“เต้ย จรินทร์พร” ดีใจได้อยู่ในละคร “มาตาลดา” เป็นส่วนหนึ่งในละครที่มีคุณค่าต่อสังคม ชมทุกซีนที่มี “ชาย ชาตโยดม” มีความหมายและอิ่มใจ เรื่องแรกที่แค่อ่านบทก็น้ำตาไหลแล้ว โอดร่วมทริป “เจโต” ต่างแดนโนสวีต ถึงกับร้องไห้ ข้อเท้าพลิก ทรมานตัวเองทริปหน้าขอเว้นสักพักเพื่อทำใจ
เป็นละครที่เรตติ้งดีสุดๆ ในเลยตอนนี้ สำหรับละครเรื่อง มาตาลดาที่มีกระแสพูดถึงดีมากในสื่อโซเชียล ล่าสุดได้เจอนางเอกของเรื่องอย่าง “เต้ย จรินทร์พร จุนเกียรติ” ในงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดตัวแคมเปญ เที่ยว Win Win ฟิน โค้ด โค้ด (เที่ยวสนุก สะสมพ้อยท์ ได้ฟินต่อ)ณ ห้องโถง ชั้น 1 อาคารสำนักงานใหญ่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ เจ้าตัวก็ยิ้มแก้มปริ บอกขอบคุณทุกกระแสตอบรับที่มีให้อย่างมากมาย
“ดีใจมากๆ (ลากเสียงยาว) เลยค่ะ ดีใจมากที่เวลาเจอใครทุกคนก็เรียกมาตา (เสียงสูง) ดีใจมากเลยค่ะ เต้ยเชื่อว่าทีมผู้จัดและนักแสดงทุกคน ทีมงานทุกคนมีความสุขมากๆ กับโมเมนต์ตอนนี้ค่ะ เป็นเรื่องที่เต้ยติดตามเรตติ้งตลอด เล่นทวิตเตอร์ตลอดเวลาละครออนแอร์ และดูยอดออนไลน์ที่มันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ดีใจมากๆ เลยค่ะ
ถามว่าถือเป็นผลงานมาสเตอร์พีซเลยไหม สำหรับเต้ยคิดว่าเป็นผลงานที่รักและอินแบบสุดๆ เลยค่ะ และดีใจมากๆ ที่ได้อยู่ในเรื่องนี้ ผลงานชิ้นนี้ มันทั้งมีคุณค่ากับสังคมและด้วยตัวมาตาเองที่เต้ยก็เข้าใจตัวละครนี้ค่อนข้างที่จะเข้าใจเขา ถึงแม้ในบทจะเขียนว่าเพี้ยน หนูก็เข้าใจ (หัวเราะ)”
บอกเป็นละครที่ให้คุณค่ากับสังคม และครอบครัวด้วย
“รู้สึกเป็นผลงานที่มีคุณค่ากับสังคมจริงๆ ค่ะ มีทั้งเรื่องครอบครัวด้วย และคำสอนของพ่อเกรซที่เอามาสอนคนได้หลายๆ คน สอนการเลี้ยงลูกได้ด้วย และหลายๆ อย่างของการเป็นมาตาลดาทั้งเรื่องเลยนะคะ เต้ยว่าทั้งหมดเขาสอนว่าให้คนมีความสุขง่ายขึ้น
ตอนแรกๆ พูดตรงๆ ว่าทุกคนก็คิดว่ามันจะเป็นยังไง เพราะเป็นละครแนวที่ไม่ค่อยมี ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเรื่องที่เข้มข้นหน่อย อันนี้เป็นทางใหม่จริงๆ ปรากฎว่าทุกคนโอบแขนรับเรื่องนี้จริงๆ แปลว่ามันมีช่องให้ละครที่สว่างด้วยเหมือนกันนะรู้สึกดีใจสุดๆ และอยากให้มาตาได้ฮีลใจคนเยอะๆ จริงๆ ค่ะ
จะบอกว่าทุกๆ ตัวละครในเรื่องมีความสำคัญหมดเลยค่ะ รวมถึงอากง อาม่าด้วยน่ารักมากๆ เลย เต้ยว่าความแปลกอีกอย่างหนึ่งของเรื่องนี้ก็คือมีพาร์ตของความรักของอากง อาม่าเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย มีเรื่องของ LGBTQ ซึ่งเป็นตัวนำเรื่องเลยด้วยซ้ำ รู้สึกว่าทุกๆ องค์ประกอบมันดีและฮีลใจคนได้หมดเลยค่ะ เต้ยรู้สึกว่านี่คือซอฟต์พาวเวอร์ของละครไทย มันมีอาหารเยอะมากๆ ซึ่งเต้ยนั่งดูเอง ถ่ายเองยังคิดเลยว่าพรุ่งนี้ต้องสั่งเผือกหิมะแล้ว”
ชื่นชม “ชาย ชาตโยดม หิรัญยัษฐิติ” แสดงได้สมบทบาท
“พี่ชายคือคนที่เต้ยอยากร่วมงานด้วยมากๆ อยู่แล้วค่ะ จำได้เลยว่าโมเมนต์แรกที่เจอพี่ชายที่กอง ตอนที่เวิร์กช็อปเต้ยดันมีความเสี่ยงเรื่องโควิด ก็เลยไม่ได้ไปเจอเขา และพอครั้งแรกที่ถ่ายแล้วเจอเขา จำได้เลยว่ามองตากันก็เรียกพ่อเกรซ แล้วก็วิ่งไปกอดเขาเลย โดยที่เชื่อสนิทใจเลยว่านี่คือพ่อเกรซ เพราะพี่ชายเขาก็เดินเป็นพ่อเกรซมาเลย ก็รู้สึกไม่ผิดหวังเลยกับการที่ได้ร่วมงานกับพี่ชายและดีใจมากๆ ด้วยค่ะ
อยากให้รอดูทุกๆ ซีนที่มีพี่ชาย มันจะมีความหมายมากๆ และมันจะอิ่มใจสุดๆ ไปเลยค่ะ ไม่ต้องละลายพฤติกรรมเลยค่ะ มันเหมือนซิ้งค์กันตั้งแต่ครั้งแรกที่วิ่งเข้าไปเรียกพ่อเกรซ มันตรงนั้นเลยค่ะ แทบจะไม่ได้ต้องทำเวิร์กช็อปอะไรแล้ว
ส่วนแก๊งแม่นมก็บันเทิงมาก แฮปปี้มาก ทุกครั้งที่เข้าฉากกับยาย (ป๋อมแป๋ม นิติ ชัยชิตาทร) มันยากมากที่จะกลั้นขำ ไม่ตามบทเลย มีตามบทอยู่ 1 ครั้ง สมมติเล่น 4 เทก ไม่เหมือนกันสักเทกเลย คนตัดก็ต้องเลือกเอาแหละว่าต้องเอาอันใดอันหนึ่ง จะมายำรวมกันไม่ได้”
ประทับใจผู้จัดที่อยากให้คนดูมีความสุขขึ้นบ้าง
“ประทับใจอะไรที่สุดเหรอคะ เลือกยากมากเลยค่ะ ก็ประทับใจทีมผู้จัดแล้วกันค่ะ เหมือนสิ่งที่พี่จ๋า (ยศสินี ณ นคร) เขาอยากที่จะส่งให้กับคนดูจริงๆ เขาบอกกับเต้ยว่าในสังคมสมัยนี้มันมีแต่ความใจร้าย มีแต่ความเครียด ความทุกข์เต็มไปหมดเลย เขาอยากให้มาตาเป็นตัวแทนของความสุขให้คนดูได้ดูและซึมซับมันไป อีกคนคือเจมส์ (จิรายุ ตั้งศรีสุข) ค่ะ เจมส์จิเป็นเป็นหนึ่งได้ดีที่สุดเลยค่ะ และน่ารักมากๆ จริงๆ สำหรับเต้ย เจมส์ก็เป็นมาตาคนนึงในกองเหมือนกันค่ะ เพราะว่าเวลาเขามาก็จะสดใสมาเลย แฮปปี้”
บอกจากนี้ยังมีแขกรับเชิญออกมาอีกเรื่อยๆ
“แขกรับเชิญคับคั่งมากๆ ค่ะ ล่าสุดก็น่าจะได้เห็นแล้วว่าคุณแม่มาตาก็คือพี่อ้อม (สุนิสา สุขบุญสังข์) ก็เซอร์ไพรส์ แต่หลังจากนี้ก็ยังมีแขกรับเชิญอีก ต้องรอดูว่าเป็นใครค่ะ รับรองว่าอืม ส่วนพี่หลุยส์ สก็อต คืองงมาก ทุกคนในเรื่องเล่นกันแทบตาย พี่หลุยส์โผล่มาแค่ซีนเดียวได้ไปเลย คือวันนั้นเขามากับพี่นุ่น (รมิดา ประภาสโนบล) ค่ะ ก็ไหนๆ มาแล้วก็ชวนเขามาเข้าฉากไหม ก็มานั่นแหละค่ะ ขี่จักรยานเข้าฉากมา”
ดีใจตอนนี้คนไม่เรียกชื่อแล้ว แต่เรียก “มาตา” แทน
“มีคนบอกว่าถ้าไม่ใช่เต้ย จะเป็นใครที่เล่นได้ คำพูดนี้สำหรับเต้ยคิดว่ามันเป็นคำชมมากๆ ค่ะ ดีใจมากๆ ที่มีคนพูดแบบนี้ ได้ยินคนพูดแบบนี้เยอะเลย ก็ดีใจค่ะ ตอนนี้ทุกคนไม่เรียกเต้ยแล้ว เรียกมาตา (หัวเราะ) ล่าสุดไปเดินป่าที่เดนมาร์ก เจอคุณแม่คนนึงที่เป็นคนไทยแล้วเขาก็ไปเดินป่าเหมือนกัน เขาเรียกเต้ยว่าน้องบาดาลตา ก็โอเค มาตาลดาแหละ (ยิ้ม)
ตอนนี้ถึงประมาณตอนที่ 13 ก็ยังเหลืออีกค่ะ มีทั้งหมด 21 ตอน แต่ต้องบอกว่ามันจะเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ และอุ่นใจขึ้นเรื่อยๆ แน่นอน ตอนอ่านบทเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่น้ำตามันไหลออกมาเอง แต่น้ำตาไหลด้วยความปลื้มใจ มันอิ่มใจไปหมดเลยค่ะหลังๆ นี้ก็ฝากติดตามด้วยค่ะ”
เผยทริปเดินป่ากับ “เจโต ปณิธิ นวสมิตวงศ์” ที่เดนมาร์กสุดโหดมาก
“ก็ไม่แน่ใจว่าไปพักผ่อนหรือไปทรมานตัวเอง (หัวเราะ) งงเหมือนกันค่ะ คือพี่ๆ ที่ไปด้วยเขาก็ได้เล็งเห็นแล้วว่าเรากางเต็นท์นอนแค่ 3 วัน มันคงไม่น่าโหดมากสำหรับครั้งแรกของเต้ย แต่กลายเป็นว่า 3 วันนี้ต้องเดินให้ครบประมาณ 75 กิโลค่ะ ซึ่งเท่ากับว่าวันแรกต้องเดิน 26.5 กิโล ก็คือเต้ยคำนวณมาแล้ว จากบ้านเต้ยอยู่รามคำแหงไปฟิวเจอร์ปาร์ครังสิต หนูทำไปได้ยังไง ฝนตกด้วย เหมือนฟ้ากลั่นแกล้ง
ถามว่าเอาอีกไหม คิดว่าไปอีกได้ แต่อย่าล็อกจำนวน คือมันจะมีอีกทริปนึงที่มัน 6 วัน ไปนอนนานหน่อย แต่ว่าเราไม่ต้องเดินเยอะขนาดนี้ต่อวัน คนพาไปเขาก็บอกค่ะว่าจะเจออะไรบ้าง แต่ว่าพี่ๆ ที่เคยเดินกันแล้วยังบอกเลยว่าอันนี้โหดมาก ก็ไม่แนะนำสำหรับบิกินเนอร์นะคะ อย่าไป (หัวเราะ)”
บอกร้องไห้ตั้งแต่วันแรก แต่บรรยากาศดีก็เลยช่วยได้
“วันแรกหนูร้องไห้เลย มันเหมือนซีนในเอ็มวี ฝนตกหนักมาก และออกเดินตั้งแต่ 6 โมงเช้า 2 ทุ่มครึ่งหนูยังไม่ถึงแคมป์เลย เดินๆ อยู่ก็ร้องไห้บอกไม่ไหวแล้วนะ (หัวเราะ) ร้องไห้ไปหนึ่งก๊อก หลังจากนั้นก็โอเคค่ะ
คือจะบอกว่าตลอดทางมันมีธรรมชาติ และเพื่อนเดินทางของเรานี่แหละที่ช่วยฮีลเราตลอด เขาก็ดูแลตลอดว่าไหวไหม โอเคหรือเปล่า ของหนักด้วย เป้ประมาณ 6-7 กิโล ไม่รู้หนูไปเที่ยวหรือไปทรมานตัวเอง”
ไม่มีความสวีต แต่ได้ประสบการณ์ใหม่ๆ
“เขาก็ช่วยเป็นกำลังใจให้ตลอดค่ะในการเดิน ไม่ขู่เลยค่ะ เขาเข้าใจแหละว่ามันไม่ง่ายขนาดนั้น แต่พอวันที่สองหนูก็เริ่มเดินคล่องแล้ว เริ่มโอเค เริ่มเดินเร็วขึ้น สบายขึ้น แต่เดินสะดุดหินข้อเท้าพลิก แต่ไม่มีความสวีตเลยค่ะ (หัวเราะ) ทุกอย่างคือเดินและชมธรรมชาติไป สวยอีกแบบนึงค่ะ
ทริปนี้ก็มีเดินป่า แล้วก็ไปต่อที่ไอซ์แลนด์ค่ะ ไม่รู้ว่าโชคดีหรือเปล่า เพราะไปตอนที่ภูเขาไฟระเบิดพอดี ก็เลยเห็นลาวาที่ไอซ์แลนด์ด้วย ก็เป็นทริปที่ได้ฝึกฝนตัวเองด้วย ได้เรียนรู้ ได้ลองประสบการณ์ใหม่ๆ ค่ะ จริงๆ เต้ยอยากไปกางเต็นท์อยู่แล้วค่ะ อยากลองอยู่แล้ว พอมันมีอันนี้ คือไปกัน 4 คน มีพี่อีก 2 คนมาชวนด้วย ก็เลยไป”
บอกทริปนี้ไม่ได้ตีกันเลย เพราะเหนื่อยเกินกว่าจะตีกัน
“แปลกที่ทริปนี้ตีกันน้อยค่ะ อาจจะเป็นเพราะว่าเราเดินเหนื่อยมาก ไม่มีแรง (หัวเราะ) แต่มันได้เอ็นจอยมากกว่าค่ะ ได้ลองทำฟรีซดรายไปกิน เอาก๋วยเตี๋ยวเรือไป ใส่น้ำและกินได้เลย ถามว่าจะไปอีกไหม ขอสักพักนึง ขอทำใจก่อน แต่อาจจะมีไปสวีเดนค่ะ ก็เดินเหมือนกัน แต่ 6 และอยากนอนไหนก็นอน ไม่ต้องไปนอนที่แคมป์
ก็ขอบคุณใจเขาค่ะ คือหลังๆ เราเริ่มไม่ไหว เขาก็ถอดของจากเราไปแบกให้บ้าง คือตัวเขาเองก็แบกเยอะอยู่แล้ว เพราะเต็นท์เขาก็เป็นคนแบกให้ พอเราไม่ไหว เขาก็เอาไปแบกให้เพิ่ม ก็ขอบคุณมากค่ะ ถามว่าเป็นทริปพิสูจน์รักแท้เลยไหม (หัวเราะ) อันนี้ไม่มีแรงตีกันเลย เพราะต้องสนใจตุ่มน้ำพองที่เกิดที่เท้าด้วย(หัวเราะ) แต่ถ้าให้ไปเองก็ไม่ไหวค่ะ ก็ดีที่มีเขาไปด้วย ก็ดีกว่า ทริปหน้าก็รอปีหน้าไปเลยค่ะ ไม่ไหวแล้วค่ะ”