"ชิเนด โอคอนเนอร์" จะถูกจดจำไปตลอดกาลในฐานะนักร้องชาวไอริชผู้สร้างสรรค์เพลง "Nothing Comparatives 2 U" ของ "พรินซ์" ให้เป็นเพลงชาติแห่งคนอกหัก เป็นหนึ่งในเพลงที่เศร้าที่สุดตลอดกาล ขณะที่ชีวิตของเธอก็เจอเรื่องเศร้า ๆ มากมายเช่นเดียวกัน
ด้วยการถ่ายวิดีโอง่ายๆ ในฤดูหนาวที่สวนสาธารณะร้างในเขตชานเมืองของกรุงปารีส ชิเนด โอคอนเนอร์ ถ่ายทอดบทเพลงแห่งอารมณ์อย่างแท้จริง ด้วยความดิบเถื่อนที่ห่อหุ้มความรักและความสูญเสียไว้อย่างสมบูรณ์แบบ และแทบจะทำให้คนลืมไปแล้วว่า Nothing Comparatives 2 U เป็นเพลงของศิลปินคนอื่น
นับจาก 1980 เป็นต้นมา ชิเนด โอคอนเนอร์ ออกอัลบั้มเดี่ยวมาถึง 10 ชุด มีผลงานฮิตมากมายตั้งแต่เพลง "I Do Not Want What I Haven't Got" ระดับมัลติแพลตตินั่ม จนถึง "I'm not Bossy, I'm the Boss" ในปี 2014 ซึ่งวาดทุกอย่างตั้งแต่ดนตรีไอริชดั้งเดิมไปจนถึงเพลงบลูส์และเร็กเก้
ชิเนด โอคอนเนอร์ เกิดในปี 1966 ในเคาน์ตีดับลิน เป็นลูกคนที่สามในจำนวนห้าคนที่เกิดจากพ่อแม่ที่ต้องผ่านการหย่าร้างอันขมขื่น
เธออธิบายตัวเองว่าเป็น "โรคจิตเภท" มาตั้งแต่เด็ก หลังถูกล่วงละเมิดที่เธอเรียกว่าโดนกระทำ "ทางเพศและร่างกาย จิตใจ จิตวิญญาณ อารมณ์ วาจา"
เธอถูกจับหลายครั้งก่อนถูกส่งตัวไปยังทัณฑสถานซึ่งบริหารงานโดยโบสถ์ ซึ่งแม่ชีผู้เห็นอกเห็นใจสนับสนุนให้เธอเล่นดนตรี โดยซื้อกีตาร์ให้เธอ
ชิเนด โอคอนเนอร์ เริ่มเล่นดนตรีตามท้องถนนในดับลินและร้องเพลงในผับ และย้ายไปลอนดอนและผลิตอัลบั้มแรกเมื่ออายุ 20 ปีในขณะที่กำลังตั้งครรภ์ จนต่อมาได้เซ็นสัญญากับบริษัทแผ่นเสียง
แต่บริษัทกลับขอให้เธอเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ของตัวเองโดยสิ้นเชิง และเธอก็ทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง
“พวกเขาพาฉันไปทานอาหารกลางวันและบอกว่าอยากให้ฉันใส่กระโปรงสั้นและรองเท้าบู๊ต ไว้ผมยาวและทำตัวเป็นสาวเต็มตัว” เธอบอกกับ Daily Telegraph แต่เธอกลับเลือกทำอีกอย่าง ด้วยการบอกให้ช่างตัดผมโกนผมบนศีรษะของเธอทั้งหมด “เขาไม่อยากทำหรอก เขาเกือบจะร้องไห้ แต่ฉันแฮปปี้นะ"
การเปิดตัวครั้งแรกของเธอในปี 1987 "The Lion and the Cobra" กลายเป็นเพลงฮิต 3 ปีต่อมาเธอส่งผลงานฮิตอย่างต่อเนื่อง
ตั๋วคอนเสิร์ตเป็นที่ต้องการ จนขายหมดเกลี้ยงทุกรอบ รูปลักษณ์ที่โดดเด่นและเสียงที่ไพเราะของเธอทำให้เธอกลายเป็นดาราดังไปทั่วโลก
แต่ในช่วงที่ชื่อเสียงกำลังโด่งดังสุดขีด ชิเนด โอคอนเนอร์ กลับทำอะไรบางอย่างที่ช็อกทั้งโลก และถึงขั้นกลายเป็นความขัดแย้งระหว่างประเทศ
ในการแสดงในปี 1992 ในรายการโทรทัศน์ Saturday Night Live ของสหรัฐอเมริกา ขณะสวมชุดลูกไม้สีขาว และกำลังร้องเพลง "War" ของบ็อบ มาร์เลย์ โอคอนเนอร์ พูดออกมาว่า "การทารุณกรรมเด็ก" ก่อนจะฉีกรูปสมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น ปอลที่ 2 และประกาศว่า "จงต่อสู้กับศัตรูที่แท้จริง!"
การล่วงละเมิดเด็กโดยนักบวชคาทอลิกในไอร์แลนด์ยังไม่เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง และท่าทีของโอคอนเนอร์ก็จุดประกายการวิจารณ์อย่างกว้างขวาง หลายคนมองว่าแม้เธอจพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นจริง แต่สิ่งที่ทำก็แรงจนเกินไป
มีคนเอาแผ่นซีดี และเทปคาสเซ็ตของเธอมากองที่หน้าสำนักงานบริษัทบันทึกเสียงของเธอในนิวยอร์ก หลายคนเผาทำลายผลงานของ ชิเนด โอคอนเนอร์
เหตุการณ์ดังกล่าวก็ส่งผลกระทบต่อความนิยมของเธอ อัลบั้มที่ตามมาไม่ประสบความสำเร็จในเชิงพาณิชย์เท่ากับงานก่อนหน้านั้น
ในช่วงกลางทศวรรษที่ 1990 ชีวิตส่วนตัวของ ชิเนด โอคอนเนอร์ เริ่มได้รับความสนใจมากกว่าดนตรีของเธอ รวมถึงความสัมพันธ์ของเธอกับลูกสาว
ในปี 1999 เธอกลายเป็นจุดศูนย์กลางของความโกลาหลอีกครั้งเมื่อ ชิเนด โอคอนเนอร์ ได้รับแต่งตั้งเป็นนักบวชคริสต์ โดยบาทหลวงที่ไม่เห็นด้วยในพิธีที่คริสตจักรคาทอลิก
อีกหนึ่งปีต่อมา ชิเนด โอคอนเนอร์ ได้เซ็นสัญญาใหม่กับค่ายเพลง Atlantic Records และออกชุดอัลบั้มใหม่ ซึ่งรวมถึงอัลบั้ม "Sean-Nos Nua" ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากไอริชดั้งเดิม และอัลบั้ม "Throw Down Your Arms" แนวเร้กเก้
ชิเนด โอคอนเนอร์ แต่งงาน 6 ครั้งและมีลูก 4 คน คนโตเกิดในปี 1987 และคนสุดท้องในปี 2006
อัลบั้ม "I'm Not Bossy, I'm the Boss" ในปี 2014 ของเธอได้รับการตอบรับอย่างดี แต่เธอต้องยกเลิกการออกทัวร์ในช่วงกลางปี 2015 ด้วยปัญหาสุขภาพ
โพสต์ของเธอบนโซเชียลมีเดียมีปัญหามากขึ้นเรื่อย ๆ หลายครั้งเป็นการคุกคามอดีตเพื่อนร่วมงาน ชิเนด โอคอนเนอร์ บอกว่าตัวเองมีปัญหาสุขภาพร่างกายและจิตใจ และไม่สามารถติดต่อเพื่อพูดคุยปัญหากับครอบครัวและลูก ๆ ของเธอได้
ในเดือนพฤศจิกายน 2015 มีว่าว่าเธอเกิดภาวะ "ใช้ยาเกินขนาด" ขณะจองและเข้าพักในโรงแรมแห่งหนึ่งโดยไม่ระบุชื่อ แต่ตำรวจพบว่าปลอดภัย
ชิเนด โอคอนเนอร์ เคยบอกกับโอปราห์ วินฟรีย์ในปี 2007 ว่าเธอต่อสู้กับความคิดอยากฆ่าตัวตายและได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคไบโพลาร์
ในเดือนมิถุนายน 2016 ตำรวจชิคาโกได้รับเบาะแสว่าเธออาจขู่ว่าจะกระโดดสะพาน แต่เธอปฏิเสธข่าวลือดังกล่าวว่าเป็นแค่ "ข่าวซุบซิบเท็จ ที่มุ่งใส่ร้ายเธอ"
ในปี 2018 ชิเนด โอคอนเนอร์ เปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลามและเปลี่ยนชื่อเป็น ชูฮาดา ชาดาคิท
ในช่วงบั้นปลายของชีวิต มีรายงานว่าเธอแบ่งเวลาไปมาระหว่างไอร์แลนด์และอังกฤษ และจนในปี 2022 เชน ลูกชายของเธอเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายเมื่ออายุ 17 ปี