“ชาย ชาตโยดม” อินบท “พ่อเกรซ” ดีใจทำให้คนเข้าใจกันมากขึ้น ขอบคุณผู้ใหญ่ให้โอกาสเล่น “มาตาลดา” ฟีดแบ็กดีจนอธิบายไม่ถูก ช่วงนี้เล่นบทไหนก็ปัง นับเป็นจุดสูงสุดของอาชีพนักแสดงแล้ว แฮปปี้โดนเซอร์ไพรส์วันเกิด ของขวัญคืออยากมีเวลาให้ครอบครัวมากขึ้น
ทำเอาคนอินตามกันทั้งบ้านทั้งเมือง กับบท “พ่อเกรซ” ในละคร “มาตาลดา” ที่ถ่ายทอดออกมาโดย “ชาย ชาตโยดม หิรัญยัษฐิติ” แต่งานนี้ก็ไม่ใช่แค่คนดูที่อิน เพราะคนแสดงก็อินแบบสุดๆ เรียกว่าเล่นเอง ดูเอง ร้องไห้เอง ถึงขั้นอยากเป็นพ่อแบบพ่อเกรซให้ได้ในชีวิตจริง ล่าสุดวันนี้ (1 ส.ค.) ได้เจอชาย ชาตโยดม” ในงานกิจกรรม “รวมพลคนรักมาตาลดา” เจ้าตัวก็เผยว่าชีวิตตอนนี้ นับเป็นจุดสูงสุดของอาชีพนักแสดงแล้ว เพราะได้รับฟีดแบ็กที่ดีท่วมท้นมาก
“สิ่งที่มีค่ามากที่สุดในการทำงาน คือได้ส่งต่อความรู้สึกที่มี นอกเหนือจากแค่ความบันเทิง ที่อยากจะให้ทุกคนได้สนุกกับการดูละครแล้ว มันได้ส่งต่อความสุขในอีกรูปแบบหนึ่ง ที่ทำให้ครอบครัวได้มาอยู่ด้วยกัน ให้คนมีที่คิดว่าตัวเองไม่มีทางออก สามารถที่จะเดินหน้าต่อไปได้ มีความสุขในชีวิตแต่ละวันได้ หรือแม้แต่คนที่ไม่เคยคิดว่าจะเปิดรับอะไรได้ สามารถที่จะเปิดรับ แล้วได้ข่าวว่ามีบางครอบครัว ที่ในบ้านมีพ่อที่ไม่เข้าใจลูกที่เป็นแบบนี้ แล้วพอได้ดูละครมาตาลดา แล้วถึงได้เข้าใจอะไรมากขึ้น และยอมเปิดรับให้ลูกได้เป็นในสิ่งที่เขาเป็น คือเราไม่ได้คาดคิดว่าจะให้เกิดอะไรแบบนั้นขึ้นในชีวิตจริง แต่ว่าพอได้ยินอย่างนี้ปั๊บ มันเป็นสิ่งที่ทำให้มีความสุขที่สุด และภูมิใจกับอาชีพที่เรามาทำตลอด”
เล่นเอง ดูเอง ร้องเอง
“เมื่อคืนเรานั่งดูกับคุณแม่ ชายยังนั่งร้องเลย คงยังอยู่ในมวลอารมณ์ของความเป็นมาตาลดาอยู่ เพราะมันก็ยังผ่านมาไม่นาน จากการถ่ายทำ แล้วพอถึงช่วงออนแอร์ก็จะได้รับฟีดแบ็ก หรือว่าคนเข้ามาทัก เข้ามาพูดคุยเรื่องนี้อยู่ตลอดเวลา ก็เลยกลายเป็นว่าเรายังอยู่ในความเป็นมาตาลดาตลอดเวลา แม้กระทั่งครอบครัวของชายเอง เมื่อคืนนี้ก็มาทานข้าวด้วยกัน แล้วก็มานั่งดูด้วยกัน ซึ่งภาพนี้มันก็ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ เพราะต่างคนต่างมีภาระหน้าที่ มันก็เป็นการรวมครอบครัวครั้งหนึ่ง ซึ่งรู้สึกว่าดีจังเลย นั่งยิ้ม นั่งร้องไห้ด้วยกัน กอดกัน มันมีค่าจัง”
ลูกๆ และภรรยาชอบใจมาก เห็นพ่อเป็นพ่อเกรซ
“ซีนที่ชายเต้น เขาจะชอบมาก เขาจะยิ้มหัวเราะ บอกว่าพ่อๆ กรี๊ดกร๊าดกันใหญ่ โดยเฉพาะแม่นี่แหละ เป็นกองเชียร์เอฟซีเบอร์หนึ่งเลย เวลาลูกถาม กี้ (วิกกี้ สุนิสา เจทท์) เขาก็จะเป็นคนอธิบายให้ลูกฟัง ว่าพ่อเล่นละครนะ เล่นเป็นพ่อเกรซนะ พ่อเล่นสวยไหม เขาจะคอยเล่าให้ลูกฟัง ลูกก็จะรอดู จะออกมาเมื่อไหร่ เขาจะถามตลอดโดยเฉพาะคนเล็ก เมื่อไหร่พ่อจะออกมาๆ แต่อย่างเมื่อวานที่เป็นซีนพ่อร้องไห้ เขาก็อาจจะไม่เคยเห็นพ่อร้องไห้ในทีวี แต่พอหันมาก็เจอพ่อนั่งร้องไห้อยู่ข้างๆ ด้วย เขาก็เลยปีนขึ้นมากอดมาโอ๋ เขาสัมผัสได้อะไรหลายๆ อย่าง มันเป็นละครที่ไม่มีพิษมีภัย แล้วเราก็อยากให้ลูกได้ดูและซึมซับเข้าไป เราจะได้สอนต่อได้”
ในชีวิตจริงก็อยากเป็นพ่อแบบพ่อเกรซ
“ชายอยากเป็นพ่อแบบพ่อเกรซเหมือนกัน เขามีความเป็นอะไรที่เราอาจจะยังไปไม่ถึง แต่ว่ามันก็เป็นจุดที่ทำให้เราอยากเดินตามไปอย่างมีเป้าหมาย การเลี้ยงลูก การเป็นพ่อคน หรือว่าการเป็นครอบครัว แต่ละคนก็ไม่ได้เรียนมา ไม่รู้ว่าอะไรถูกอะไรผิดสักทีเดียว ก็เรียนรู้กันไปพร้อมๆ กับลูก แต่การที่ได้เห็นพ่อเกรซสอนลูก ก็เป็นตัวอย่างให้เราสามารถเอามาใช้สอนลูกในชีวิตจริงได้”
ปังทุกบทบาทที่ได้รับ จนไม่รู้จะอธิบายยังไง
“มันคือช่วงจังหวะด้วย ชายก็ไม่ได้ตั้งใจว่ามันจะออกมาพร้อมกัน แต่ชายก็ตั้งใจกับทุกชิ้นงานที่ทำอยู่แล้ว แล้วก็คาดหวังอยู่ประมาณหนึ่ง ว่าคนจะรับรู้ได้ถึงความตั้งใจของเรา พอวันนี้ที่ละครทีวี ละครเวทีได้ออกมา แล้วก็ได้รับฟีดแบ็กที่ท่วมท้น มันไม่รู้จะอธิบายยังไงเหมือนกัน”
นับเป็นจุดสูงสุดในอาชีพนักแสดง
“เท่าที่ผ่านมาก็คิดว่านี่ก็น่าจะเป็นจุดสูงสุด มันก็มีหลายๆ อย่างที่เราไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้นในชีวิต แล้วมันก็ได้ทำงานที่ดี ได้บทที่ดี ได้รับคำชื่นชม ได้ดึงเอาครอบครัวกลับมาสนทนากัน คือมันหลายอย่างเข้ามา แต่ถามว่าคุ้มไหม มันคือที่สุดในชีวิตแล้ว บทนี้ในชีวิตครั้งหนึ่ง แทบจะหาไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ชายโชคดีมากๆ ที่ผู้ใหญ่ให้โอกาส ที่จ๋า (ยศสินี ณ นคร) นึกถึงชายกับบทพ่อเกรซ แต่ละคำพูด แต่ละตัวหนังสือที่ออกมา มันมีความหมายมหาศาล มหัศจรรย์มาก อย่างที่บอกว่าตั้งแต่ตอนที่เห็นเป็นตัวหนังสือ ยังรู้สึกว่าเรากำลังถืออะไรที่พิเศษมากๆ ในมือ ไม่รู้ว่าคนจะมีโอกาสได้ดูได้สัมผัสกับความรู้สึดนี้หรือเปล่า ก็ได้แต่คาดหวัง สุดท้ายคนก็ได้รับรู้จริงๆ”
แฮปปี้มีเซอร์ไพรส์วันเกิดกลางงาน
“ปีหนึ่งผ่านมาเร็วมาก เราเพิ่งแฮปปี้เบิร์ธเดย์กันไป ตอนถ่ายฉากที่เจอกับอากงที่ห้องคนไข้ ปีหนึ่งผ่านไปแล้วเราก็มาแฮปปี้เบิร์ธเดย์กันอยู่ตรงนี้ ยังอยู่ในมวลของความเป็นมาตาลดาอยู่”
ของขวัญปีนี้คืออยากมีเวลาอยู่กับครอบครัวมากขึ้น
“ก็อยากจะมีเวลาได้อยู่กับครอบครัว ที่ผ่านมาชายทำงานเต็มที่เลย ไม่ได้เจอลูก ปัญหาของชายคือถ้าไม่ได้เจอลูกหลายๆ วัน จะเริ่มงอแง ปีนี้ก็ทำงานแต่จะแบ่งเวลาเอาไว้อยู่กับครอบครัวด้วย คือกี้เขาจะคอยสอนลูกตลอด ว่าพ่อออกไปทำงานหาเลี้ยงเรา ลูกๆ จะได้มีชีวิตที่ดี แต่พอถึงเวลาจริงๆ พอมันเริ่มยาวๆ ปั๊บ เขาก็จะถาม ว่าเมื่อไหร่จะมีเวลาอยู่กับเขาบ้าง(เสียงสั่น)
เขาพูดมาเป็นเดือนแล้ว แต่ชายก็ยังไม่ได้มีเวลาอยู่กับเขาจริงๆ ก็พยายาม ถึงจะกลับมาเหนื่อย ก็จะใช้เวลากับเขาให้ได้มากที่สุด อยากเอาไปทำงานด้วยมาก แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง เพราะสิ่งที่ทำอยู่มันคือสิ่งที่ชายรัก และศรัทธามากที่สุด อาชีพตรงนี้มันให้ทุกอย่างกับชีวิตชาย แล้วก็มีอีกอย่างที่สำคัญที่สุดในชีวิตรออยู่ ชายก็เลยแบบเดี๋ยวจะต้องปรับตัวเอง หาบาลานซ์ให้เจอ”