xs
xsm
sm
md
lg

“เชอรี่ เข็มอัปสร” ปลุกไฟการแสดง คืนจอในรอบ 8 ปี โอดรู้สึกกลัว เหมือนเป็นนักแสดงหน้าใหม่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“เชอรี่ เข็มอัปสร” ใจอ่อนรับละครในรอบ 8 ปี ปลุกไฟการแสดงหนัก หลังอ่านบทแล้วไม่อยากเล่น ที่ผ่านมาปฏิเสธผู้จัดไปเยอะ จนมารับเรื่องนี้ เผยกลับมาแรกๆ กลัวมาก เพราะการทำงานเปลี่ยนไปเยอะ ต้องขอเวิร์กช็อปและทำการบ้าน เหมือนเป็นนักแสดงหน้าใหม่ เขินโดนชมหน้าไม่เปลี่ยน บอกมีจิ้มบ้างตามประสา

ห่างหายจากงานละครไปนานถึง 8 ปีเลยทีเดียว สำหรับ “เชอรี่ เข็มอัปสร สิริสุขะ” ที่ขอพักจากหน้าจอ ไปลุยงานด้านสิ่งแวดล้อม ก่อนล่าสุดจะยอมใจอ่อน กลับมารับละครอีกครั้ง ในเรื่อง “ลมเล่นไฟ” โดยวันนี้ (24 ก.ค.66) ในงานบวงสรวงละครเรื่องดังกล่าว เจ้าตัวก็ได้เผยกับสื่อมวลชน ว่ารู้สึกเหมือนเป็นนักแสดงหน้าใหม่ เพราะทุกอย่างเปลี่ยนไปมาก และต้องขอบคุณละครเรื่องนี้มาก ที่ช่วยปลุกไฟในตัวขึ้นมาอีกครั้ง หลังเคยคิดว่าคงไม่ได้กลับมารับอีกแล้ว

“กลับมาในรอบ 8 ปี เพราะทุกอย่างมันลงตัวค่ะ แต่เราไม่เคยแพลนเลย ว่าจะกลับมาเล่นละคร เหมือนที่ผ่านมาก็มีคนส่งบทมาให้อ่าน แล้วก็รู้สึกมั่นใจเลย ว่าเรื่องกระทิงน่าจะเป็นเรื่องสุดท้ายแน่ๆ แล้วก็คิดอย่างนั้นมาตลอด พออ่านมาเรื่อยๆ ก็ไม่ได้รู้สึกว่ามีไฟในใจ จนพอพี่นก (จริยา แอนโฟเน่) ส่งมา ว่าอยากให้ลองอ่านเรื่องลมเล่นไฟ ซึ่งพี่นกโทร.มาด้วยความเกรงใจ ว่ายังไงเราก็ไม่น่าจะรับหรอก แต่ว่าอยากให้ลองอ่านก่อน พออ่านแล้วชอบตัวบท คืออยากเล่นเป็นหมอ เพราะไม่เคยเล่นเป็นหมอผ่าตัดหัวใจด้วย แล้วเรื่องครอบครัวแบบนี้ก็ไม่เคยเล่น แล้วรู้สึกว่าครอบครัวมันคือพื้นฐานของสังคม ที่มันสำคัญมาก แล้วเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ค่อนข้างเข้ากับยุคสมัย ที่มันมีปัญหาเกิดขึ้น แล้วมันมีการแก้ไขปัญหากันยังไง ก็เลยรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่ดีเรื่องหนึ่ง”

คิดว่าหมดไฟไปแล้ว เพราะอ่านบทแล้วไม่รู้สึกอยากเล่น
“ตอนที่รู้สึกว่าไม่อยากเล่นละคร มันเกิดขึ้นเพราะอะไร ก็ไม่รู้เลยค่ะ มันแค่อ่านบทแล้วไม่รู้สึกอยากเล่น แค่นั้นเลย เพราะทุกเรื่องตั้งแต่ท้ายๆ ที่รับงานมา จะมาจากการที่อ่านบทแล้วเห็นตัวเองและอยากเล่น อยากจะถ่ายทอดบทนี้ แต่มันไม่เห็นเลย ก็นึกว่ามัน Disconnect ไปแล้ว”

8 ปีที่ผ่านมาก็ปฏิเสธไปเยอะมาก
“ก็นิดหนึ่ง แรกๆ อาจจะมีเยอะหน่อยค่ะ แต่ปีท้ายๆ เขาจะมั่นใจแล้วว่าเราไม่รับงานแล้ว ถามว่าเกิน 10 เรื่องไหม ก็ไม่ได้นับเลยค่ะ ไม่แน่ใจเลย แต่ก็ไม่มีใครตื้อสุดๆ เลยนะ เพราะว่าตอนที่อ่านบทแล้วปฏิเสธ ทุกคนก็คือเหมือนเตรียมใจมาแล้ว เขาก็จะอ๋อ โอเคค่ะๆ เราก็มีงานที่เราไปเริ่มด้านสิ่งแวดล้อมด้วย แล้วเราก็อินมาก รู้สึกสนุกกับการได้เรียนรู้ หาข้อมูลในโลกใหม่ ทำอะไรใหม่ๆ มันก็สนุกมากๆ แล้วมันก็อาจจะเป็นไฟในใจในทางด้านนั้นไปซะเยอะ พอมันไม่มีไฟด้านการแสดงที่มาคอยเติม เลยแบบมองว่าทางโน้นมันสนุกอยู่ ก็คิดว่าเราอาจจะไม่ได้เล่นละครแล้วล่ะมั้ง”

ขอบคุณละครเรื่องนี้ ช่วยปลุกไฟในตัวเองอีกครั้ง
“อ่านบทค่ะ ต้องขอบคุณเรื่องลมเล่นไฟเรื่องนี้ และขอบคุณบทที่เราเล่น รวมถึงตัวละครรายล้อม ที่เรารู้สึกว่าเราชอบทุกตัวละครเลย มันไม่ค่อยเหมือนเรื่องครอบครัว ความแตกแยก เมียหลวงเมียน้อยอันอื่นๆ ที่เป็นเพราะผู้ชายเจ้าชู้ และไม่หยุด แต่เรื่องนี้เราเป็นครอบครับที่แข็งแรง แต่อะไรที่มันทำให้ปัญหามันเกิดขึ้น”

รับตอนกลับมาเล่นกลัวมาก ต้องขอเวิร์กช็อปและทำงานบ้านเยอะๆ
ตอนแรกกลัวมาก ในการกลับมาเล่น (หัวเราะ) ก็เลยขอเวิร์กช็อป และก็ทำการบ้านของตัวเอง ทั้งในแง่ของการเป็นหมอผ่าตัด และในการเล่นละคร แล้วพอเราทำการบ้านเยอะๆ จนถึงวันเปิดกล้อง พอซีนแรกๆ ที่เขาให้เราเล่น ก็คือดรามาขีดสุดเลย เราก็แบบทำไมรีบปิดโลเกชั่นเหรอ(หัวเราะ) วันสองวันแรกก็คือไปถึงตอน 8 แล้วที่ถ่าย เราก็แบบรีบเหรอคะ ไม่ให้เวลาในการอุ่นเครื่องเหรอคะ แต่ข้อดีคือพอมันยากไปขีดสุดแล้ว มันทลายความกังวลและกำแพงทั้งหลายของเราไปหมดเลย กลายเป็นว่าเราโฟกัสกับงาน ก็เลยไม่ได้คิดอะไร แล้วก็ทำให้ไม่ต้องใช้เวลาในการปรับตัวเยอะ เราก็รู้สึกสบายใจ พอมันผ่านตรงนั้นมาได้”
 
รู้สึกเหมือนเป็นนักแสดงหน้าใหม่ เพราะบรรยากาศในกองถ่ายเปลี่ยนไปมาก
“เปลี่ยนค่ะ ไม่พูดถึงอุปกรณ์เครื่องมือเนาะ แต่ว่าความเฟรชของตัวเรา ในการที่เราเล่นตอนนั้น พอเราหยุดไปแล้วกลับมาเล่น เรารู้สึกว่าเราคือนักแสดงหน้าใหม่ท่านหนึ่ง (หัวเราะ) เราตั้งใจในทุกรายละเอียดไปหมดเลย แต่ตัวเองก็ยังคิดว่านี่ก็อาจจะเป็นเรื่องสุดท้ายก็ได้ มันก็เลยเป็นความพยายามที่เราจะทำงานเต็มที่ในทุกๆ อย่าง แล้วก็มีความสุขในทุกๆ วันค่ะ ตื่นเช้ามาเราแฮปปี้ที่จะได้มากอง แล้วบรรยากาศกองที่นกเขาน่ารักมากๆ ทีมงานคือที่สุด มาแล้วสนุกมากๆ จะรับละครเรื่องใหม่ต่อเลยไหม ไม่รู้เลย ถ้าอ่านบทแล้วเจออีกเมื่อไหร่ ก็คือเมื่อนั้น”

เขินโดนชมหน้าไม่เปลี่ยน
“ขอบคุณค่ะ เขินค่ะ แต่เราก็ดูแลตัวเอง ดูแลนี่หมายถึงทุกอย่างรวมๆ กันนะคะ ทั้งภายใน ทั้งอาหารการกิน การพักผ่อน การดูแลจิตใจ หรือการทรีตเมนต์เสริมความงาม แล้วเราก็เน้นเรื่องของความเป็นธรรมชาติด้วย ทำยังไงให้เราประคองให้ได้แบบสมวัย ไม่อยากจะศัลยกรรม (เคยไปจิ้มๆ บ้างไหม?) คือทรีตเมนต์ เลเซอร์อะไรอย่างนี้ปกติค่ะ

ตอนเด็กแอนตี้ศัลยกรรม แต่ตอนนี้ต้องเริ่มหาข้อมูลไว้บ้างแล้ว
“การศัลยกรรมเนี่ย ถ้าเป็นสมัยเด็กเลยจะแอนตี้ แต่พอมา ณ วันนี้ เราก็เริ่มอาจจะต้องหาข้อมูลไว้บ้าง เผื่อไว้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจค่ะ (หัวเราะ) แต่ก็อยากให้มันเป็นอนาคตอันไกลที่สุดเนาะ แต่โบทอกซ์ก็มีคนชวนค่ะ ซึ่งอันนี้ก็ทำได้ จริงๆ จิ้มหางตานิดๆ หน่อยๆ เพราะว่าเป็นคนตาโต คือถ้าฉีดมันจะเห็นชัดมาก เพราะฉะนั้นเราไม่ชอบอะไรที่มันดูไม่ธรรมชาติค่ะ”









กำลังโหลดความคิดเห็น