“ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก” ปัดที่ไม่ลงรูปคู่เพราะไม่อยากเป็นกระแสหลังเจอดรามาครอบครัว แต่เพราะช่วงนี้ไม่ค่อยมีงานด้วยกันแล้ว รับตอนนี้ “นาย” เครียดน้อยลงแล้ว ตนคอยหาเรื่องตลกๆ คุย พร้อมขอบคุณฝ่ายชายที่เป็นห่วงความรู้สึกตนและคอยอยู่ข้างๆ มาตลอด
หลังจากที่ทาง “นาย ณภัทร เสียงสมบุญ” ได้ออกมาเคลียร์ประเด็นที่ว่า “แม่หมู พิมผกา เสียงสมบุญ” อันฟอลโลว์ทั้งเจ้าตัวและ “ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์” ไปแล้ว แต่คนก็จับสังเกตว่าไม่ค่อยเห็นทั้งนาย และใบเฟิร์น ลงรูปคู่กันอย่างแต่ก่อน ซึ่งล่าสุด ใบเฟิร์น ได้ออกมาเผยถึงประเด็นนี้ในงานฟิตติ้งละครเรื่อง ทองประกายแสด ณ สตูดิโอ Location : One Shot Studio 51 บอกไม่ค่อยมีงานคู่กันแล้ว แต่มีที่ถ่ายเก็บไว้ดูกันเองมากกว่า
"ไม่นะคะ อย่างปกติก่อนหน้านี้เราทัวร์ต่างจังหวัดด้วยกัน เราก็มีโอกาสได้ถ่าย แต่งตัวอยู่ห้องเดียวกัน แต่นี่มันก็หมดจังหวัดที่เราไปทัวร์แล้ว มันก็อาจจะไม่ได้มีรูปคู่ แล้วก็ทำงานด้วยกันทั้งคู่ด้วย แต่เวลาที่ไปไหนด้วยกันก็มีถ่ายเก็บไว้เก็บไว้ดูเองค่ะ ไม่ใช่ว่าไม่อยากให้มันเป็นกระแสมันต่อกระแสอะไรหรอก คือปกติพวกหนูก็ไม่ใช่คนที่ลงรูปคู่กันอยู่แล้ว จะเก็บไว้ดูเองมากกว่า (หัวเราะ)
ตอนนี้ก็โอเคนะคะ โอเคเลย คืออย่างที่เราบอกว่า เราเข้าใจมันตั้งแต่แรก เราก็เลยไม่ได้รู้สึกว่าเป็นเรื่องหนักหนาอะไร พอเขาค่อยสบายใจขึ้น เราก็แฮปปี้นะคะ เพราะก่อนหน้านี้เขาก็ดูเครียดมาก แต่ส่วนนึงเขาเป็นคนที่ค่อนข้างเก่ง เราก็ให้เวลาเขาสักระยะ ตัวเขาก็ค่อนข้างทำความเข้าใจกับหลายๆ อย่าง ก็เบาลง ส่วนเราอยู่ข้างๆ ซัปพอร์ตอะไรได้ก็ให้กำลังใจไป อะไรทำได้เราก็ทำ
เราสายตลกอยู่แล้ว เพราะเขาบอกว่าเราเป็นคนตลก หนูจะเป็นคนที่พูดไปเรื่อย เขาก็จะฟัง เฟิร์นพูดเรื่องอะไรก็ตลก บางทีเขาไม่ค่อยทันก็จะถามว่าอันนี้อะไรนะ บางทีเราจะมีคำประหลาด อย่างเช่น เขาไม่คายตะขาบเหรอ นายก็จะแบบเขาต้องอมตะขาบเหรอ เขาก็จะไม่เข้าใจว่าพูดอะไร แต่ตอนนี้เขาเริ่มเก่งขึ้น เขาเริ่มทันแล้ว เริ่มมีกะเทยวันละคำ เพราะว่าเขาเริ่มอยากรู้ว่าอันนี้คืออะไรเหรอ (กลายเป็นลูกกะเทยเลี้ยงไปแล้ว) สงสารเขานะคะ (หัวเราะ)”
ขอบคุณ “นาย” สำหรับความเป็นห่วง และอยู่ข้างๆ กันมาตลอด
“ความสัมพันธ์เรามันไปได้ดี เพราะมันเป็นเพื่อนกันมา คือเราเข้าใจ ว่าภาวะนี้เขาเครียด หรือเขาดีขึ้น เราก็จะสังเกตเห็นกันง่าย ถามว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นบททดสอบสำหรับคู่เราไหม คือเฟิร์นไม่ได้คิดอะไรไปมากขนาดนั้น เฟิร์นรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นได้
ที่เขาบอกว่าเป็นห่วงเฟิร์นที่ต้องเจออะไรแบบนี้ คือเฟิร์นรู้สึกขอบคุณ รู้สึกว่าหลายๆ คนเขาก็เป็นห่วงจริงๆ ไม่ใช่แค่เรื่องนี้ แต่หลายๆ เรื่องที่ผ่านเข้ามาในชีวิตก็ยังเห็นเขาที่อยู่ข้างๆ ตลอด ก็ขอบคุณมากมายจริงๆ ก็เป็นความหวังดี ไม่ใช่แค่เฟิร์นที่ได้รับ รวมถึงนายและครอบครัวทุกคนได้รับหมด
เฟิร์นว่าเฟิร์นเข้าใจด้วย ส่วนใหญ่คือมันเป็นด้วยความเข้าใจ แล้วมันไม่ได้มีปัญหาอะไร เราก็อยู่ข้างๆ เขา กะเทยไปวันๆ ก็ทำให้ตัวเราก็ไม่ได้เครียด เพราะว่าเราก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน มันก็เป็นเอนเนอร์จี้ดีๆ ที่เราส่งให้กันมากกว่า"