“เอส วรฤทธิ์” หวนคืนการแสดงในรอบ 12 ปี เล่นซีรีส์วายเรื่องแรกของบริษัท บอกลองหานักแสดงคนอื่นแล้ว แต่ด้วยเวลาที่ต้องรีบถ่าย ตนเลยกลายเป็นคนที่เหมาะสมที่สุด บอกแก่ได้ที่พอดีกับบท เขินทำเองเล่นเอง
เชื่อว่าแฟนๆ ละครก็คงคิดถึงหนุ่ม “เอส วรฤทธิ์ ไวยเจียรนัย” ในฐานะนักแสดงอยู่ไม่น้อย เพราะหลังจากที่เจ้าตัวผันมาทำงานเบื้องหลังในฐานะผู้จัดอยู่นานเกือบ 12 ปี ก็ไม่ได้เห็นฝีไม้ลายมือของกันอีกเลย แต่ล่าสุดในซีรีส์เรื่อง Pit Babe The Series แฟนๆ จะได้เห็นผลงานการแสดงของหนุ่มเอสอีกครั้ง ซึ่งเจ้าตัวเผยว่าตื่นเต้นไม่น้อยเหมือนกัน แต่ด้วยความที่อยู่กับงานเบื้องหลังและใกล้ชิดมาตลอด ก็เลยอาจจะไม่ได้ถือว่าหายไปซะทีเดียว
“หายไป 12 ปีกลับมาก็ตื่นเต้นครับ แต่จริงๆ ไม่ได้ห่างหายไปไหนเลย เพราะอยู่กับเบื้องหลังมาหมดเลย เรื่องล่าสุดที่เล่นคือคลับฟรายเดย์เดอะซีรีส์ ซีซั่น1 ตอนนั้นมันยังเป็นเรื่องสั้นๆ แค่ 1 ep. ก็เลยเล่น จนถึงวันนี้ก็น่าจะ 11-12 ปีได้ ถ้าถามว่าคิดถึงไหมก็คิดถึง แต่มันเป็นความคิดถึงที่เราอยู่ติดขอบตลอดเลย เราโค้ชน้องๆ นักแสดง แต่เราอยู่ในฐานะเบื้องหลัง และพอโปรเจกต์นี้มันก็เป็นความหวังของบริษัทฯ เหมือนกัน ด้วยความที่พอเช้นจ์ลุกขึ้นมาทำเช้นจ์ ออริจินัล เรื่องนี้เป็นบอยเลิฟซีรีส์เรื่องแรก และเราก็เตรียมตัวกันมาค่อนข้างนานมาก พอทำแล้วเราก็จะอยู่กับคาแรกเตอร์ อยู่กับเรื่อง จนแคสติ้ง เจอน้องๆ ทั้ง 12 คน อยูกับเขาตลอดเวลา จนโค้งสุดท้ายตัวละครโทนี่ มันก็เป็นตัวที่สำคัญมากตัวนึง ก็พยายามหาแล้วแหละ แต่เผอิญแก่ได้ที่พอดี ก็เลยคิดว่าเล่นก็ได้
จริงๆ ก็มองไว้หลายคนนะครับ แต่ด้วยข้อจำกัดอะไรหลายๆ อย่าง ด้วยความที่มันเป็นโปรเจกต์ค่อนข้างเร่งด่วน นักแสดงส่วนใหญ่ก็จะมีคิวของเขา แต่ผมคิวว่างพอดี เขาก็เลยเลือกผม ต้องเคาะสนิมเยอะไหม ก็ลุ้นอยู่ (หัวเราะ) แต่อย่างที่บอกว่ามันไม่ได้ห่าง เพียงแค่เราไม่ได้ออกมาแสดงเอง ก็ตื่นเต้นนะ เพราะเราก็เป็นนักแสดงที่โตมากับยุคนั้น โลกการแสดงมันก็เปลี่ยนไป ก็ยังลุ้นกับตัวเองอยู่เหมือนกันว่าการเล่นของเราในวันนี้มันจะเหมือนที่เราโค้ชเขาหรือเปล่า เพราะบางอย่างมันก็ฝังไปแล้ว ก็ต้องเวิร์กช็อปครับ”
บอกคาดหวังกับซีรีส์เรื่องนี้มาก เพราะทุ่มเทกับทั้งบริษัท
“การเล่นกับนักแสดงใหม่จริงๆ ก็เป็นข้อดีนะ แต่น้องๆ ทั้ง 12 คนนี้เราเห็นเขาตั้งแต่วันแรกเลย เราอยู่กับเขา เราฝึกกับเขา เราโค้ชกับเขา จนเหมือนกับเราก็ได้ซ้อมไปในตัว เพียงแต่ว่าเราไม่ได้แสดงเป็นโทนี่ตั้งแต่ต้น ตอนนั้นก็เลยยังไม่ได้ตัดสินใจครับ
จะมีบทเลิฟซีนบอยๆ ไหม คือด้วยบทนี้มันไม่ได้มีความรักแบบนั้น แต่โทนี่เป็นบิ๊กบอสใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังของทุกอย่าง ส่วนโอกาสกลับมาเล่นต่อเนื่อง จริงๆ ถ้ามีโอกาสก็ดีนะครับ คือในมุมของนักแสดงเราก็อยากทำงานร่วมกับผู้กำกับหลายๆ คน ทีมงาน นักแสดงหลายๆ คน เพียงแต่ก็ยังมีหมวกอีกใบที่เราต้องทำงาน ก็อาจจะยากนิดนึงเรื่องของเวลา แต่พอเรื่องนี้เราทำเอง มันต้องไปกองอยู่แล้ว ก็เลยอาจจะสะดวกขึ้น
ที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีใครชวนผมเล่นละครเลย (หัวเราะ) แต่ก็อย่าเพิ่งเลยครับ งานก็ทำไม่ค่อยทันอยู่ คือมันมีหมวกหลายคน อยู่ตึกก็บริหารบริษัท ออกกองเราก็เหมือนเป็นผู้อำนวยการผลิต มันเลยมีหลายอย่างที่ต้องทำ แต่กับเรื่องนี้เราก็คาดหวังนะครับ เพราะเราทำกันเต็มที่มากๆ ทั้งบริษัท ทีมงานทุกๆ คน แต่สุดท้ายความคาดหวังมันจะตอบกลับมาในรูปแบบความทุ่มเท ที่เราตั้งใจทำงานกันเต็มที่มากๆ
ก็ต้องขอบคุณทีมงานเบื้องหลังด้วย และน้องๆ นักแสดงต้องเรียกว่าใหม่หมด บางคนอาจจะเคยผ่านงานมาบ้าง แต่เป็นแค่งานผิวๆ เล็กๆ น้อยๆ แต่เรื่องนี้เขาจะต้องรับบทบาทที่ต้องมีความเป็นมืออาชีพในการเป็นนักแสดง เพราะในการทำบท ทั้ง 12 คนคือนักแสดงนำ ทุกคนมีเส้นเรื่องของตัวเอง และบทเรื่องนี้สนุกมากๆ จริงๆ ครับ ก็ต้องขอบคุณเจ้าของนิยายที่เขียนได้สนุกจริงๆ เพราะถ้าไม่สนุกขนาดนี้ ตอนนี้คงไม่ถึง 900 ล้านครั้งที่คนคลิกเข้าไปดูครับ”