“ดีเจคิว - แจ็ค ไรเดอร์” แจ้งความเอาผิดคลื่นวิทยุดังเบี้ยวเงินค่าจ้าง 3 ปี รวมเป็นเงินกว่า 1 ล้านบาท เล่าขอทำสัญญาเชำระค่าจ้างกลับถูกให้ออก สั่งห้ามเข้าบริษัทวันรุ่งขึ้น เผยดีเจทุกคนรวมถึงคนที่ยังทำงานในองค์กรนี้โดนกันหมด แม้แต่คนที่ออกไปแล้ว ก็ยังต้องฟ้องศาลเพื่อทวงเงินตัวเองคืน มองไม่ถูกต้อง คลื่นดังใช้ช่องโหว่ทางกฎหมายไกล่เกลี่ยขอลดเงินที่ติดค้าง
บ่ายวันนี้ (10 ส.ค. 2566 ) “ดีเจแจ็ค ไรเดอร์ หรือ ชนัตพล สังสิทธิเสถียร” และ “ดีเจคิว ธิติพันธ์ สุริยาวิชญ์” พร้อมทนายความ ได้เดินทางมาที่ สน.พหลโยธิน เพื่อเข้าแจ้งความบันทึกประจำวันดำเนินคดีกับคลื่นวิทยุชื่อดัง หลังถูกเบี้ยวเงินค่าจ้างนานกว่า 3 ปี มูลค่ารวมกว่า 1 ล้านบาท โดย แจ็ค - คิว เล่าว่าหลังจากทวงถาม เพื่อขอทำสัญญาการชำระเป็นลายลักษณ์อักษร ก็ถูกให้ออกจากงาน สั่งห้ามเข้าไปเหยียบบริษัทอีกด้วย โดย แจ็ค ไรเดอร์ ถูกให้ออก 31 มิถุนายน ส่วน คิว ถูกให้ออก ในวันที่ 11 กรกฎาคมที่ผ่าน
ดีเจคิว : “เราสองคนมาแจ้งความเพื่อดำเนินคดีในเรื่องของการที่เราจัดรายการวิทยุแล้วไม่ได้รับค่าจัดมาระยะเวลาเกือบ 3 ปี ค้างประมาณ 10 เดือนครับ ยอด 2 คนรวมกันก็ประมาณล้านกว่าบาท สาเหตุที่ค้างต้องย้อนกลับไปปี 63 ตอนช่วงโควิดเขาก็เริ่มค้างจ่ายเนื่องจากสถานการณ์ ซึ่งเราก็เข้าใจ คิดว่าเดือนต่อไปจะจ่ายก็ยังไม่จ่าย แล้วก็ค้างหลายเดือนเข้า เราก็เริ่มเข้าไปพูดคุย เขาก็ชี้แจงว่าสถานการณ์มันไม่ค่อยดี ขอปรับลดเงินเดือน 20% เนื่องจากเรา 2 คนก็จัดมาเป็น 10 ปี ก็เห็นว่าเป็นครอบครัว พอเกิดวิกฤตเราก็โอเค แต่ก็ยังคงค้างอีก”
แจ็ค ไรเดอร์ : “มันก็ค้างมาเรื่อยๆ ใช้วิธีการจ่าย เดือนเว้นเดือน จ่ายเดือนเว้น 2 เดือน มาเรื่อยๆ จนมาถึงวันนี้ก็มียอดค้างจ่าย ซึ่ง 2 คนมันไม่เท่ากันหรอก แต่ว่าประเด็นสำคัญที่เรามาวันนี้เลยเพราะว่าพอติดเยอะ มันมีเคสก่อนหน้าดีเจคนอื่นที่ออกไปก่อนหน้านี้ แล้วทางบริษัทไปเล่นแง่ตอนขึ้นศาลกันว่าเงินค้างจ่ายในปี 63 จะหมดอายุความก็จะทำให้เราไม่ได้รับเงินก้อนนั้น
เราก็เลยทวงถามกับบริษัทอย่างชัดเจนอีกครั้งนึงว่ามันเกิดกรณีแบบนี้ ดีเจที่ยังอยู่ที่ยังอยากช่วยกันต่อ มันจะมีอะไรที่เป็นความมั่นใจได้บ้าง ว่าบริษัทจะจ่ายก้อนนี้จริงๆ ไม่เอาไปทำแบบนี้กับดีเจคนที่ออกไปแล้ว คือไม่ได้ทำงานแล้ว ไม่ได้มีประโยชน์แล้วก็เล่นกันเต็มที่ ก็เลยถูกให้ออก บอกว่าถ้าอยากได้ก็ไปฟ้องเอา”
เผยถูกให้ออกเพราะตนเข้าไปทวงถาม ซึ่งตนยินดีให้พักการจ่ายคืน เพียงแค่ขอทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร
แจ็ค ไรเดอร์ : “เราถามมาตลอด แต่ว่าพอเล่นเรื่องหมดอายุความมันเป็นตัวเร่ง เราก็ใช้วิธีคุยกับบริษัทนะ ว่าถ้าไม่มีสภาพคล่องเป็นไปได้ไหมที่ออกเอกสารมาก่อนยอมรับว่ามีหนี้ก้อนนี้ จริงๆ”
ดีเจ.คิว : “แล้วเรายังไม่รับเงินก็ได้”
แจ็ค ไรเดอร์ : “อีก 2 ปีข้างหน้าค่อยชำระคืนก็ได้ แต่อยากให้ความมั่นใจกับคนที่อยู่ตอนนี้ เพราะดีเจทุกคนโดนติดเหมือนกันหมด”
เล่าการว่าจ้างปีแรกๆ มีการทำสัญญา แต่พอหลังๆ ถูกจ้างแบบฟรีแลนซ์ ไม่มีเอกสารต่อปี และตนทั้งคู่ไม่เคยไปพูดให้คลื่นได้รับความเสียหาย
ดีเจคิว : “ปีแรกๆ มันมีสัญญาครับ แต่พอมันจัดมาเป็น 10 ปี ก็เหมือนพรีแลนซ์ประจำ เหมือนเขาจ้างเรามาจัดโดยไม่มีเอกสารต่อปี มันมีช่วงเวลาประจำ แต่ถ้าใครได้ฟังเบรกฟาสต์โชว์ก็จะได้รู้ว่าคิวกับแจ็ค จัดคู่กันมาเป็น 10 ปี มันค่อนข้างยาวนาน เราเลยคิดว่ามันเป็นครอบครัว
พอเขาขอลดเงิน เราเห็นจากสถานการณ์โควิดเราก็ยอมรับได้ใน 20% พอมันค้างมาเรื่อยๆ ทบไปเรื่อยๆ พอเราไปทวงถามหรือแม้แต่เราไปถามบัญชีว่าเงินจะออกไหม เขาตอบเรากลับมาว่า ต้องออกด้วยเหรอ แล้วสิ่งที่เรารู้สึกว่าไม่เป็นธรรมเลยก็คือ พอเราขอเอกสาร เริ่มจากการเอาพี่แจ็คออก เหลือผมคนเดียว พอผมบอกว่าผมจัดคู่กันนะ เงินของเก่าในเมื่อคุณต้องขอเอกสารมา เขาไม่ออก ผมเลยบอกงั้นผมคงต้องยื่นเอกสารฟ้องพร้อมกับพี่แจ็คเพราะเราจัดมาด้วยกัน หลักฐานมันมาด้วยกัน”
แจ็ค ไรเดอร์ : “ถ้าให้คิวจัดรายการต่อมันก็จัดได้ เพราะเบื้องหน้าเราไม่เคยไปด่าว่าคลื่น เราก็จัดรายการสนุกสนานเหมือนเดิมตามหน้าที่ของเรา”
ดีเจคิว : คือเราก็เป็นมืออาชีพพอแล้วเราก็รักในหน้าที่การจัดรายการ แต่วันรุ่งขึ้นเขาก็ให้ผมออกต่อเลย”
บอกที่ยอมให้คลื่นค้างค่าจ้างนานถึง 3 ปีเพราะอาชีพดีเจ เป็นอาชีพที่ตนสองคนรักและยินดีสู้ไปด้วยกัน เพียงแค่ขอความชัดเจน โอด 10 ปีที่ทำงานมาไม่เคยขอขึ้นเงินเดือนสักบาทเดียว
แจ็ค ไรเดอร์ : “มันมีคำถามที่หลายคนชอบถามว่าทำไมปล่อยให้เขาค้างนานขนาดนี้ คือมันเป็นอาชีพที่เราชอบ บางทีแยกกันระหว่างอาชีพที่ชอบกับเงิน พอเราคิดแยกกัน ถ้าเงินมันมีความชัดเจน มีความอะลุ่มอล่วยกัน เราก็พอทำได้ ส่วนจัดรายการเราก็อยากจัดอยู่ บริษัทจะประสบสภาวะไหนเราก็จะสู้ไปด้วยกัน เพราะช่วงเช้ามันก็ยังเป็นช่วงที่ขายสปอนเซอร์ได้ ยังมีผู้สนับสนุนที่รักเราลงเราตลอด”
ดีเจคิว : “ผมก็ยอมรับว่าเราจัดรายการกันมาเป็น 10 ปี มันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเรา แม้กระทั่งทุกวันนี้ผมตื่นมาไม่ได้ไปจัดวิทยุ มันก็เหมือนผมตื่นมาแล้วไม่ได้แปรงฟัน มันเหมือนบางสิ่งบางอย่างมันขาดหายไป เราก็ยังรักในการจัดรายการ แต่พอเราไปจัดแล้วรู้สึกว่าถูกเอาเปรียบจนเกินไป ตอนไม่มีทีมงานช่วยเราเบื้องหลัง เรายังพอสู้ได้ แต่พอเราทวงถามเยอะๆ ก็ให้เราออก แล้วบอกว่าเรามีปัญหาทะเลาะกับคลื่น เราคือตัวปัญหา
ซึ่งถ้าเกิดใครเคยทำงานกับพวกเราจะรู้ว่าเราทำงานง่าย 10 กว่าปีพวกผมสองคนไม่เคยขอขึ้นค่าจัดรายการสักบาทเดียว การทำงานต้องมีการเติบโตแต่พวกผมไม่เคยขอขึ้นเลย กลับกลายเป็นว่าโควิดขอลด 20 % ผมยอมรับได้ แค่นี้มันน่าจะเป็นบทพิสูจน์ว่าพวกผมรักในอาชีพของพวกผมแล้ว"
แจ็ค ไรเดอร์ : "ตอนที่เขาโทร.มาบอกให้ออกเลย ห้ามเข้าออฟฟิศเลย สั่งพนักงานทุกคนว่าห้ามเราเข้าไป มันอะไรขนาดนั้น โทร.มาปั๊บให้ออกทันทีเลย"
พนักงานที่ออกไปแล้วและที่ยังอยู่ทำงานให้กับคลื่นนี้ ไม่เคยได้เงินเต็มเม็ดเต็มหน่วย ออกไปแล้วก็ยังต้องฟ้องร้องบริษัทเพื่อทวงเงินตัวเองคืน มองไม่ถูกต้องใช้ช่องโหว่ทางกฎหมายไกล่เกลี่ยขอลดที่ติดค้าง
แจ็ค ไรเดอร์ : "ขอพูดแทนพี่น้องคนอื่นที่เป็นพนักงาน ทุกคนที่ออกจากบริษัทนี้ไม่เคยมีใครได้เงินแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย ทุกคนต้องขึ้นศาลฟ้องหมด พนักงานที่ถูกให้ออกด้วยความตกใจ ให้ออกโดยไม่เป็นธรรม ก็ต้องไปฟ้องเรื่องที่กรมแรงงาน หลายคนที่ถูกค้างค่าคอมมิชชั่นก็ต้องไปฟ้องที่ศาลแรงงาน ผมไม่แน่ใจว่าทำไมเขาถึงทำแบบนี้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นมาแล้วโดยตลอดกับทุกๆ คนไม่ว่าคนที่จะจบเรื่องแล้ว หรือเรื่องยังคาราคาซังในศาล ทุกคนจะถูกไกล่เกลี่ยแล้วขอลดเงินที่ติดค้าง"
ดีเจคิว : "ทุกคนที่ออกไปก่อนหน้านี้ที่ไปฟ้องร้องชนะไหม มันชนะอยู่แล้ว แต่สุดท้ายศาลใช้ช่องโหว่ของกฎหมายในการที่ศาลจะให้ไกล่เกลี่ยกัน แล้วพอไกล่เกลี่ยกันเขาก็จะขอลด 50% บ้าง 20 % บ้าง แล้วแต่ใครจะยอมรับได้ ซึ่งศาลเองก็จะบอกว่าไกล่เกลี่ยไปเถอะเพื่อที่จะได้รับไป แต่เขาใช้ช่องโหว่ตรงนี้เพื่อมาลดทอน อย่างพวกผมสองคนโดนลดไปแล้ว 20% ถ้าไกล่เกลี่ยอีกโดนลดอีก จะเหลืออะไรครับ
เราทำงานอย่างเต็มที่ ผ่านเวลาไปตั้งหลายปีแล้ว มาวันนี้จะมาขอลดเราอีกเหรอ ขอลดไม่พอ กรณีดีเจก่อนหน้านี้ที่ออกไปปีที่แล้วขอลด 20% ผ่อนอีก 6 เดือน แล้วต้องตามทุกเดือน ไม่เคยจ่ายตรงเลย นั่นเขาออกไปแล้วนะ ไม่อยากให้เขาใช้ช่องโหว่แบบนี้มาทำร้ายพนักงานตัวน้อยๆ หรือแม้กระทั้งคนที่กำลังอยู่ในองค์กรตอนนี้ แล้วมาใช้ช่องโหว่แบบนี้ว่าถ้าอยากได้ก็ไปฟ้องเอา ฟ้องเสร็จแล้วขอไกล่เกลี่ยไม่ต้องจ่ายเต็ม ผมว่ามันไม่ถูกต้อง"
ลั่นต้องการเงินคืนแบบเต็มจำนวน
ดีเจคิว : "3 ปีผ่านไปเงินก้อนนี้ผมไปฝากแบงก์ ผมได้ดอกเบี้ย ต่อให้ผมไม่ลงทุนอะไรเลยก็ตาม ผมได้ดอกเบี้ยจากแบงก์ แต่กรณีนี้เราฝากเขาไว้ ถ้าเราคิดแบบฝาก เขามาลดผมอีก 20% เหมือนผมลงทุนเลย แต่ผมไม่ได้ลงทุน แต่ผมลงแรงไปแล้ว ผมลงทั้งแรงลงทั้งใจ ผมมองว่ามันไม่สมควร
ฝากพี่น้องประชาชนที่ได้อ่านข่าวนี้ คุณแสดงความคิดเห็นเข้ามาได้เลย เป็นกระบอกเสียงได้เลยเพราะมันไม่สมควร ยังมีพี่น้องที่อยู่ในองค์กรนี้และเขายังต้องรอต่อไปว่า ฝากแจ็ค-คิวด้วย จะดูเคสเราเป็นตัวอย่าง ผมไม่อยากให้เขาใช้ช่องโหว่ของกฎหมายแล้วทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ ไปดูที่ศาลแรงงานจะเห็นคดีของบริษัทนี้เพียบเลยครับ"
ยันไม่เคยสร้างปัญหาให้กับคลื่น
ดีเจคิว : “กับคำถามที่เราสองคนทะเลาะกับคลื่น หรือสร้างปัญญาให้กับคลื่น ผมว่าการที่เขาติดเงินเราเป็นสิบเดือนค่อนข้างเป็นสิ่งที่ชัดเจนว่าเราได้สร้างปัญหาให้กับคลื่นหรือเปล่า ถ้าเราสร้างปัญหาให้จริงเขาคงเอาเราออกตั้งแต่เดือนแรกๆ แล้ว คงไม่ติดเงินเราเป็นสิบเดือน หรือคงไม่ยอมให้ติดเงินเป็นสิบเดือน 3 ปีแล้วนะ ตั้งแต่ปี 63”
แจ็ค ไรเดอร์ : “เราเคยคุยตรงๆ กับผู้บริหารแล้วก็คือวันที่เขาให้เราออกนั่นแหละ เขาไม่ให้เราเข้าออฟฟิศ ก็ไม่รู้ว่าจะคุยยังไง เราก็ใช้วิธีแต่งตั้งทนาย แล้วให้ทนายยื่นหนังสือไป ก็ไม่รู้ว่าเขาได้รับหรือไม่ได้รับ แต่เข้าใจว่าเขาได้รับแล้ว เพราะคนในพูดว่าเขาเห็นจดหมายหมดแล้ว แต่ทำไมไม่โทร.หาทนายเรา”
ดีเจคิว : “เขาเลือกที่จะไม่ติดต่อ เขาคงคิดว่าเดี๋ยวเป็นข่าวแล้วก็เงียบ จากนั้นค่อยไปไกล่เกลี่ยที่ศาล แล้วก็ลด 20-50% แบบเดิมๆ ที่เขาเคยทำกับคนอื่น”
แจ็ค ไรเดอร์ : “คนข้างตอนนี้ก็กำลังคุยกันอยู่ว่าจะเอายังไงกันดี เราเองก็คุยกับผู้เสียหายที่ยังมีคดีค้างอยู่ในศาลตลอด ทุกคนถูกทำเหมือนกันหมด เพิกเฉย เลื่อนวันจ่าย กรมแรงงานสั่งบังคับแล้ว บริษัทก็ขอติดต่อเจรจาแล้วก็ผิดสัญญากันอีก”
ดีเจคิว : “มันตามแล้วมันเหนื่อย ตามแล้วยังมาผ่อน ลดแล้วยังมาผ่อนอีก มันเหนื่อยใจ”
แจ็ค ไรเดอร์ : “ถ้าคิดว่าเราจะสู้ไปด้วยกันก็มารวมตัวกันแล้วไปต่อ แล้วก็ฝากถึงผู้ฟังนะครับ ทุกคนถามมาจนหลายคนเริ่มรู้แล้วว่าผมไม่จัด เขาถึงกับบอกว่าถ้าย้ายไปที่ไหนบอกด้วยนะ จะตามไปฟัง ขอบคุณทุกคนมากๆ ที่ติดตามฟังกันมาถึงแม้จะรู้ว่าสื่อวิทยุอาจจะดูด้อยค่าไปเยอะในยุคปัจจุบันที่มีการแข่งขันสูง
อยากจะบอกว่าผมรู้สึกถึงความปรารถนาดีที่เรามีต่อกันที่ไม่ได้มีเงื่อนไขใดๆ เข้ามา เช้ามาเปิดมาฟังกันทุกวันๆ เหมือนเป็นเพื่อนกัน จนวันนึงหายไป เราสัมผัสได้ถึงความรู้สึกนี้ มันเป็นแรงผลักดันที่ทำให้เราออกมาสู้เพื่อทุกคนจะได้รู้ความจริงว่ามันเกิดอะไรขึ้น เราหายไปกันเพราะอะไร ไว้มีโอกาสค่อยเจอกันใหม่ ขอบคุณทุกคนจริงๆ ที่ให้ความรักพวกเรามาเป็น 10 ปี”