“เต๊ะ ศตวรรษ” เผยคิดถึงบรรยากาศตอนที่ไปเล่นซีรีส์ที่จีน เป็นดาราไทยคนแรกที่ไปเปิดประเดิมงานที่จีน เริ่มจากศูนย์โชคดีมีงานให้เห็นต่อเนื่อง บอกยุคนี้ยังโชคดีที่มีชื่อเสียงแล้วถึงได้ไปต่อที่ต่างประเทศ
พอได้กลับมาใส่ชุดย้อนยุคที่เราคุ้นตากันดีในซีรีส์แนวกำลังภายในของจีนอีกครั้ง ก็ทำเอาว่าที่คุณพ่อมือใหม่ “เต๊ะ ศตวรรษ เศรษฐกร” ถึงกับออกมาปากว่าพอได้กลับมาใส่ชุดแบบนี้ในละครเรื่องใหม่เรื่อง ดวงใจจอมกระบี่ ของทางช่องวัน 31 ก็ทำให้หวนนึกย้อนไปถึงยุคที่ตนไปสร้างชื่อเสียงอยู่ที่ประเทศจีน ได้เล่นซีรีส์ดังๆ หลายเรื่อง อาทิ เดชเซียวฮื้อยี้, โปเยโปโลเย ฯลฯ โดยเจ้าตัวเผยว่าตนถือเป็นคนแรกที่ไปเปิดทางที่จีนเลยก็ว่าได้
“พอได้ใส่ชุดนี้แล้วก็คิดถึง ก็เป็นชุดที่เราไม่ได้ใส่มานานแล้ว โดยเฉพาะวิกมันก็เป็นบรรยากาศที่เราเคยทำงานที่นั่น ก็คิดถึงเหมือนกันนะ แต่พอได้ใส่ชุดแล้วก็คิดถึง เพราะผมก็ห่างจากการเล่นละครกำลังภายในนานมาก ช่วงที่อยู่จีนท้ายๆ ผมก็เล่นละครวัยรุ่นทั่วไปแล้ว ก็คิดถึงชุดแบบนี้เหมือนกันครับ ถ้าที่เคยเล่นกำลังภายในก็น่าจะ 10 กว่าเรื่องนะครับ ถ้าตีเป็นเปอร์เซ็นกำลังภายใน 70 ซีรีส์วัยรุ่น 30%"
"ถ้าที่คนน่าจะจำได้ก็คงเป็นเซียวฮื้อยี้ แล้วก็เรื่องโปเยโปโลเย ที่มาฉายเมืองไทยก็น่าจะประมาณนี้ครับ ก็น่าจะเกือบ 20 ปีแล้วครับ ก็ต้องขอบคุณพระเจ้าครับที่เราไปที่โน่นเป็นคนแรก และได้การต้อนรับอย่างดีในฐานะนักแสดง นักร้อง และได้โอกาสในการทำงานหลายปี และมีแฟนครับที่น่ารัก ก็ถือว่าเป็นการตัดสินใจไปที่ถูกต้องครับ”
บอกตนต้องไปเริ่มจากศูนย์ แต่สมัยนี้ดังแล้วถึงไป
“ตอนนั้นผมไปตอนอายุ 18 เริ่มไปที่ไทเปกับไต้หวันก่อน พอ 21 ก็ไปอยู่ที่ยาวเลย และกลับมาไทยตอนอายุ 30 กลางๆ ก็นานเลย ก็ยังได้คุยกับเพื่อนๆ ที่เขายังทำงานอยู่ พอเขามาเที่ยวเมืองไทยก็ได้คุยกันบ้าง ก็เห็นการเติบโตของเขา แต่ช่วงหลังเราไม่ได้ทำต่อเพราะเรื่องเงื่อนไขอะไรบางอย่าง และเรื่องของสองประเทศด้วย เพราะเรื่องการเมืองของเขาก็มีปัญหาเหมือนกัน และเรื่องของช่วงวัยเรา สุขภาพเราด้วย ช่วงที่ผมป่วยก็เป็นช่วงที่ผมกลับมาไทยด้วย แต่ที่นั่นก็ยังมีงานที่เราเคยถ่ายไว้เอามาฉายรีรันอยู่นะ ดูแล้วก็มานั่งนึกว่าไปได้ยังไงตอน 18 ก็ขอบคุณพระเจ้านะที่ไปแล้วอยู่ได้ เพราะมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนะ ไปคนเดียว และวงการบันเทิงไทยตอนนั้นก็ยังไม่ได้โด่งดัง มันเหมือนเราไปเริ่มใหม่ ไม่ได้เหมือนยุคปัจจุบันที่ละครไทยเราดังแล้วก็ไปที่นั่น แต่ผมไปเริ่มจากศูนย์"
"ก็ยังมีงานเรื่อยๆ ครับ เมื่อต้นปีผมก็เพิ่งไปถ่ายละครที่ไต้หวัน ก็สลับคิวกับที่ไทยวุ่นเลย เพราะมันไม่เหมือนกองละครไทยที่แบ่งกันครึ่งสัปดาห์ ตอนนี้ก็เลือกรับงานที่ชอบและอยากทำจริงๆ แล้วครับ เพราะงานวงการบันเทิงมันเหนื่อยนะ ต้องทำงานที่ชอบ บทที่ใช่ ต้องรู้สึกว่าเราอยากทำการบ้านกับมัน อยากเล่นกับมัน ก็จะทำให้เราทำงานได้ดี ไม่ใช่ว่าเราไปเล่นอะไรก็ได้ แต่มันไม่มีความสุข การเงินก็สำคัญ แต่ความสุขในการทำงานก็เป็นสิ่งสำคัญที่เรามีสิทธิที่จะเลือกได้ด้วย”