“ซิลวี่” เผยตั้งใจจะทำเพลงภาษาไทยมากขึ้น เพราะอยากเจาะตลาดแฟนเพลงไทย รับมีแอบนอยด์ที่เพลงไม่ติดกระแส แต่ก็ยังดีที่มีงานเข้ามาเรื่อยๆ ยอมรับช็อกกับตัวเองที่คบ “มิ้น” มาถึง 3 ปี เพราะไม่เคยคบใครนานเกิน 1 ปี บอกอีกฝ่ายทำให้ตนเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ยังไม่คิดถึงอนาคตแต่งงาน เพราะกฎหมายยังไม่รองรับ
เพิ่งปล่อยเพลงใหม่ล่าสุดไป สำหรับนักร้องสาว “ซิลวี่ ภาวิดา มอริจจิ” โดยเจ้าตัวเผยว่าอยากจะทำเพลงไทยมากขึ้น กำลังคลำหาทาง เพราะทำเพลงสากลมาตลอด
“ใช่ค่ะ Is it you เพิ่งปล่อยไป และตอนนี้กำลังมีละครออนแอร์อยู่ค่ะ ปีนี้ก็จะลุยเพลงไทยทั้งหมดค่ะ พอดีตอนนี้กำลังอยากจะตีตลาดเพลงไทย เพราะเรารู้สึกว่ายังไงแฟนๆ เราในเมืองไทยก็เยอะอยู่แล้ว ก็เลยอยากจะให้ความสำคัญกับเขา ฟีดแบ็กจริงๆ คิดว่าเพลงเราอาจจะยังไม่เข้ากระแสของคนไทยมากเท่าไหร่ เราก็กำลังคลำๆ ทางอยู่ เพราะเราก็ไม่ได้ปล่อยเพลงไทยมานานแล้ว ก็ยังดูอยู่ว่าจะไปทางไหนดี
วันที่นอยด์ก็มีนะ ก็เป็นเรื่องปกติ เพราะวันที่เราปล่อยเพลง XL มาครั้งแรก หรือเพลงภาษาอังกฤษต่างๆ คนก็ฮือฮา รู้สึกว่าเราเป็นศิลปินโกอินเตอร์แล้ว เราก็คาดหวังกับความฮือฮานี้ต่อไปเรื่อยๆ แต่ชีวิตมันก็มีขึ้นมีลง มันไม่แน่นอน ก็เลยรู้สึกว่าเราจะทำต่อไปเฉยๆ ไม่คาดหวัง แต่มีความฝันต่อไปเรื่อยๆ ว่ามันจะเกิดขึ้น”
ยอมรับมีเฟลบ้าง แต่ทุกวันนี้ยังมีงานก็ถือว่าแฮปปี้
“ถ้าถามว่าในแง่เพลงรู้สึกเฟลไหม ก็อาจจะเฟล แต่ทุกวันนี้ก็ยังมีงานอยู่ เลยรู้สึกว่าไม่ได้เฟล คือหลังจากที่เราผ่านเรื่องโดนบูลลี่เรื่องอ้วน เรื่องผอมมา ก็รู้สึกว่าเราเอามาใช้ในชีวิตได้เยอะขึ้นมาก ไม่ว่าจะมีเรื่องดีหรือเรื่องร้ายเกิดขึ้น ถ้ามีเรื่องร้ายเกิดขึ้น เราต้องมองหาเรื่องดีเลย ถ้ามีเรื่องดี แต่มันก็ต้องมีเรื่องร้ายอยู่ในนั้น แล้วแต่เราว่าจะมองโลกยังไงมากกว่า แต่ปีนี้หนูแฮปปี้ที่ได้เดินทางไปต่างประเทศ ได้ไปทำงานที่ต่างประเทศ ได้ร่วมงานกับแบรนด์ดังหลายๆ แบรนด์ เลยรู้สึกว่ามันไม่ได้เฟลไปหมดทุกอย่าง
หนูรู้สึกมากกว่าการมีเพลงฮิตเป็นกระแส แต่มันคือการที่มีงานออกมาเรื่อยๆ ให้คนได้ติดตาม และแฟนๆ ที่เขารักเรา ยังไงเขาก็ยังเสพผลงานเราอยู่ดี ประเด็นคือกระแสคนที่ยังดูอยู่ และคนที่คอมเมนต์ทุกคนชอบหมดเลย เพียงแค่ว่าเรายังไม่แมสมากกว่า ส่วนที่คนมองว่าลุคของเราน่าจะไปได้ไกลกว่านี้ เรื่องลุคหนูก็โดนด่าเยอะเหมือนกันนะว่าเพี้ยนไปเยอะแล้ว (หัวเราะ) หนูก็แอบคิดเหมือนกันว่าถ้าเราอยากแมส เราต้องดรอปตัวเองลงมาหรือเปล่าวะ เพื่อที่จะให้มันเข้ากระแสบ้าง แต่ทำไม่ได้ เพราะเราเริ่มมาด้วยการเป็นตัวของตัวเอง และเราอยากให้คนที่เสพงานเรา และมองว่าเราเป็นไอดอลในการเป็นตัวของตัวเอง อยากให้เขามีพื้นที่ในการที่เขาจะเป็นตัวของตัวเองได้ มันคือสิ่งที่เราอยากทำ และเราทำเพื่อใครอีกหลายๆ คนด้วย ไม่ใช่แค่เราเอง”
แฮปปี้เพิ่งครบรอบคบ “มิ้น มิณฑิตา วัฒนกุล” 3 ปี เป็นคนแรกที่คบนานที่สุด
“ใช่ค่ะ ครบ 3 ปีแล้ว หนูช็อกนะ (หัวเราะ) หนูช็อกที่มันนานขนาดนี้ ไม่ใช่เพราะเราไม่รักกันหรืออะไร แต่เพราะตัวหนูเองเป็นคนไม่ค่อยคบใครนานเกิน 1 ปีเลย แต่กับคนนี้เพราะเราโตแล้วด้วยแหละ หนูกำลังจะอายุ 28 ก็เลยอยากจะลองดูสิว่าถ้าคบใครนานๆ จะรู้สึกยังไง ก็เลยมีวันที่ครบ 3 ปี มาถึงวันนี้ก็มีหลายความรู้สึก เพราะจากวันที่เราอินเลิฟจัดๆ อย่างช่วงที่ผ่านมาเคยคบปีนึง ก็จะมีแต่ช่วงฮันนีมูน สวีท สดใส แต่พอมาถึง 3 ปี ก็มีทั้งทะเลาะบ้าง ตีกันบ้าง ได้เห็นเขาในหลายๆ มุมมากขึ้น เราได้เป็นตัวของตัวเองมากขึ้น ก็เลยรู้สึกว่าเหมือนเราอยู่แบบครอบครัว ไม่ได้อยู่เหมือนคนรักที่ให้เขาเห็นแค่ด้านดีๆ ของเรา ก็อบอุ่นหัวใจไปอีกแบบ
ถามว่าเพราะมิ้นค่อนข้างจะตามใจเรามากหรือเปล่า คือเหมือนเวลาที่ใครคนใดคนนึงมีอารมณ์ อีกฝ่ายก็จะต้องเย็นลง บางทีเราเป็นไฟทั้งคู่ก็จะทะเลาะกันง่าย เราก็ต้องเรียนรู้ที่จะเป็นน้ำ อีกคนก็เป็นไฟ และเราก็จะค่อยๆ ดับไฟได้ ถ้าอย่างที่ทุกคนเห็น หนูจะเป็นคนที่ค่อนข้างเซนซิทีฟ หลากหลายอารมณ์ เป็นยังไงก็เป็นอย่างนั้น เลยจะขี้โมโหง่ายกว่าเขานิดนึง และด้วยความที่เขาเป็นผู้ใหญ่กว่าด้วย ที่เราอยู่กับเขาได้นานขนาดนี้เพราะเขาเป็นผู้ใหญ่กว่า และอดทน เป็นคนที่ใจเย็นมากกว่าในการที่รับฟังเรา เราก็จะได้พัฒนาตัวเองว่าเราอยากจะใจเย็นขึ้น เราก็ได้เรียนรู้ในจุดนี้”
บอกยังไม่คิดถึงอนาคตแต่งงาน เพราะกฎหมายยังไม่รองรับ
“จริงๆ เรื่องแต่งงานหนูมองว่ามันยังไกลตัว เพราะกฎหมายมันยังไม่เท่าเทียมสักที เพราะตอนนี้เราก็ยังกู้บ้านด้วยกันไม่ได้อยู่ดี เรายังทำอะไรหลายๆ อย่างไม่ได้อยู่ดี เพราะฉะนั้นวันที่เราอยู่ด้วยกันสองคน แน่นอนว่ามีการคุยกันว่าเดี๋ยวเราจะแต่งงานกันนะ เราจะมีบ้านด้วยกันนะ มีคุยอยู่แล้ว มันคือความฝันของคู่รักทุกคู่ที่อยากอยู่ด้วยกันไปจนแก่ แต่จะทำได้จริงไหมก็อีกเรื่องนึง เราก็ยังไม่เคยเจาะลึกเรื่องนั้นขนาดนั้น
จริงๆ ทุกวันนี้ก็มีความสุขในแบบของเรานะคะ เราค่อนข้างเป็นคู่รักที่อยู่กับความเป็นจริง ก็เลยไม่ค่อยได้คาดหวัง ไม่ได้มองถึงอนาคตขนาดนั้น เอาแค่ทุกวันนี้ที่เรายังรักกัน เรายังมีความสุขด้วยกัน มันก็เพียงพอแล้ว”