xs
xsm
sm
md
lg

ไปต่อหรือพอแค่นี้ !!??? ทั่วโลกรอคำตอบสุดท้ายของ “ลิซ่า” หลังเสร็จสิ้น World Tour

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ย้อนหลังกลับไปเมื่อ 7 ปีก่อน

ใน วันที่ 8 สิงหาคม 2016 ทุกคนมีโอกาสได้ทำความรู้จักกับ 4 สาว ....เจนนี่ , จีซู , โรเซ่ และ ลิซ่า ในฐานะ เกิร์ลกรุ๊ปน้องใหม่ของวงการเพลง K-Pop ภายใต้สังกัด YG Entertainment ทื่ใช้ชื่อวงว่า BLACKPINK อย่างเป็นทางการ

ที่ใช้คำว่า “อย่างเป็นทางการ” ก็เพราะต้นสังกัดเริ่มต้นโปรโมทวงเกิร์ลกรุ๊ปวงนี้ตั้งแต่การปล่อยคลิปปริศนา “Who’s That Girl?” เพื่อเป็นการแนะนำ – ว่าที่ – เกิร์ลกรุ๊ปวงใหม่ของค่ายโดยยังไม่มีการเปิดเผยหน้าตาแต่อย่างใด


จากวันนั้นถึงวันนี้ ต้องบอกว่า BLACKPINK สร้างความสำเร็จระดับที่เป็นปรากฏการณ์ ที่ไม่เฉพาะในเกาหลี หรือโซนเอเชียเท่านั้น แต่ดังไกลไปถึงระดับโกลบอล

เรียกว่าเปิดประตูนำทางให้เพลง K-Pop ไปผงาดบนตลาดสากลได้อย่างสวยงาม มีโอกาสได้ร่วมงานกับซูเปอร์สตาร์ระดับโลกมากมาย

ไม่ว่าจะเป็น Dua lipa นักร้องชาวอังกฤษ ในเพลง kiss and make up
Lady Gaga ในเพลง Sour candy
รวมถึง Selena Gomez ในเพลง Ice cream


นอกจากนั้น ยังเป็นเกิรล์กรุ๊ปวงแรกที่มีโอกาสได้ขึ้นแสดงบนเวทีเทศกาลดนตรีระดับโลก Coachella 2019

และหลังจากนั้น ก็ฟาดสถิติแบบไม่หยุดตลอดระยะเวลา 7 ปีที่ผ่านมา ทั้งในรูปแบบของผลงานวง หรือแม้กระทั่งงานโซโล่อัลบั้มของแต่ละคน ยืนยันได้จากการเดินสายไปโชว์แบบรอบโลก BLACKPINK Born Pink World Tour ซึ่งลากยาวถึง 2 รอบ และกำลังจะปิดจ๊อบในปลายเดือนสิงหาคมนี้


และการที่ BLACKPINK ยังคงอยู่ในระหว่างปฏิบัติภารกิจ World Tour นี่เอง ที่ทำให้สัญญาของ 4 สาว กับต้นสังกัด ซึ่งหมดลงไปตั้งแต่วันที่ 8 สิงหาคมที่ผ่านมา ยังคงไม่มีคำตอบที่ชัดเจน ที่จะทำให้ชาวบลิงค์คลายความคาใจ ว่าใครจะไปต่อ ? หรือใครจะพอแค่นี้ ?

โดยเฉพาะคนที่ถูกเพ่งเล็ง ว่ามีโอกาสจะไม่ต่อสัญญาสูงมาก ก็คือ ลิซ่า

เอาจริงๆ โฟกัสแรกที่เกิร์ลกรุ๊ป BLACKPINK ได้รับความสนใจในบ้านเราเป็นอย่างมาก ก็เพราะการมีสมาชิกสาวไทยเป็น 1 ใน 4 ของสมาชิก นั่นก็คือ “ลิซ่า – ลลิษา มโนบาล”

ในทางตรงกันข้าม ลิซ่า กลับดูเหมือนจะไม่ได้รับการต้อนรับเท่าที่ควรจากประเทศที่เป็นจุดกำเนิดของวง นั่นก็เพราะความเป็นชาตินิยมของคนเกาหลีใต้นั่นเอง

ไม่แปลกที่คนต่างชาติอย่าง ลิซ่า จะได้รับการปฏิบัติแบบต่างมาตรฐานกับสมาชิกอีก 3 คนที่เป็นหน่อเนื้อเชื้อชาติเกาหลีแท้ๆ

กว่าจะเป็น ลิซ่า ที่คนทั่วโลกให้การยอมรับ จึงต้องแลกมาด้วยการถูกบูลลี่ตางๆ นานา ทั้งเรื่องเหยียดเชื้อชาติ ถึงขนาดที่เคยถูกเรียกร้องให้ออกจากวง และกระทั่งในช่วงแรกที่มีการเดินสายโปรโมทผลงาน เธอต้องผ่านการถูกนักข่าว และแฟนเพลงมองข้ามมาแล้ว เพียงเพราะว่าเธอเป็นคนไทย


และแน่นอนว่า ความที่ไม่ใช่คนเกาหลีโดยแท้ ยังส่งผลให้ ลิซ่า ได้รับค่าตัวน้อยกว่าสมาชิกคนอื่นในวง ทั้งที่เทียบกันแล้ว เธอมีภาษี มีชื่อเสียงกว่าคนอื่นด้วยซ้ำ

หมายรวมถึงการที่มีคนตั้งข้อสังเกตว่า โซโล่อัลบั้มเดี่ยวของ ลิซ่า ดูเหมือนจะไม่ได้รับการโปรโมทเท่าที่ควร ทั้งที่มีเพลงฮิต อย่าง LALISA และ Money ที่โด่งดังระดับที่คนทั่วโลกรู้จัก ที่สำคัญยังไม่มีการเปิดเผยยอดจำหน่าย และไม่มีการผลิตเพิ่มด้วย

นี่อาจจะเป็นหนึ่งในเหตุปัจจัย ที่ทำให้ ลิซ่า ยังไม่ตกลงในเรื่องการจะเซ็นสัญญาต่อหรือไม่ ?

แม้ว่าจะมีข่าวหลุดออกมาว่า ภายใต้สัญญาใหม่นั้น สมาชิกทั้ง 4 คน จะได้รับส่วนแบ่งรายได้คนละ 80 % โดยต้นสังกัดหักเป็นค่าบริหารจัดการแค่ 20%

และถ้าโผออกมาว่าไม่ต่อสัญญาจริงๆ โมเดลต่อไปของ ลิซ่า จะเป็นอย่างไร ?


จริงๆ แล้วไม่ต้องทำอะไรต่อเลยยังได้ เพราะทุกวันนี้สินทรัพย์ที่ได้มาตลอดระยะเวลา 7 ปี ที่อยู่ภายใต้นามสกุล BLACKPINK ว่ากันว่าไม่ต่ำกว่า 20 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว ๆ 697 ล้านบาท

หนำซ้ำตัวเธอเองก็มีมูลค่ามหาศาลอยู่แล้ว โดยเฉพาะบทบาทของการเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของสินค้าระดับไฮเอ็น ที่สามารถสร้างยอดขายได้ไม่ต่ำกว่าปีละ 10 ล้านเหรียญ เฉพาะรับงานต่อสัญญาการเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์อย่างเดียว ก็ฟันเละแล้ว

แต่ถ้ายังอยากจะไปต่อกับการเป็นศิลปิน

ถ้าจะไม่ต่อสัญญาการเป็น BLACKPINK แล้วฉีกตัวเองเป็นศิลปินเดียวภายใต้สังกัดเดิม ก็ไม่น่าใช่ เพราะที่ผ่านมา YG เอง ก็ผลักดันสมาชิกทุกคนในวงให้มีผลงานเดี่ยว ที่แยกออกจากวงอยู่แล้ว

เป็นไปได้สูงมากว่า อาจจะเลือกไปสังกัดเพลงระดับสากล เพราะด้วยบารมี และชื่อเสียงของ ลิซ่า สามารถไปถึงตลาดต่างประเทศได้อย่างสบายๆ

เพราะ ณ วันนี้ คนทั่วโลกเอง ก็รู้จัก ลิซ่า BLACKPINK เป็นอย่างดีอยู่แล้ว

ผู้จัดการ 360 องศาสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 12-18 สิงหาคม 2566



กำลังโหลดความคิดเห็น