ว่าคนเป็นพ่อเป็นแม่ ต้องพูดทุกเรื่องจนปากจะฉีกถึงรูหู มันเป็นคำที่อ๋อ มันเป็นแบบนี้นี่เอง จะทำให้เด็กคนหนึ่งเข้าใจ เราก็ต้องใจเย็นแล้วก็อธิบาย”

อึ้ง! ลูกรู้ได้เองว่าตอนไหนเหนื่อยหรือท้อ จะเข้ามากอดให้กำลังใจ
“ต้องใช้คำว่าเขาพยายามที่จะเข้าใจ แล้วก็เป็นอะไรที่ไม่ทำให้เราไม่สบายใจ สิ่งที่เขาทำให้เราอึ้ง และทำให้เราเย็นลงได้ในทุกๆ เรื่อง คือเวลาที่เขารู้ว่าเราจะมีภาวะอะไรบางอย่าง ที่เรารู้สึกว่าเราเหนื่อยหรือเราท้อ เขาจะเดินเข้ามากอดแล้วก็มองหน้า บอกว่าแม่สู้ๆ นะ หนูอยู่ตรงนี้ หนูส่งพลัง หนูกอดๆ หนูเป็นกำลังใจให้แม่ ด้วยความสดใสของเขา เราก็จะน้ำตาไหลเลย แต่หนิงเป็นคนที่ไม่ค่อยอ่อนแอให้ลูกเห็นเลย แต่มันก็เป็นจุดที่ไม่ดีเหมือนกัน เพราะคุณหมอบอกว่า บางครั้งการเป็นแม่คน มันต้องมี 360 องศา ให้ลูกรู้ว่านี่ความแข็งแรง แต่เราก็สามารถอ่อนแอได้ เราก็จะต้องปรับตัวบางอย่าง อะไรที่เราไม่ไหวหรืออ่อนแอจริงๆ เราก็ต้องให้เขาได้รู้ ว่าเราก็มีมุมนี้เหมือนกัน ไม่อย่างนั้นเด็กก็จะมีแต่มุมที่สตรองอย่างเดียว ซึ่งจริงๆ ชีวิตคนเรามันมีหลายมุม แล้วมันก็ไม่สามารถสตรองได้ตลอดเวลา”

ยังไม่เคยร้องไห้หนักให้ลูกเห็น แต่จิตแพทย์แนะนำ ต้องแสดงความอ่อนแอบ้าง
“ยังไม่เคยถึงขั้นแบบน้ำตาไหลพราก แต่ระยะหลังนี้ มันก็จะมีแบบ พอเราสองคนมีการคุยกับคุณหมอด้วยกัน มันก็จะมีมุมที่เขาก็แสดงออกมาให้เราเห็น เราก็มีมุมที่บางทีเราไม่จำเป็นต้องเก็บเอาไว้ แต่ประเมินแล้วว่ามุมนี้ให้ลูกรับรู้ได้ ก็ให้ลูกเห็นในมุมของความอ่อนแอของเราบ้าง คือเราคุยกับจิตแพทย์ ทั้งตัวหนิงเอง ตัวน้อง แล้วก็คนในครอบครัวทั้งหมดค่ะ

ส่วนตัวปรึกษาหมอมานานแล้ว แต่สำหรับครอบครัวและลูก เพิ่งเริ่มไปหลังเกิดเรื่อง
“คือก่อนหน้านี้หนิงจะมีการไปคุยกับหมอเป็นระยะๆ ตั้งแต่น้องเกิดมา เพราะเราอยากที่จะเรียนรู้ที่จะเข้าใจเด็ก คำว่าช่องว่างระหว่างวัยเราไม่เคยคิดว่ามันจะเกิดขึ้น แต่ว่าจริงๆ มันเกิดขึ้นได้ เราอยากเข้าใจเด็ก ต้องพูดคำไหนให้เขาเข้าใจเรา แต่ช่วงหลังๆ มานี้ มันจะไม่ใช่แค่หนิงกับน้อง แต่ยังมีคุณอา คุณยาย แล้วคนที่อยู่รอบข้างหนิง ที่มีผลต่อความรู้สึกของณิริน เราก็จะไปกันหมด แล้วเราก็จะมีการบ้านมา ว่าต้องทำแบบนี้ๆ ก็ช่วยกันค่ะ”

เป็นการฮีลกันทั้งครอบครัว
มันเป็นการฮีลกันทั้งหมด แล้วข้อดีคือระหว่างแม่กับหนิงเอง บางครั้งเขาก็ไม่เข้าใจเรา มันก็ส่งผลให้เรามีพฤติกรรมแบบนี้ออกมา เราก็เข้าใจแม่เรา เขาก็เข้าใจเรา เราก็เข้าใจลูก ในก็กลายเป็นเรื่องของทั้งครอบครัวค่ะ หนิงว่ามันเป็นเรื่องที่ดี เพราะสุดท้ายแล้วคำว่าครอบครัวสำคัญ สำหรับการเลี้ยงดูเด็กคนหนึ่ง ที่จะทำให้เด็กคนหนึ่งเติบโตขึ้นไป ได้อย่างที่เขารู้สึกว่า เขายังมีอีกหลายๆ คนที่พร้อมจะโอบกอดเขา”

ชื่นใจสภาพจิตใจลูกดีขึ้นเรื่อยๆ กลับมามีเป้าหมายในชีวิตอีกครั้ง
“คนที่จะประเมินเขาได้ดีที่สุด น่าจะเป็นหนิง หนิงว่าเขาดีขึ้นเรื่อยๆ ในทุกๆ วัน แล้วล่าสุดที่ไปเที่ยวด้วยกันกลับมา เขาก็จะมีเป้าของเขาแล้ว ว่าปีหน้าเขาจะตั้งใจทำอะไร เขาเริ่มกลับมาคุยถึงเป้าหมายชีวิตตัวเอง ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาจะมีเป้าหมายในชีวิตของตัวเอง ตั้งแต่ประมาณอายุ 5-6 ขวบ เวลาเราคุยกับเขา เราก็จะถามว่าวันนี้หนูอยากทำอะไร ช่วงนี้หนูเป็นยังไง เขาจะมีเป้าของเขา แต่สิ่งนี้มันหายไปช่วงหนึ่ง เหมือนว่าเขาเอาใจไปคิดเรื่องอื่นๆ แต่ตอนนี้เรื่องนี้มันเริ่มกลับมาแล้ว เราก็รู้สึกชื่นใจ เขาบอกว่าปีหน้าหนูจะตั้งใจเรียนให้ดีกว่านี้ จะฝึกเรื่องร้องเพลงให้ดีกว่านี้

การที่เขาเริ่มสนใจเรื่องอื่นมากกว่าเรื่องที่มีปัญหาอยู่ มันเริ่มกลับมาแล้ว เลยทำให้เรารู้สึกคุ้มค่ากับความที่เราทุ่มเท ปีนี้หนิงทำงานค่อนข้างน้อยมาก งานที่ไม่จำเป็นก็จะไม่รับ อย่างละครทุกคนก็รอว่าจะเปิดโผเรื่องอะไร ทั้งที่มันมีการวางไว้ตัวแล้ว แต่หนิงยังระงับการทำงานของหนิงอยู่ เพราะอย่างที่บอกว่านาทีนี้ หนิงต้องทุ่มเทเวลาทั้งหมดให้กับลูกเป็นหลัก ก็ถือว่ามันเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามากๆ”

กับสามี “จิน จรินทร์ ธรรมวัฒนะ” ยังเจอกันอยู่ เพราะยังอยู่ในบ้านเดียวกัน
“ยังเจอกันอยู่ค่ะ ยังเจอกันอยู่เรื่อยๆ ยังอยู่ในบ้านหลังเดียวกันค่ะ (พ่อกับลูกยังมีปฏิสัมพันธ์กันปกติ?) ใช่ค่ะ”

ดีใจ “เมย์ พิชญ์นาฏ สาขากร” เตรียมเป็นฝั่งเป็นฝาแล้ว
“ในที่สุดค่ะ ก็เป็นฝั่งเป็นฝาสักที ภาระในการเลี้ยงข้าวของหนิงก็จะจบไป (หัวเราะ) เพราะเรามีดีลว่าถ้าตราบใดที่ยังไม่มีสามี เวลาเจอกันเราจะต้องเป็นคนเลี้ยงเขา ฉะนั้นตอนนี้สัญญาได้จบสิ้นลงแล้ว แล้วก็ช่วยกรุณาเอาเงินหนึ่งแสนบาท ไปจ่ายคุณอั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ แล้วก็เอาเงินห้าหมื่นบาท มาจ่ายหนิงตามข้อตกลงด้วยนะคะ (ยิ้ม) อันนี้ทวงออกสื่อเลยค่ะ มันเป็นข้อตกลงที่เราตกลงกันไว้ เพราะตอนตกลงเขาบอกว่ายังไงเขาก็ไม่มีทางเสียเงินแน่ๆ”

เล่าโมเมนต์ตอนบอกข่าวดีเกือบไม่เชื่อ
“เขาก็โทร.มา ทำเสียงแบบพี่ หนูมีเรื่องจะบอก พี่จะดีใจกับหนูไหม หนูกำลังจะแต่งงาน เราก็ไม่เชื่อ แต่ก็เกิดขึ้นจริงๆ แล้ว เราก็ดีใจด้วย จริงๆ เมย์เป็นคนที่ทุ่มเทในเรื่องของความรักมาตลอดแหละ ไม่อย่างนั้นเขาจะไม่มี #ก็ว่าจะไม่รัก เพราะเขาทุ่มเทในความรักมาตลอด แล้วก็เชื่อว่าจะเป็นอีกหนึ่ความรักที่เขาจะทำมันได้ดีค่ะ”

“เมย์” บอกว่าเพื่อนๆ ดีใจยิ่งกว่าตัวเขาอีก
“มันดูเหมือนไม่มีวี่แวว แต่สุดท้ายโชคชะตามันฝืนกันไม่ได้หรอก อนาคตเราไม่รู้ว่ามีอะไรที่จะเกิด แต่พอมันเกิดเรื่องราวดีๆ ขึ้นมาแล้ว หนิงเชื่อว่าทุกคนก็ร่วมกันแสดงความยินดี”

เป็นงานรวมตัวเพื่อนเจ้าสาวตัวท็อป
“น่าจะใช่นะ เพราะวันนี้เริ่มแจกผ้าให้แล้ว ให้เอาผ้าไปตัดชุดงานเย็น แล้วงานเช้ากำลังโหวตในกรุ๊ป ว่าจะเอาชุดประมาณไหนดี หนิงว่าไม่วุ่นวายหรอก งานที่เป็นงานของเพื่อน ถ้าใครทำให้เกิดปัญหาหรือเกิดความวุ่นวาย หรือทำให้เพื่อนเกิดความกังวล มันก็ไม่ใช่หรอก หนิงเชื่อว่าทุกคนก็เต็มที่ ส่วนเรื่องแข่งกันสวย มันก็แล้วแต่ใครมอง แต่คงไม่แย่งซีนเจ้าสาวหรอก เจ้าสาวเขาฟิตออกกำลังกาย ทำโน่นนี่

เชื่อ “เมย์” เอาตัวรอดได้ ในการใช้ชีวิตคู่
“หนิงเชื่อว่าเรื่องแบบนี้ ด้วยประสบการณ์ของอายุที่ใช้ชีวิตมา ผ่านการผิดหวัง ผ่านความสมหวัง หนิงเชื่อว่าทุกคนรู้ว่าจะต้องทำอะไร ณ วันนี้อายุไม่ใช่น้อยๆ เลข 4 กันหมดแล้ว อะไรที่มันเคยพลาด มันไม่ใช่ที่เด็กอายุ 20 กว่าๆ ที่เราจะมานั่งคุยกัน ว่าจะต้องทำยังไง หนิงว่าประสบการณ์ชีวิตของหลายๆ คน ก็สอนให้เรียนรู้ว่าทำแบบนี้มันไม่ดีนะ ถ้าทำแบบนี้มันจะดีนะ หนิงว่าเขาเอาตัวรอดได้แน่นอน”











กำลังโหลดความคิดเห็น