เชื่อว่าตอนนี้ประเด็นที่คนทั่วโลก ย้ำ !!! ว่าทั่วโลก กำลังให้ความสนใจ ก็คือ...
การจะอยู่ หรือไป ? การจะต่อสัญญาหรือไม่ ? ของ “ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล” หนึ่งในสมาชิกวงเกิร์ลกรุ๊ประดับโกลบอลอย่าง BLACKPINK ซึ่งสัญญากับต้นสังกัด YG Entertainment กำลังจะสิ้นสุดลงในเดือนสิงหาคมนี้แล้ว
เท่ากับว่ายังมีเวลาให้ฝ่ายหนึ่ง – ต่อรอง – และอีกฝ่ายหนึ่ง - ยื้อ - กันได้อีกเพียงเดือนเศษๆ เท่านั้น
แต่อย่างไรก็ตาม ขณะที่ทาง YG ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนให้กับบรรดาแฟนๆ ของ BLACKPINK หลายคนก็ปักใจไปแล้วว่า แนวโน้มการจะไม่ต่อสัญญาดูจะค่อนข้างเป็นไปได้สูงมาก
พิจารณาจาก.....
การที่ ลิซ่า มีข่าวว่ากำลังออกเดทกับ “เฟรเดริค อาร์โนลด์” CEO ของ TAG Heuer แบรนด์นาฬิกาหรู ทายาทของ “เบอร์นาร์ด อาโนลด์” (Bernard Arnault) ผู้ก่อตั้งอาณาจักร LVMH และครอบครองมูลค่าทรัพย์สินเป็นอันดับ 1 ในปี 2023 แต่กลับไปปรากฏว่าทางต้นสังกัดจะออกมาเคลื่อนไหวใดๆ ไม่ว่าจะเป็นการชี้แจงข้อเท็จจริง หรือให้ข่าวในเชิงปกป้องศิลปินในสังกัด ซึ่งดูจะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างผิดปกติวิสัยที่ต้นสังกัดพึงปฏิบัติต่อศิลปินระดับท็อปฟอร์มอย่างนี้
นี่เป็นจุดที่ถูกนำมาตั้งเป็นข้อสังเกตประการแรก
ประการต่อมา ดูเหมือนจะทำให้ความคลางแคลงสงสัยมีความกระจ่างมากขึ้น เมื่อมีหน่วยงานของประเทศจีน ที่ไม่สามารถเปิดเผยชื่อได้ ออกมาให้ข้อมูลว่า มีการเจรจาติดต่อเรื่องคิวของกลุ่มศิลปิน BLACKPINK ในช่วงหลังเดือนสิงหาคม แต่ทาง YG ก็ให้คำตอบกลับมาแบบแบ่งรับแบ่งสู้ว่า ยังไม่สามารถให้กำหนดการที่แน่ชัดได้ เพราะยังรอคำตอบเรื่องสัญญาของ ลิซ่า อยู่ ขณะที่สมาชิกอีก 3 คน คือ จีซู , โรเซ่ และ เจนนี่ นั้น มีการคอนเฟิร์มตารางงานดังกล่าวไว้แล้ว
เอาจริงๆ ลิซ่า อาจจะกำลังชั่งใจอยู่ก็ได้ว่าจะต่อสัญญากับต้นสังกัดหรือไม่ ? อย่างไร ? แต่อาจจะติดในเรื่องของเงื่อนไขและผลประโยชน์ที่ยังไม่ดึงดูดใจมากพอหรือเปล่า !!??
อย่าลืมว่า ลิซ่า ถือเป็นตัวขายของ BLACKPINK ที่คนทั่วโลกเองก็ยอมรับในจุดนี้ นั่นหมายถึงว่าวันนี้ ลิซ่า อยู่ในจุดที่มีอำนาจต่อรองที่สูงมากเลยทีเดียว และการตัดสินใจครั้งนี้ของเธอ อาจจะส่งผลกระทบทั้งทางตรง และทางอ้อมต่อทั้ง YG เอง และวง BLACKPINK
เพราะทันทีที่มีกระแสข่าวว่า ลิซ่า - อาจจะ – ไม่ต้อสัญญา ก็ทำให้หุ้นของ YG ร่วงดิ่งลงไปถึง 5-9% ภายในระยะเวลา 1-2 ชั่วโมงเท่านั้น
พูดง่ายๆ ก็คือ ณ ตอนนี้ อนาคตของ ลิซ่า ไม่ได้ขึ้นอยู่กับ YG แต่ตรงกันข้าม อนาคตของ YG ต่างหาก ที่อาจจะต้องขึ้นอยู่กับคำตอบว่าจะอยู่หรือไปของ ลิซ่า
ขณะเดียวกัน ก็ยังมีผลต่อทิศทางของ BLACKPINK ด้วย
หากว่า ลิซ่า ตัดสินใจที่จะไม่ไปต่อกับ YG จริงๆ ดูเหมือนวง BLACKPINK จะมีทางเลือกอยู่ 2 ทาง คือ...
หนึ่ง คือ BLACKPINK ไปต่อแบบไม่มี ลิซ่า แต่ก็อาจจะสามารถกลับมามีผลงาน หรือร่วมกิจกรรมกับวงเป็นครั้งคราว เหมือนกับกรณีของ GOT7 หรือ Girls’ Generation
หรือสอง แยกย้ายกันเป็นศิลปินเดี่ยว เพราะที่ผ่านมา สมาชิกทั้ง 4 คนรวมถึง ลิซ่า เอง ก็เคยมีผลงานโซโล่อัลบั้มมาแล้วทั้งสิ้น และดูเหมือนว่าจะประสบความสำเร็จไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าผลงานในฐานะวงด้วยซ้ำ
ไม่ว่าจะเป็น เจนนี่ “SOLO”, โรเซ่ “GONE” และ “On The Ground”, จีซู “FLOWER” และ “All Eyes On Me”โดยเฉพาะ ลิซ่า กับ “LALISA” และ “MONEY”
นั่นหมายถึงว่าสมาชิกทุกคนในวง มีศักยภาพ และมีพาวเวอร์มากพอที่จะมีผลงานเดี่ยวกันทุกคนอยู่แล้ว รวมถึงความสามารถด้านอื่นๆ ที่จะส่งและเสริมให้แต่ละคนมีผลงานในวงการบันเทิงที่หลากหลากมากยิ่งขึ้น
ส่วน ลิซ่า เอง หากว่าคำตอบสุดท้ายคือการตัดสินใจที่จะไม่ต่อสัญญากับ YG นั่นก็แสดงว่าเธอมีทางเลือกอื่นๆ และสามารถยื่นข้อเสนอที่น่าสนใจและดึงดูดใจมากกว่า
อาจจะ....หมายถึงสังกัดใหม่ที่ใหญ่กว่าในตลาดต่างประเทศ ซึ่ง ลิซ่า ก็มีฐานแฟนคลับอยู่ทั่วโลกอยู่แล้ว
อาจจะ....หันไปเน้นงานด้านอื่นแทน เช่นงานโฆษณา หรือการเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ให้กับสินค้าแบรนด์ดัง
หรือแม้แต่อาจจะ.....ออกมาตั้งสังกัดเพื่อสร้างสรรรค์ผลงานของตัวเอง หรือรับงานให้กับตัวเองโดยเฉพาะ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ ลิซ่า ที่จะเป็นคำตอบสุดท้ายในเดือนสิงหาคมนี้ !!!
ผู้จัดการ 360 องศาสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 15-21 กรกฏาคม 2566