“ฟรีน สโรชา” แพนิกจนพึ่งจิตแพทย์ ลั่นหากไม่มีวิธีป้องกันจิตใจ อาจไม่อยากมีชีวิตอยู่ ยืนหยัดคนทำต้องได้รับโทษสาสม เร็วๆ นี้จะมีความคืบหน้าคดี ด้าน “เบ็คกี้” เปิดใจนาทีกอดคอร้องไห้ไปด้วยกัน ซึ้งแฟนคลับยังแน่น ไม่หายไป
เพิ่งผ่านมรสุมร้ายๆ มาหมาดๆ สภาพจิตใจก็แข็งแรงขึ้น สำหรับ “ฟรีน สโรชา จันทร์กิมฮะ”คู่จิ้นของ “เบ็คกี้ รีเบคก้า แพทรีเซีย อาร์มสตรอง” จากซีรีส์ ทฤษฎีสีชมพู หลังจากโดนคุกคามแอบถ่ายคลิปและภาพส่วนตัวก่อนนำมาเผยแพร่ จนต้องออกมาประกาศจะล่าตัวมือดีที่กระทำ และดำเนินคดีให้สาสม โดยล่าสุดฟรีนได้เปิดใจคู่กับเบ็คกี้
ฟรีน : “ตอนนี้ก็เปลี่ยนสภาพแวดล้อมเรียบร้อยค่ะ สภาพจิตใจก็น่าจะค่อยๆ พัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ค่ะ เพราะหลังจากที่หนูเข้าบำบัดครั้งที่แล้ว ก็รู้วิธีที่จะต้องป้องกันจิตใจยังไงมากขึ้นค่ะ ก็คือไปพบจิตแพทย์ค่ะ เพราะตอนแรกที่หนูเป็น ตอนนั้นหนูเป็นวิตกกังวลกับแพนิกอยู่แล้ว พอเจอเรื่องนี้ก็เหมือนหนักกว่าเดิม แต่พอจะรู้วิธีที่ควรจะป้องกันตัวเองยังไง ตอนแรกก็แบลงก์ไปเหมือนกันค่ะ แต่ก็ยังคงต้องคงสภาพศิลปินนักแสดงให้ได้ เพราะพอรู้ปุ๊บอีกวันนึงก็ต้องทำงานเลย
หนูว่าทุกๆ อย่างสำคัญกับหนูหมดเลย ก็ต้องหาจุดให้ได้ว่าอะไรคือจุดที่เราจะมาหาจุดตรงกลางกันมากกว่า และเราก็คุยกับทุกๆ ฝ่าย ก็ได้กำลังใจเยอะมากๆ ค่ะ ทั้งในค่าย นอกค่าย รวมถึงแฟนคลับทุกๆ คน พอรู้เรื่องราวว่าเกิดขึ้นยังไง ทุกคนก็โฟกัสในส่วนของคดีความ”
เบ็คกี้ : “ก็ให้กำลังใจตลอดค่ะ ก็บอกว่าหนูอยู่ข้างๆ นะ มีอะไรคุยได้ อย่าเก็บไว้คนเดียว ไม่อยากให้แพนิกเองหรือรู้สึกไม่ดีเอง ถ้าช่วยอะไรได้ก็เต็มที่ค่ะ”
ฟรีน : “คือเราคุยกันทุกเรื่องเลยค่ะ คนแรกที่รู้ก็คือเขา ไปนั่งคุยกัน และปลอบกัน”
เผยร้องไห้และเศร้าตลอด
ฟรีน : “มันคงเป็นช็อตที่หนูทำงานวันแรก แล้วหนูก็ร้องไห้ เศร้าตลอดเวลา พูดถึงอะไรไม่ได้เลย หนูจะร้องไห้ตลอด น้องก็ถามว่าเกิดอะไรขึ้น”
เบ็คกี้ : “หนูเห็นเขาแววตาไม่สดใส ตอนแรกนึกว่าป่วย”
ฟรีน : “เพราะว่าลงจากเครื่องพอดีค่ะ แล้วอีกวันนึงก็ทำงาน ตอนแรกเราก็จะไม่พูดกับใคร เพราะมันต้องผ่านกระบวนการคิดเยอะๆ ก่อน ก็เลยโอเค บอกน้องคนแรก”
เล่านาทีกอดกันร้องไห้
เบ็ค : “วันนั้นหนูจำได้เลยว่าหลังจากถามว่าพี่ฟรีนเป็นอะไร ก็กอดกัน แล้วพี่ฟรีนก็ค่อยๆ ร้องไห้ หนูก็บอกว่าโอเคนะ ไม่เป็นไร ยังไงก็จะผ่านไปได้ แล้วหนูก็ร้องด้วย”
ฟรีน : “เราร้องนำ แล้วน้องร้องตาม (หัวเราะ)”
เบ็คกี้ : “หนูรู้สึกว่ามันไม่ควรมีใครสักคนต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ ไม่ว่าใครก็ตาม เพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัวสุดๆ”
ซึ้งแฟนคลับไม่หายไป
ฟรีน : “ใช่ค่ะ ต้องขอบคุณพี่ๆ ทุกคนที่เคารพและเข้าใจในทุกๆ การเดินทางของเราทั้งคู่ด้วยค่ะ ก็อยากให้อยู่แบบนี้ไปนานๆ และหวังว่าจะมีแต่เรื่องดีๆ เกิดขึ้นหลังจากนี้ค่ะ”
เร็วๆ นี้จะได้เห็นความคืบหน้าคดี
ฟรีน : “พูดได้ค่ะ แต่ที่ไม่อยากออกมาพูดเพราะกลัวรูปคดีจะเสีย เพราะเราก็ดำเนินการไปในระดับนึงแล้วมากค่ะ หนูรู้สึกว่าเร็วๆ นี้อาจจะได้เห็นอะไรบางอย่างเกิดขึ้น เราติดตามคดีความตลอดคุยกับตลอดว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง เร็วๆ นี้น่าจะได้เห็นอะไรที่คืบหน้าเกิดขึ้นค่ะ”
ขอเป็นเคสสุดท้าย หากไม่มีวิธีป้องกันจิตใจ อาจไม่มีชีวิตอยู่ ยืนหยัดคนทำต้องได้รับโทษ
ฟรีน : “อยากให้เป็นเคสสุดท้ายเลย หนูไม่อยากให้ใครจะต้องมารู้สึกกับความรู้สึกแบบนี้เกิดขึ้นเลยค่ะ หนูรู้สึกว่าถ้าเราไม่มีวิธีป้องกันจิตใจตัวเองได้ดีขนาดนั้น ก็อาจจะไม่มีชีวิตอยู่เลย มันถึงขั้นนั้นเลยจริงๆ ค่ะ ถ้าสมมติหนูไม่มีกำลังใจ ไม่มีใครอยู่ข้างๆ หนู ก็คงเป็นเรื่องยากที่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อมากๆ เลยถึงขั้นนั้นเลยค่ะ ก็อยากให้ทุกคนโฟกัสกับเรื่องคดีความมากๆ และอย่างที่บอกว่าหนูจะต่อสู้และยืนหยัดจะเอาเขามารับโทษให้ได้ค่ะ ถามว่าเป็นเพราะเพิ่งผ่านเบญจเพสมาหรือเปล่า พี่ๆ ผู้จัดการหนูก็พูดว่าเรื่องร้ายๆ จะค่อยๆ ดีขึ้น แต่หนูว่าคนน่าจะใจดีกับหนูมากกว่า (ยิ้ม)”
เบ็คกี้ให้ของขวัญถึงรพ.
เบ็คกี้ : “ให้เรียบร้อยแล้วค่ะ”
ฟรีน : “แล้วไปให้ที่โรงพยาบาล (หัวเราะ) คือวันที่หนูป่วย หนูอยู่โรงพยาบาลค่ะ เป็นไซนัสอักเสบ ก็เลยฉีดยาแล้วก็นอน เพราะยามันแรงมาก แล้วน้องก็เดินมาแฮปปี้เบิร์ธเดย์ ซึ่งหนูหลับอยู่ก็งงว่าใครมา (หัวเราะ)”
เบ็คกี้ : “หนูก็อยากให้มีความสุขในวันเกิด ก็เลยมีเค้กให้ มีของขวัญให้ คิดว่าเห็นแล้วก็น่าจะยิ้ม แต่สภาพคือ (หัวเราะ) พี่ฟรีน ยูโอเค (หัวเราะ)”
ฟรีน : “น้องให้ต่างหูค่ะ”
สู้เท่าที่ไหว
ฟรีน : “ก็รันงานปกติค่ะ จะสู้เท่าที่ไหวเลยค่ะ เพราะเราอยากให้มองเป็นพาร์ตของนักแสดงศิลปินที่โคจรงานด้วยกัน”
เบ็คกี้ : “ใช่ เราก็ทำงานด้วยกันเรื่อยๆ ค่ะ”
ฟรีน : “จากนี้ก็จะมีภาพยนตร์เรื่อง ยูเรนัส เร็วๆ นี้น่าจะได้ชมกันค่ะ”
เบ็คกี้ : “ส่วนของหนู Long Live Love! จะมีไปนิวยอร์กกับบราซิลค่ะ ตอนนี้กำลังจะมุ่งสู่ 100 ล้านค่ะ”