“อนันดา” ลั่นอยู่นิ่งๆ แล้วคัน อยากทำงาน เก็บกดหยุดโควิดนาน เลยรับบทหลากหลาย คอนเฟิร์ม “เกมรักทรยศ” บทโหดเข้าถึงตัวละครยาก มีติดกลับไปบ้านบ้างแต่แยกแยะได้ แฮปปี้ปิดกล้องแล้ว หลังถ่ายนาน 1 ปี ตอนนี้เบรกทุกอย่างมาโฟกัสบ้านเรือนหอ โอดบานปลายทั้งเวลาทั้งงบ บ่นเยอะจนปลง แต่ไม่ได้โดนโกงแน่นอน ส่วนเรื่องลูกเห็นตรงกันยังไม่อยากมี
เป็นอีกหนึ่งผลงานที่หลายคนอดใจรอดู สำหรับละครเรื่อง เกมรักทรยศ (The Betrayal) ที่รีเมกมาจากซีรีส์ชื่อดังของประเทศอังกฤษ อย่าง Doctor Foster ซึ่งงานนี้ก็รับรองว่าฟาดฟัดกันอย่างดุเดือดแน่นอน เพราะ “แอน ทองประสม” นักแสดงนำของเรื่อง ได้ออกมายืนยันว่าบทโหดมาก ล่าสุดวันนี้ (16 ก.ค) ได้เจอนักแสดงนำอีกคน อย่าง “อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม” ในงานเปิดตัว “ชเวปส์” รสชาติใหม่ “บลูเบอร์รี เลมอน โซดา สูตรไม่มีน้ำตาล” เจ้าตัวยอมรับเช่นกันว่าบทเข้าถึงยากมาก แต่ตอนนี้ก็โล่งแล้ว เพราะปิดกล้องไปเป็นที่เรียบร้อย เลยขอเบรกงานมาสร้างบ้านให้เสร็จ หลังรับปากคุณภรรยา “ณัฐ ณิชชา ธนาลงกรณ์” ว่าจะเสร็จเพื่อเป็นเรือนหอให้ตั้งแต่ตอนแต่งงาน
“มันถ่ายกันยาวนานเป็นปี ส่วนเนื้อหามันก็โหดอยู่แล้ว เราก็เข้าใจเขา ผมอาจจะโดนเค้นแนวนี้มาเยอะมั้ง เลยไม่ได้รู้สึกว่ากระทบขนาดนั้น แต่ก็ยอมรับว่ามีถึงขนาดที่แอนไม่ไหว แบบไม่ไหวจริงๆ Emotional มันล้นจนเราก็ตกใจ เห็นแล้วโห ต้องไปช่วยให้กำลังใจ ว่าสบายๆ ก่อนนะ เราเข้าใจ แล้วเรื่องมันโฟกัสที่ตัวละครผู้หญิงด้วย ที่รู้สึกว่าโดนหักหลังโดยสามี”
ในฐานะที่เป็นคนรักครอบครัว มาเล่นบทนี้ก็ยากมาก แต่ต้องคิดในมุมของตัวละคร ไม่ใช่จากชีวิตจริง
“เล่นยากมาก เข้าสู่ตัวละครยากมาก ไม่หรอก คือเราไม่เคยคิดจากมุมของเราอยู่แล้ว พอเป็นตัวละครมันคือชีวิตของเขา ไม่ใช่ชีวิตของเรา ถึงแม้ว่าบางทีมันอาจจะมีเล็กๆ น้อยๆ ที่มันติดกลับบ้านไป หรือจากบ้านมีมันติดเข้าไปในตัวละคร มันก็เป็นธรรมชาติของคนเราอยู่แล้ว แต่ว่าโดยรวมเราแยกแยะได้ บางทีเรามองกลับไปที่ตัวละคร แล้วคิดจากมุมของผม ก็รู้สึกว่ามันทำอย่างนี้ได้ไงวะ มันเป็นคนอย่างนี้ได้ไงวะ แต่สุดท้ายเราก็ต้องครีเอตตัวละคร ต้องทีความจากมุมมองของตัวละคร เราก็ไม่อยากให้มันเป็นตัวละครมิติเดียว แค่เป็นคนชั่วเฉยๆ เราก็ต้องไปหาเหตุผล ว่าทำไมเขาต้องทำอย่างนี้กับภรรยาเขา ทำไมเขาถึงมีคนอื่น เราก็เชื่อว่าคนเราทุกคนเกิดมามันก็ไม่ได้เป็นคนเลวหรอก มันต้องมีเหตุผลว่าทำไมเขามาถึงจุดนั้น ต้องหาเหตุผลเอา”
บางทีตัวละครก็ติดกลับไปบ้าน เพราะบทยังอยู่ในหัว และคิดถึงสถานการณ์ในซีนที่เล่นไป
“ทุกคาแรกเตอร์ที่ผมเล่น บางทีมันก็จะมีแบบ ท่านขุนก็ติดกลับไปบ้าง มันก็เป็นตัวละคนโน่นนี่นั่น มันไม่ได้ติดกลับไปใช้กับคนอื่น แต่เป็นเพราะมันยังติดอยู่ในหัว แล้วเรายังคิดถึงบท คิดถึงสถานการณ์ หรือบางทีเราอาจจะผ่านซีนอะไรที่มันแรงๆ อย่างกับพี่แอนเองที่เราเล่าให้ฟัง ว่าเขาได้เจอบางซีนที่เขาถึงขีดสุดของเขาเหมือนกัน เราก็จะจำหน้าของเขา ที่เขาทรุด เขาไม่ไหว เราก็จะแบบ…มันขนาดนั้นเลยเหรอวะ แต่มันไม่ถึงขั้นเป็นความทุกข์ อาจจะเป็นความรู้สึกสงสารตัวละครมั้ง ว่าทำไมมันต้องทำกันอย่างนี้”
ภูมิใจและแฮปปี้ ปิดกล้องแล้วโล่งเพราะปล่อยทุกอย่าง เรื่องกระแสให้เป็นหน้าที่ของมาร์เก็ตติ้ง
“เอาจริงๆ เรื่องกระแสนี่ ผมเป็นคนสุดท้ายที่คนจะคุยด้วย เพราะผมไม่ได้เก่งทางด้านสร้างกระแสอยู่แล้ว ไม่ได้ติดตามเรื่องกระแส เชื่อว่ามันเป็นหน้าที่ของทีมมาร์เก็ตติ้ง มันไม่ใช่หน้าที่ผม แต่ผมก็รู้สึกโล่งแหละ ว่ามันจบแล้ว 1 ปีที่ต้องอยู่กับตัวละครนี้ มันก็มีช่วงที่ดี และช่วงที่เราถกเถียงกันในทีมงานเอง มันหลายความรู้สึกในระยะเวลาปีที่ผ่านมา เลยรู้สึกว่าปิดกล้องไปเราก็ปล่อยทุกอย่าง เป็นความรู้สึกที่ภูมิใจและแฮปปี้ ว่าเราจบเรื่องนี้แล้ว”
รับบทหลากหลายเพราะเก็บกด ต้องหยุดโควิดไปเป็นปี
“มันอาจจะเพราะหลังโควิดมันเก็บกดมั้ง มันก็เลยอยากแสดงตัวนี้ตัวนั้น ตอนต้นๆ โควิดรู้สึกว่าดีจัง เราได้พักงาน แต่พอผ่านมาปีหนึ่งเริ่มคันแล้ว อยู่ไม่นิ่งแล้ว รู้สึกว่ากูต้องไปทำงาน ต้องกลับไปอยู่ในกองถ่าย พอกลับมาก็เลยรู้สึกว่าบทนี้น่าสนใจ เลยรับค่อนข้างหลากหลาย เพราะหลังจากนี้มีหนังอีก 3 เรื่อง ที่ยังไม่ได้ฉาย แล้วตัวละครก็แตกต่างกันหมด”
ตอนนี้เบรกงาน มาสร้างบ้านเรือนหอให้เสร็จ
“ก็ปิดกล้องหมดแล้ว ตอนนี้โล่งแล้ว ไม่รับแล้ว เบรกมาโฟกัสเรื่องสร้างบ้านให้เสร็จ ผมไปสัญญากับคุณภรรยาเขา ว่าจะเสร็จเพื่อเป็นเรือนหอให้ตอนเราแต่งงานกัน แต่มันไม่เสร็จ ก็ตามสไตล์ก่อสร้างประเทศไทย (หัวเราะ) บอก 6 เดือนก็แปลว่า 1 ปีประมาณนั้นครับ ตอนนี้ก็เลยมาเยอะแล้ว (หัวเราะ)”
ตั้งใจอยากให้เสร็จสิ้นปี บ่นมาเยอะจนปลง
“พยายามจะให้เสร็จสิ้นปี สิ้นปีหมายถึงแอร์ฉ่ำ มีไฟ น้ำไหล ประมาณนี้ครับ เข้าไปพร้อมเสื่อกับหมอนได้ แต่อาจจะยังไม่ได้เสร็จทั้งหมด คือมันมีดรามาหลายอย่าง ตามสไตล์การก่อสร้างในประเทศไทย ไม่ได้จะบ่นอะไรหรอก บ่นมาเยอะแล้ว ปลง เข้าใจ พอเขาบอกว่าไม่ทัน เราก็ครับๆ ตามนั้น พอเขาบอกว่าเดือนนี้ เราก็บวกไปอีก 3 เดือน ก็ค่อยๆ ไป เพราะมันเป็นบ้านที่เราตั้งใจที่จะให้เป็นของเราสองคน แล้วเป็นครั้งแรกที่เราสร้างอะไรที่มันไม่ใช่แค่เพื่อตัวผมเอง ก็เลยอยากให้ทุกอย่างมันออกมาดีที่สุด”
โอดบานปลายทั้งเวลาทั้งงบ บอกเท่าให้บวกไปอีก 30 เปอร์เซ็นต์
“บานปลายหมดทุกอย่าง คิดเผื่อไว้แล้ว เขาบอกว่าเดือนนี้ ก็บวกไปอีก 30 เปอร์เซ็นต์ เขาบอกว่าเท่านี้ ก็บวกไปอีก 30 เปอร์เซ็นต์ ประมาณนี้ครับ (ช้าแต่ไม่ได้โกง?) ไม่ๆ อย่างที่ว่าเราผ่านประสบการณ์ตรงนี้มาเยอะ เราเป็นคนที่ทำงานค่อยข้างลงมือเอง ทำเรื่องดีไซน์ เรื่องคัดสรรวัสดุเองหลายอย่าง ก็ไม่ได้ห่วงเรื่องโกงอะไร เราเข้าใจว่ามันชอบมีคนพูดคำๆ นี้กับผู้รับเหมาหรือก่อสร้างในไทย แต่บางทีมันเป็นความที่เราไม่เข้าใจระบบเอง แต่พอสร้างโรงแรมมา สร้างบ้านมาสองหลัง ก็เริ่มเข้าใจแล้ว โอเคถ้าเราอยากได้อย่างที่เราต้องการจริงๆ เราก็ต้องจัดการมันเอง”
เรื่องลูกไม่คิดจะมีตั้งแต่แรก แต่พอแต่งแล้วคนถามเยอะเหมือนโดนกล่อม
“ยังไม่ได้จะปั๊มอะไร พูดตรงๆ ตอนแต่งงานตั้งแต่แรก ไม่เคยคิดว่าจะมีน้องอยู่แล้ว ไม่ได้มีอคติหรือไม่อยากมี แค่ไม่ได้คิดที่จะมี แต่ยอมรับว่าหลังจากที่แต่งมา มันก็มีคนทักเยอะ ว่าเมื่อไหร่ ยังไง โตไปเดี๋ยวเหงานะ มันก็ค่อยๆ คิด โดนกล่อมไปเรื่อยๆ ทุกวันนี้ทำบ้านก็เอ๊ะ หรือเราจะมีห้องเผื่อไว้เลย แต่ก็ยังไม่ได้พร้อมนะ มันยังมีอีกหลายอย่าง ที่ยังคิดจะทำร่วมกัน ก่อนที่จะเริ่มขบวนการความคิดแบบนั้น”
คิดเห็นตรงกันว่ายังไม่อยากมี ไม่ได้ใช้ชีวิตมาเพื่อปฏิบัติต่อสามีอย่างเดียว
“ใช่ครับ น้องเขาอายุน้อยกว่าผม 9 ปีด้วย แล้วเขาก็เป็น Working women มีกิจการ มีความฝัน ที่มันไม่ได้เกี่ยวข้องกับแค่ชีวิตคู่ เขาไม่ได้ตั้งใจใช้ชีวิตมาเพื่อปฏิบัติต่อสามีอย่างเดียว เขามีสิ่งที่เขาอยากทำในชีวิต ผมก็อยากให้เขาทำ อยากให้เขาไปสำเร็จในเป้าหมายส่วนตัวของเขาด้วย ซึ่งในอีกไม่รู้กี่ปี หรือเร็วๆ นี้ หรืออีกนานก็ได้ เราไม่ได้สนใจ เพราะเรามี Commitment ที่มันเป็น Forever อยู่แล้ว มันไม่จำเป็นต้องทำทุกอย่างเดี๋ยวนี้ แล้วถ้ากลับมาเรื่องลูกเนี่ย พ่อผมเองมีลูกตอน 60 กว่าแล้ว”