“แอนนา” แจงเบี้ยวงานคลินิก เพราะสภาพจิตใจไม่โอเค ยันไม่ได้หลอนยาเดินรอบบ้าน แค่กินยาแล้วนอนไม่หลับเลยลุกมาทำงาน ยอมรับมีวูบคิดสั้นและเสพติดความเจ็บปวด ภาวนาให้เป็นโรคตายก่อนฆ่าตัวตายสำเร็จ พบจิตแพทย์แล้วแต่เวลาคุยน้อย อยากปรึกษาเป็นชั่วโมงไม่ใช่แค่ 5 นาที อัปเดตคดีฉ้อโกงประชาชน-พ.ร.บ.คอมบ์ฯ” กำลังไกลเกลี่ยทยอยคืนเงินลูกค้า หนี้ 10 ล้าน โอนคืนวันละแสน
จากกรณีที่คลินิกดัง ออกมาโพสต์ตามหา “แอนนา วรินทร วัตรสังข์” หรือ “แอนนา ทีวีพูล” เหตุเพราะติดต่อเจ้าตัวไม่ได้ หลังมาเสริมหน้าผากแล้วหายไม่มาตัดไหม และไม่ส่งรีวิว ทั้งที่รับเงินไปแล้ว ก่อนผู้จัดการอย่าง “พุดเดิ้ล ทีวีพูล” จะออกมาโพสต์ต่อ ว่าตอนนี้ตัวเองก็เพลียและเครียดมาก เพราะต้องรับหน้าแทนทุกทาง แต่ก็เข้าใจสภาพจิตใจของแอนนา ที่คิดสั้นจนคนในบ้านผวาไปหมดแล้ว ล่าสุดวันนี้ (18 ก.ค.) แอนนา ก็ได้ออกมาตั้งโต๊ะแถลงข่าว พร้อมกับ “บลู นมนรร ชื่นสุวรรณ” เจ้าของ The Art Clinic (ดิอาท คลินิก) เพื่อเคลียร์ประเด็นทุกอย่างที่เกิดขึ้น
แอนนา : “ก็ยอมรับค่ะ ที่ผ่านมาเราไม่ได้เข้ามาที่คลีนิกเลย แม้กระทั่งตัดไหมก็ไม่ได้เข้ามา อันนี้ต้องขอโทษคุณหมอด้วย คือตอนที่มันมีข่าว เรามันฉาว คือคลีนิกเขาดีมาก มีดารามาทำเยอะมาก เราก็มองว่าช่วงที่เรามีข่าวฉาว เรายังไม่เข้ามาตัดไหมดีกว่า เราจ้างพยาบาลข้างนอกให้มาตัดที่บ้าน ต้องยอมรับว่าสภาพจิตใจตอนนั้น ไม่พร้อมที่จะเจอใคร ทางคลินิกก็ทักมาตลอดว่าเป็นยังไงบ้าง แผลเป็นยังไงบ้าง แต่ตอนนั้นจิตใจไม่พร้อมที่จะเจอใคร แต่ปัญหาคือวันที่พร้อมเราดันไปปรึกษากับคลินิกอื่น อันนี้ก็ขอโทษจริงๆ พอน้องบลูเห็นภาพเราไปซีทีสแกนที่คลินิกอื่น ไปทำอะไรหรือเปล่า ยอมรับว่าตอนนั้นไปเป็นเพื่อนพุดเดิ้ล เราก็เลยไปซีทีฯ ไว้เผื่อได้งาน มันก็เลยเป็นประเด็นว่าทำไมตามหาแอนนา”
บลู : “ก็ตามพี่แอนนาตลอด ติดต่อพี่แอนนาไม่ได้ ทำอะไรไม่ได้เลย โทร.หาก็ไม่รับสาย โทร.หาพี่พุดเดิ้ลก็ไม่รับ พอบอกว่าจะเข้ามา ก็ไม่เข้ามา เราก็ห่วงกังวลเรื่องที่ทำหน้าผากไป เพราะไม่ได้มาตัดไหม ไม่ได้มาให้คุณหมอดู คือถ้ามันเป็นปัญหา มันก็คือผลงานที่เราทำด้วย”
แอนนา : “คือวันที่ติดต่อแอนนา แอนนาก็บวชอยู่วัดวัดหนึ่ง เราก็ปฏิบัติธรรมเลยไม่ได้จับโทรศัพท์ จริงๆ ก็เป็นข้ออ้างแหละ เพราะมันมีหลายวันที่เราจับโทรศัพท์ได้ แต่เราคิดว่ารอให้เรื่องมันเงียบกว่านี้หน่อยไหม แล้วเราค่อยเดินเข้ามา แต่แอนนาก็ยังรีวิวให้นะ ถ้าใครดูเฟซบุ๊กแอนนาจะเห็นว่าแอนนาลงให้ตลอด คือเขาก็เป็นห่วง เพราะแอนนามีนัดทำวันนี้ด้วย ซึ่งทำไมไม่เข้ามาคอนซัลท์ก่อน ซึ่งแอนนาก็ไม่ได้มา”
หมอ : “มันก็มีผลนะครับ เพราะว่าคุยกันแล้วตอนต้น อยากให้เป็นตามแผนการรักษาที่วางเอาไว้ เพราะเราเพิ่งทำไปสเต็ปแรก ยังเหลือครึ่งล่าง กราม กระดูก ก็อยากให้จบ ให้ผลลัพธ์ดีที่สุด”
บลู : “ผิดข้อสัญญาที่ตกลงกันไหม จริงๆ ก็ผิดข้อสัญญา เราก็ไม่อยากมีปัญหาเพราะว่าเขาเป็นคนในสื่อ”
แอนนา : “เรายอมรับตรงๆ ว่าเราผิดข้อสัญญา ที่ผ่านมาเรารับงานด้านศัลยกรรมเยอะมาก เพราะว่าเราก็อยากได้เงิน กับทางนี้เราก็รู้สึกผิดจนไม่กล้าเข้ามาหาเขา คือเขาทำสวยด้วย แต่ว่าเราไม่มา ตัดไหมเราก็ไม่มา ยาเราก็ไม่กิน ไม่กินยาแก้อักเสบ เรายอมทนเจ็บ เราเป็นคนแปลกๆ”
บลู : “ตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไง ก็เป็นวิธีสุดท้าย ถามว่าโกรธไหม ก็ต้องมีความโกรธนิดๆ ถ้าบอกว่าไม่โกรธก็คงโกหก แต่ก็ไม่อยากมีปัญหา ก็คิดว่าเป็นวิธีสุดท้ายแล้วที่จะตามเขาได้ ตอนนั้นโพสต์ไปได้แปบเดียวแอนนาก็ติดต่อเข้ามา เขาขอโทษ”
แอนนา : “ทุกคนเห็นก็บอกให้รีบเคลียร์ อยู่ในวงการมา 17 ปี ถ้าเราผิดเราก็ยอมรับ แต่ถ้าใครจะไม่จ้างเราเพราะว่าเหตุผลนี้เขาก็มีสิทธิ์ และเราก็ไม่มีสิทธิ์ตอบโต้ เราก็ยอมรับผิดก็คือผิดไม่แถ ตอนนี้ก็ยังรับงานเหมือนเดิมนะ ลดราคาให้ด้วย เพราะงานน้อยลง”
บลู : “ก็อยากให้เข้าใจที่ทำไปเราก็กังวล เพราะหายไป 2 เดือน”
แอนนา : “หลายคนบอกเป็นคอนเทนต์หรือเปล่า คือคอนเทนต์แบบนี้ไม่แลกหรอกค่ะ อยู่ในวงการมา 17 ปี ไม่ให้ใครมาดิสเครดิตหรอกค่ะ เอาจริงๆ เป็นครั้งแรกที่เจออะไรแบบนี้ เอาตรงๆ นะคะกับที่นี่เรารักมากๆ เขาดูแลดี ดังนั้นวันนี้แอนนาผิดแอนนาขอโทษ คือมันเป็นเรื่องของสภาวะจิตใจที่เจอก่อนหน้านี้ เหมือนเรากลัวสังคม กลัวคนมาถามอะไรแปลกๆ แล้วจิตตก”
บลู : “จริงๆ การโพสต์ออกไปมันก็เสียทางฝั่งเราด้วยนะคะ ก็มีคนถามเข้ามาเยอะ ลูกค้าก็ถาม รวมถึงน้องๆ ที่เข้ามาเคสรีวิวว่าแล้วหนูจะเจอเหตุการณ์แบบนี้หรือเปล่า ก็มีลบในฝั่งของเราด้วย ไม่ใช่แค่พี่แอนนาอย่างเดียว (จริงๆ ทางเราได้คุยกับเขาไหมว่าจะต้องให้คำมั่นสัญญาไม่ให้เกิดการซ้ำรอยยังไง?) ถ้ารอบนี้คือสัญญาอย่างเดียวค่ะ ที่เซ็นเป็นลายลักษณ์อักษร ก่อนหน้านี้ก็มีสัญญาแต่ว่าด้วยความที่สนิทกัน เราก็คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหา เพราะทำงานกันมาก็ไม่เคยมีปัญหาค่ะ”
แอนนา : “จะบอกว่าไม่มีการผิดสัญญาอีกแล้วค่ะ (จริงๆ มีผลไหมที่บอกว่าฉีดยาสลบแล้วไม่สลบ?) ไม่ใช่ค่ะ แอนนาบอกว่ากลัวเรื่องยาสลบ ก็ยอมรับว่าดมมาหลายรอบแล้วเนอะ แต่ถามทางนี้เขาว่าใช้หมอดมยาก็สบายใจ”
บลู : “แต่พี่แอนนาเขากลัวจริงๆ เพราะว่าคราวที่แล้วแพลนคืออยากให้ทำทั้งหน้าแต่พี่แอนนาไม่อยากดมยานาน”
แจงเหตุหายตัวติดต่อไม่ได้ เพราะจงใจไม่อยากรับโทรศัพท์ เคยเจอลูกค้าโทร.มาร้องไห้ บอกอยากฆ่าตัวตาย ทำให้ดิ่งตามด้วย
แอนนา : “หลายคนบอกว่าทำไมติดต่อแอนนายาก ติดต่อแอนนาไม่ได้ สภาพจิตใจแอนนาไม่พร้อมที่จะรับสายใคร เพราะว่าก่อนหน้านี้เวลาเรารับสายครั้งหนึ่ง เราเจอลูกค้าโทร.มาร้องไห้ว่าวันนี้อยากฆ่าตัวตายมาก ซึ่งเรามีภาวะแบบนี้อยู่แล้ว พอเราเจอแบบนี้ก็ยิ่งดิ่ง แล้วเราไม่ได้รับโทรศัพท์จริงๆ ต่อให้เขาจะโอนเงินให้เราก็ไม่ได้รับ บางคนโทร.มาจ้างงานเรายังไม่รับเลย ถามพี่จี้ก็ได้ เมื่อก่อนถ้าแอนนาจะคิดสั้นแอนนาจะไม่บอกเลย แอนนาจะทำเลย แต่วันนี้ถ้าแอนนาจะคิดสั้นจะระบายให้พี่จี้ฟัง จะพูดในคนในบ้านฟังว่าวันนี้มันมีความรู้สึกแบบนี้เกิดขึ้น แล้วเราไม่รู้ว่าเราอะเสพติดความเจ็บปวด จนกลายเป็นว่าเป็นจิตเวชหรือเปล่า
ตอนนี้กำลังจะไปปรึกษาหมอ ไปคลินิกแถวสนามบินน้ำ แต่ว่ามันก็ติดต่อคุณหมอยากคิวยาก ดังนั้นวันนี้ขอประกาศเลยละกันว่าถ้าคุณหมอคนไหนที่เก่งๆ หรือใครรู้จักแนะนำให้แอนนาหน่อย สงเคราะห์ให้แอนนาหน่อย วันนี้แอนนาพูดลิ้นก็แข็ง กินยาจนลิ้นแข็งแล้ว กิน 11 เม็ด ปีที่แล้วกิน 8 ปกติกิน 3 ปีที่แล้วมันมีเรื่องเพื่อน ยอมรับว่าทำใจไม่ได้ ก็กิน คนนอกจะมองว่าเราไม่ได้รู้สึกอะไร เพราะเราไม่ได้ตามเรื่องคดี แต่เราคุยกับแม่ตลอด กับพี่จี้เราก็ปรึกษาระบายตลอด เล่าให้เขาฟังตลอดว่าเราเสียใจนะ
แล้วพอปีนี้เจออะไรหลายอย่าง เป็นปีที่ชงเข้มมาก เจออะไรหนักมากจนกลายเป็นว่าพอเจอความเจ็บ สมมติไปดูดไขมันหน้าท้องแล้วเจ็บกลายเป็นว่าจิตมันไปอยู่ตรงนี้ แล้วมันไม่เครียด ก็เลยกลายเป็นว่าทุกครั้งที่เจ็บมันไม่เครียด เราไม่รู้ว่าอาการแบบนี้มันเป็นอาการทางจิตเวชหรือเปล่า เลยแค่อยากจะไปหาหมอ หลายคนถามว่าทำไมยังไม่ไปหาหมอ เราไปมาแล้วหลายที่แล้วก็กินยาปกติ แต่รู้สึกว่ากินยาเพื่อให้หลับตลอดเวลามันไม่ใช่ทางออก งานไม่ได้ทำเลย คนบอกเห็นอยู่ในติ๊กต๊อกตลอด รีรันค่ะ”
ไม่ได้กินยาจนหลอนตื่นมาเดินกลางดึกอย่างที่ “พุดเดิ้ล” เข้าใจ แค่แพนิกนอนไม่หลับเลยมานั่งทำงาน
แอนนา : "มันไม่ใช่หลอนค่ะ กินยาตอน 4 ทุ่ม แล้วปกติจะต้องตื่นตอน 10 โมงเช้า แต่เราผวา เหมือนแพนิก ตื่นมาตอนตี 2 แล้วเราไม่หลับแล้ว เราก็เดินลงมาทำงาน มาเช็กว่าต้องจ่ายใครเท่าไหร่ เป็นหนี้เท่าไหร่ แล้วมันก็ไม่หลับ พุดเดิ้ลก็งงว่าตื่นตี 3 มาเข้าห้องน้ำก็เจอแอนนาทำโน่นนี่หน้าคอมบ์ฯ นางก็กลัวว่าเราจะคิดสั้น แล้วพุดเดิ้ลเป็นคนที่พูดกับแอนนาได้ไม่เต็มร้อย พูดตรงๆ ว่าพี่จี้เนี่ยพูดอะไรเขาจะรับฟัง แต่พุดเดิ้ลเขาจะเป็นทรงที่เตือน แอนนาอย่าอย่างนี้นะ อย่าเป็นแบบนี้นะ ดังนั้นเราจะไม่ค่อยกล้าพูดอะไรกับพุดเดิ้ลกลับ เหมือนวันก่อนพุดเดิ้ลโทร.มาถามว่าคลินิกโทร.มาตามอีกแล้ว ก็เลยบอกว่าพุดเดิ้ลจัดการเลย แล้วพุดเดิ้ลก็มาบอกทางนี้ว่าพี่อยากทำอะไรทำเลยค่ะ"
ยอมรับที่เดินๆ ตอนดึก ก็มีวูบหนึ่งที่คิดสั้น ภาวนาให้ตัวเองเป็นโรคตาย ก่อนจะทำร้ายตัวเองสำเร็จ
แอนนา : “มันก็มีวูบหนึ่ง หนูจะบอกว่าการคิดสั้นของหนูมัน ถ้าใครเป็นหมอดูหนูอยู่วินิจฉัยหนูหน่อย หนูไม่ได้รู้สึกเศร้า หนูไม่ได้รู้สึกนอยด์ เราไม่ได้เสียใจกับการที่เราจะจากไป รู้สึกเหมือนเราจะเดินไปปิดไฟให้มันดับลง แล้วเราจะได้นอนหลับเสียที มันเป็นความรู้สึกแค่นั้นเลย แอนนาเคยเห็นบางคนเวลาเขาคิดสั้นเขาจะร้องไห้เสียใจ แต่แอนนาไม่ได้เป็นแบบนั้นแล้ว ถ้ารอบนี้ทำคงไม่ได้ทำแบบเดิมๆ ที่มันไม่สำเร็จ ก็เลยอยากจะหาหมอให้ตัวเองยังมีชีวิตอยู่ต่อไป วันนี้ภาวนาเลยนะให้เราเป็นโรคภัยไข้เจ็บตายก่อนที่เราจะคิดสั้นสำเร็จ ถามคนรอบข้างว่ายังไงบ้าง เขาว่าเราบ้าค่ะ”
พี่จี้ : “เพราะในความคิดตัวเอง ยังคิดว่าอยากให้แอนนาพบจิตแพทย์ ตั้งแต่แรกๆ แล้ว เพราะทั้งรับยาเยอะ ทำงานหนัก สมองมันรุมเร้าไปหมด แต่เผอิญเขาก็ชวนไปปฏิบัติธรรมกัน ก็เป็นทางเลือกที่ดี ทำให้สงบลง”
ยาที่กินๆ ส่วนใหญ่คือยานอนหลับ เคยคิดสั้นทั้งจะซื้อไซยาไนด์ ซื้อปืน และโดดตึก ทำเอาคนในบ้านผวา
แอนนา : “ยานอนหลับหมดเลยค่ะ หลับลึก คลายเครียด แก้วิตกกังวล แพนิก มันก็ได้ผลค่ะ มันหลับ แต่ตื่นมาก็เหมือนเดิม แต่แอนนาคิดว่าการแก้ปัญหาเรื่องจิตเวช มันต้องแก้ที่ต้นเหตุ ว่ามันเกิดการอะไร ปัญหาคือเราไม่เคยเจอเรื่องหนักๆ ในชีวิตมาก่อน แต่พอเรามาเจอเรื่องหนักแบบนี้เรารับไม่ไหว พอรับไม่ไหวปุ๊บ ก็ติดต่อไปซื้อยาไซยาไนด์ แต่เขาไม่ขาย ติดต่อซื้อปืน แต่เขาบอกว่าการครอบครองปืนจะมีกระบวนการ ใช้เวลา 2-3 เดือน คือเราลองหมดแล้ว แล้วก็คิดว่าถ้าเราจะโดดตึกลงมา เจ้าของตึกจะมีปัญหาหรือเปล่า เดือดร้อน ตอนหลังเลยใช้วิธีปรึกษาคนในบ้าน จนคนในบ้านผวา ซึ่งจริงๆ เรื่องแบบนี้เราต้องคุยกับจิตแพทย์ เราจะมาคุยให้คนในบ้านฟัง อย่างพุดเกิ้ล พี่ไวท์ พี่จี้ เขาฟังแล้วเขาก็วิตกกังวล ว่าเอายังไงดีล่ะ อยู่ไม่ติด”
ดีขึ้นหลังได้พบจิตแพทย์ แต่อยากคุยสักชั่วโมงไม่ใช่ 5-10 นาที เพราะอยากมีคนรับฟังปัญหา
แอนนา : “พบจิตแพทย์ถามว่าดีไหม ดีค่ะ แต่เราอยากคุยเป็นช่วงโมง ไม่ใช่ 5 นาที อยากคุยกับเขาสักชั่วโมงหนึ่ง ว่าเราเจอปัญหาอะไรมาบ้าง เราเจ็บเนี่ย แล้วเรามีความสุขเนี่ย มันผิดปกติไหม เราอยากคุยกับจิตแพทย์ที่มีเวลาให้เราจริงๆ เวลาไปโรงพยาบาลเอกชน เขาไม่ค่อยมีเวลาให้เรา 10 นาทีก็เยอะแล้ว”
ต้นเหตุของปัญหาเกิดจากตัวเอง ที่ประมาทเลินเล่อ ไม่วางแผนการใช้ชีวิต
แอนนา : “เป็นคนประมาทเลินเล่อ ไม่วางแผนในชีวิต ใช้ใจทำธุรกิจ ไม่ได้วางแผนในการใช้ชีวิต ซึ่งปีที่แล้วพอเราเงินได้ตั้งเยอะ เราควรจะไม่ล้ม กลายเป็นหาเงินได้เยอะแต่ขาดทุน เพราะไปแจกบ้าน แจกรถ แจกโน่นนี่ แจกชุดนักเรียน แจกคนไมีมีเงินจะไปหาหมอ แจกเยอะจริงๆ แจกลูกค้าก็เยอะ คืนกำไรก็เยอะ คืนจนงง พอมาดูสเตทเมนต์ก็เอ้า เราขาดทุนเหรอ ก็ขาดทุนไปหลัก 10 ล้านค่ะ”
ต้องใช้หนี้ 10 ล้าน และต้องจ่ายวันละแสน
แอนนา : “หลัก 10 ล้านค่ะ ต้องจ่ายวันละเป็นแสน (ยังมีเงินหมุนอยู่ไหม?) วันต่อวันค่ะ ก่อนมานี่ รู้ว่าวันนี้หาเงินไม่ได้ ก็เอาเสื้อผ้ามาขาย เอาต่างหูเครื่องประดับมาขาย คือของแบรนด์เนมกระเป๋าอะไรก็ขายไปหมดแล้ว เราไม่ได้ยึดติดอยู่แล้ว ว่าเราต้องมีแหวน มีต่างหู นาฬิกาใส่ เพราะทุกวันนี้ใส่พระ 3 องค์กับสร้อยเงิน เพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจแค่นั้นเลย”
“พุดเดิ้ล” ประกาศขายบ้าน เตรียมเอาเงินมาช่วย
แอนนา : “ขอยืมพุดเดิ้ลไว้แล้ว คือตอนปีที่แล้วพุดเดิ้ลงานเยอะ ด้วยกระแสด้วยอะไร แล้วเขารับงานให้แอนนา ก็ได้ค่าคอมบ์ฯ ไปมาก นางก็เลยซื้อบ้าน ตอนเขาซื้อบ้าน เราก็ทำสัญญาไว้ว่าพี่จะเช่าบ้านพุดเดิ้ลนะ พุดเดิ้ลจะได้มีเงินผ่อนเดือนละ 35,000 บาท เพราะผ่อนบ้านเดือนละ 50,000 บาท พุดเดิ้ลก็ออกเดือนละ 15,000 บาท เขาก็เลยไม่ซีเรียส แต่พอเราตก พุดเดิ้ลก็ยอมรับว่ารายได้มันไม่เข้ามาเลยนะพี่แอนนา บ้านเอายังไงดี เราก็บอกว่าหรือจะขายก่อน มีแล้วค่อยซื้อใหม่เราไม่ต้องไปเสียดาย เพราะว่าถ้าให้พี่ไปเช่าบ้านพุดเดิ้ลเพื่อทำไลฟ์เหมือนเดิม พี่เองก็ไม่มีกำลัง เลยหยุดก่อน
แล้วก็เลยขายบ้านค่ะ ขายขาดทุนด้วย แต่ยังไม่มีคนมาซื้อเลย มีแต่เอเจนซี่มาขอขาย เหมือนเราโพสต์ไปมันอยู่ในวงแคบๆ ตอนนี้กี่บาทก็ขายแล้วนะคะ แล้วอยากจะขอบคุณอีกอย่าง คือเมื่อวานพี่ณวัฒน์ อิสรไกรศีล ทักมาว่าให้ซื้อหุ้นของพี่ณวัฒน์ 5 หมื่นหุ้น ซึ่งปกติแล้วทั่วไปจะได้ 1 หมื่นหุ้น แต่เขาเห็นเราลำบาก แล้วเราเลือกที่จะอยู่กับแกรนด์ เขาก็เลยบอกว่างั้นพี่ให้ 5 หมื่นเลย อย่างน้อยเงินก็แค่ 2 แสนกว่าบาท แล้วเขาก็มั่นใจในหุ้นของเขา เพราะบริษัทเขาไม่ได้เป็นหนี้ ถือไปเถอะมากน้อยกำไรก็เอาไว้ใช้ ก็ยังพูดกับพี่จี้ ว่าหุ้นกันไหมคนละ 1 แสนค่ะ”
ขอบคุณ “ณวัฒน์” และ “มดดำ” ที่ให้ความช่วยเหลือ
แอนนา : “ถามว่ามีใครยื่นมือเข้ามาช่วยอีกไหม ก็มีพี่มดดำ (คชาภา ตันเจริญ) ค่ะ เขาถามว่าเป็นหนี้เยอะไหม เขาบอกว่าโอเค กูช่วยไม่ได้ (หัวเราะ) แต่แกก็บอกว่าออกรายการ แกให้ฟรีได้เลยนะ รายการไหนที่แกให้ได้ แกให้ได้เลย อย่างรายการแฉ ถ้าอยากไปออกบอกเลยนะ ล่าสุดแกบอกว่าถ้าลูกค้าคนไหนอยากได้แอนนา แกจะให้ผ่านและให้ไปทอล์กในรายการได้ แต่ตอนนี้ไม่มีลูกค้าจ้าง”
แม้คนอื่นจะหมดความเชื่อถือ แต่ยังเชื่อถือและให้โอกาสตัวเองอยู่
แอนนา : “คนอื่นอาจจะไม่เชื่อถือในตัวแอนนา แต่แอนนายังเชื่อถือในตัวเอง และยังให้โอกาสตัวเองอยู่เสมอ คนบอกว่าพี่จี้, แม่ศิตางคุ์, ฟิล์ม ทิฟฟานี่ และพี่ไวท์ หายไปไหน ทุกคนอยู่ครบหมด แต่ทุกคนไม่ได้ออกหน้าสื่อ พี่จี้มาหาที่บ้านบ่อยมาก แต่ไม่ได้ออกมาไลฟ์หน้ากล้องด้วยกัน เพราะด้วยความที่เราก็บอกว่าไม่ต้องออก เดี๋ยวจะกลายเป็นว่าคนไปตามทวงหนี้พี่จี้ต่อ คือลูกค้าที่เข้าใจก็มี แต่ที่ไม่เข้าใจและติดต่อเราไม่ได้ บางทีเขารอไม่ไหว เรามีแอดมินแต่ก็เหลือน้อยแล้ว เราไม่มีเงินจ้าง ปัจจุบันยังติดเงินเดือนพนักงานอยู่เลย”
ร้องไห้และสั่นเวลาเจอคอมเมนต์ลบ เลยหยุดไลฟ์ และเอาเทปเก่ามารีรัน เพราะภูมิใจมันไม่มีแล้ว
แอนนา : “ก็ร้องไห้ค่ะ ร้องไห้เลย หลังๆ เจอมากๆ ก็ไม่ไลฟ์เลยจบ ก็เลือกที่จะหยุด ภูมิคุ้มกันเราเหมือนแก้ว โดนทุบหลายๆ รอบมันแตกจะละเอียดแล้วนะตอนนี้ มันต้องหลอมใหม่แล้ว หลอมใหม่ก็คือเกิดใหม่ชาติหน้า (เป็นสาเหตุที่รีรันไลฟ์ตลอด?) ก็เลยรีรันตลอดเพราะต้องยอมรับว่าเวลาเราเจอคอมเมนต์ด้านลบเราสั่น แล้วมือมันสั่น ตอนหลังไม่รู้ตัวเอง ว่าเอาเล็บมาจิกตัวเองจนเป็นรอยหมดแล้ว แต่เราไม่รู้ตัว แล้วก็รู้สึกว่าดีขึ้น สบายใจขึ้น งงไหม อันนี้ต้องไปปรึกษาหมอ อยากได้หมอที่มีเวลาคุยสักชั่วโมงหนึ่งเลย รับฟังปัญหาแล้วแก้ให้หน่อย เพราะวัดเข้าจนไม่รู้จะเข้ายังไงแล้ว บวชกับพี่จี้มา 7 วัดแล้ว เราอยากมีชีวิตอยู่ต่อไป เราไม่ได้อยากตายค่ะ เราอยากมีชีวิตด้วยจิตใจที่เข้มแข็ง แต่เราหาทางออกให้ตัวเองไม่ได้”
ไม่ใช่จุดต่ำสุดของชีวิต แต่เป็นบททดสอบ เพราะต่ำกว่านี้ก็ผ่านมาแล้ว
แอนนา : “นี่ไม่ใช่จุดต่ำสุด นี่คือบททดสอบ เหมือนมีคนเอากำแพงมาตั้งไว้สูงๆ แล้วบอกว่าปีนให้ได้ ก็เลยไม่ได้มองว่าเป็นจุดต่ำสุด เพราะไปขายตัวต่างประเทศก็เคยทำมาแล้ว ตอนไม่มีเงินสักบาทนั่งร้องไห้ ดังนั้นเลยคิดว่าไม่มีจุดที่ต่ำกว่านี้อีกแล้ว เราเคยผ่านจุดนั้นมาแล้ว ตอนนี้ใครคิดว่าตัวเองกำลังท้อหรือชีวิตแย่มาก แอนนาจะบอกว่าไม่มีใครหรอก ที่ชีวิตจะแย่ขนาดนั้น มันจะแย่แค่ไหนก็ตาม มันจะไม่แย่ไปกว่าที่เราเป็นอยู่ ถามว่ามีน้อยเนื้อต่ำใจไหม ก็ไม่เลยค่ะ เพราะรู้สึกว่าทำเองหมดเลย เราพลาดเอง เราเป็นผู้นำไม่ได้ แต่เราอยากเป็น”
อัปเดตคดี ฉ้อโกงประชาชน และ พ.ร.บ.คอมบ์ฯ ขายกล่องสุ่มทิพย์-แจกทอง อยู่ในขั้นตอนไกล่เกลี่ยกับลูกค้าและทยอยคืนเงิน
แอนนา : “อยู่ในขั้นตอนไกล่เกลี่ยกับลูกค้า แล้วก็ทยอยคืนเงินตลอด ทุกๆ วันจะต้องมีสลิปคืนเงินทุกวัน ลูกค้าจะถามว่าคืนใคร คืนคนไหน เราก็เก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน เพราะต้องใช้ในชั้นศาล ตอนนี้ก็คืนไปได้แค่ 10 เปอร์เซ็นต์ เหลืออีก 90 เปอร์เซ็นต์ค่ะ ต้องใช้เวลาปีหนึ่งถึงจะหมด”
ไม่กลัวคุก แต่ไม่ท้าทาย เพราะเห็นเคสตัวอย่างแล้ว
แอนนา : “คดีไม่เครียดเลยค่ะตอนนี้ บอกแล้วว่าคุกไม่กลัว แต่ไม่ท้าทาย เพราะว่าเราเห็นเคสตัวอย่างแล้ว ก็ยังต้องไปรายงานตัวอยู่ตลอดค่ะ ตำรวจก็ยังถามมาว่าเป็นยังไงบ้าง ก็ต้องยอมรับว่าเจ้าหน้าที่ทำงานเป๊ะมาก”
คดีทองหาย 4 ล้าน ถูกย้ายไปให้หน่วยงานอื่นดูแลอยู่ ไม่อยากพูดอะไรเพิ่ม
แอนนา : “เหมือนคดีจะถูกย้ายไปให้อีกหน่วยงานหนึ่งดูแลค่ะ ซึ่งเราก็ดีใจ แต่ไม่พูดอะไรเพิ่มเติมดีกว่า ให้มันเป็นกระบวนการของตำรวจไป”
ไม่คิดฟ้องชาวเน็ตที่ชอบแซะ แต่ต้องปรับตัวให้สตรอง เพื่ออยู่กับโลกยุคใหม่ให้ได้
แอนนา : “หนูอยากชื่นชมชาวเน็ตนะ หนูอยู่ในเหตุการณ์โซเชียลมาหลายปี ปกติแอนนาจะไม่เคยได้รับกำลังใจ แต่ปัจจุบันแอนนาได้กำลังใจเยอะมาก มีคนเข้ามาเมนต์ในเฟซบุ๊กเยอะมากว่าต้องสู้ ลองแก้ปัญหาแบบนี้ ลองไปที่นี่สิ อันนี้อยากจะขอบคุณทุกคนจริงๆ ส่วนคนที่มาว่ามันเป็นกลุ่มน้อย เขาไม่เข้าใจ อาจจะด่าเอากระแส เอาสนุก เอามัน เรามองว่าเขาก็ทำได้ แต่เพียงแค่โลกยุคใหม่ คนต้องปรับตัวให้สตรองพอที่จะอยู่กับโลกโซเชียลได้ เพราะเราไปเปลี่ยนคนหมู่มากไม่ได้หรอก แต่เราต้องเปลี่ยนตัวเองให้ได้ ถามว่าจะฟ้องไหม ไม่ฟ้องค่ะ เกิดมาไม่เคยฟ้องใคร แล้วก็ไม่คิดจะฟ้อง ใครจะด่าไรด่าไปเลย ปล่อยเขาไป ทองหาย 4 ล้านเรายังไม่เอาเรื่องเลย นับประสาอะไรกับจะมาฟ้องคนด่า ที่ใช้แค่ลมปากหรือแป้นพิมพ์ด่า”
ยืนยันว่าหลังจากนี้จะไม่หายไปแล้ว
แอนนา : “ไม่หายค่ะ ทำงานตลอดค่ะ แต่ที่หายไปเพราะว่าสภาพจิตใจมันไม่ได้ ถามว่าไปวัดแล้วมันช่วยอะไรเราได้บ้าง อย่างน้อยฟังธรรมจากหลวงพ่อ คือปกติถ้าจะฆ่าตัวตายแอนนาจะไม่มาบอกนะคะ แต่วันนี้จะบอกว่าถ้าใครคิดสั้น ให้บอกคนรอบตัวเลย ให้คนรอบตัวทราบว่าเรามีปัญหาแล้ว อย่าเรียกร้องความสนใจ แต่จงบอกเขาอย่างจริงใจ สุดท้ายแล้วเราจะได้การช่วยเหลือ”