“ติ๋ม ทีวีพูล” ยัน “ใบเตย” ไม่ได้มีแอร์เมสเป็น 100 ใบ แค่สร้างภาพให้รวย ทะเลาะ “ดีเจแมน” ต่อหน้า ไม่มีปัญญาแม้แต่จ้างทนาย “ป๋อง พิมพ์แข” ทนดูไม่ได้ลูกชายถูกโซ่ล่ามเท้า ส่วน “แม่อ้อย” ใช้เงิน “พิ้งกี้” 10 ล้าน
อดีตเจ้าแม่สื่อ “ติ๋ม ทีวีพูล” พันธุ์ทิพา ศกุณต์ไชย โฟนอินเล่าชีวิตสองสามีภรรยา “ใบเตย อาร์สยาม” หรือ “สุธีวัน กุญชร” กับ “ดีเจแมน พัฒนพล มินทะขิน” ผ่านรายการตกมันส์บันเทิง ช่อง 9 อสมท. ซึ่งก่อนหน้านี้ศาลนัดตรวจพยาน ทำให้ใบเตยได้มีโอกาสเจอหน้าสามีเป็นครั้งแรกในรอบ 2 เดือนหลังต้องเข้าเรือนจำในคดี Forex-3D โดยทั้งสองคนมีสภาพทรุดโทรม ร้องห่มร้องไห้ในห้องพิจารณาคดี
.
โดย “ติ๋ม ทีวีพูล” เผยว่าได้รับข้อมูลจากทนายความ ตอนใบเตยไม่ได้ติดคุก เขามาหาอยู่เรื่อยๆ ทุกครั้งที่ออกอัลบั้มก็จะมา เจอเขาหลายครั้ง มีอยู่วันนึงเขามานั่งแต่ไม่ฉายแววเป็นใบเตยเลย เขานั่งเงียบๆ จนทุกคนกลับไปหมดแล้ว เขาบอกว่าเขาเป็นใบเตย เขาหม่นหมองมาก ตอนนั้นมีเรื่องคดีแล้วแต่เราไม่ได้ตามเท่าไหร่ จำใบเตยเกือบไม่ได้ เขามาหาแบบไม่แต่งหน้า นั่งเงียบๆ
พอคนอื่นกลับไปหมด เขาบอกว่าเขามีปัญหามาก เล่าเรื่องราวต่างๆ ให้ฟังละเอียดมาก คุยกันเป็นครึ่งวัน เขาก็ขอไลน์ ทักไลน์มาปรึกษาบ้าง เขาเป็นฝ่ายไลน์มาขอกำลังใจ จนกระทั่งถึงวันที่เขาไปขึ้นศาล เขาก็มาพบก่อนหน้านั้น 1 วัน ดีเจแมน มาด้วย มากันสองคน วันนั้นเราคุยกันเรื่องคดีลึกมาก เพราะเขาต้องไปฟังว่าอัยการจะสั่งฟ้องเขาไหม ก็เลยได้ทราบความรู้สึก ใช้เวลาคุยตั้งแต่เที่ยงถึงค่ำเลย
หลังเข้าไปเรือนจำ ก็ได้คุยกันผ่านทนาย วันที่มาหาเราวันสุดท้ายเขาบอกว่าคงไม่มีปัญญาแม้กระทั่งจ้างทนาย เขาต้องหาทนายที่คิดว่าจะสามารถประนีประนอมเรื่องค่าใช้จ่ายกับเขาได้ แม้แต่จะส่งลูกเรียนโรงเรียนนานาชาติ ก็ไม่มีปัญญา เขาถามว่าจะขอทนายความของเราช่วยทนายความเขาได้ไหม เขาอยากให้ทนายความประจำบริษัทเราไปช่วยด้วย เราก็เลยเรียกทนายความเราให้ไปช่วยดูแลเขา ตอนนั้นเขาต้องการกำลังใจสูงมาก
พอเขาเห็นลูกของซาร่า คาซิงกินี สามีเขาก็โดนคดีเดียวกัน เขาก็ร้องไห้โฮไปเลย ทั้งสองคน เขาคิดถึงลูกเขา ทุกครั้งที่ทนายไปเขาก็จะพูดว่าเมื่อไหร่เขาจะได้ออก เขาคิดถึงลูกมาก ถามวนเวียนถึงลูกตลอดเวลา ทนายเราไปเยี่ยมใบเตยตลอด ช่วยหาหลักฐานด้วยให้ประกันตัวได้ เพราะต้องหาหลักฐานว่าเขามีเงินจากอภิรักษ์ 9.9 แสน เข้าบัญชี เป็น 3 ยอด สำหรับเราในวงการบันเทิง สำหรับอาชีพใบเตย เรามองว่าน้อยมาก เขาเป็นนักแสดง นักร้องดัง คนรู้จักทั้งประเทศ แต่ 9.9 แสน ไม่ใช่เงินว่าจ้างอื่นๆ ที่ทำให้คนอื่นถูกฉ้อโกงจากอภิรักษ์
พอดีเขาได้ไปเที่ยวกับอภิรักษ์หลายครั้ง เนื่องจากเขาเป็นภรรยาดีเจแมน ดีเจแมนก็เหมือนเป็นเหยื่อ ทั้งสองคนก็เหมือนเป็นเหยื่อ อภิรักษ์จะสร้างเครดิตก็ต้องเข้าหาคนดัง สองคนนี้จะเป็นเหยื่อหรือผู้กระทำเราก็ไม่ทราบ เขาต้องหาหลักฐานมาให้ศาลเชื่อให้ได้ เหมือนเขาเล่าให้เราฟัง เขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่เคยรีวิว ไม่เคยเล่นด้วย แต่ดีเจแมนเคยเล่น แต่มีคนเสียหายกับคดีนี้เกือบหมื่นราย เขาบอกว่าเขาไม่ได้ผิด แต่ก็ต้องเคลียร์ตัวเองให้ได้ว่า 3 ยอดที่มาจากอภิรักษ์คืออะไร
ยอดแรกคือ 5.5 แสน เขาบอกว่าเป็นเงินที่อภิรักษ์ซื้อกระเป๋าแอร์เมสให้แฟนเขา ที่เขาขาย เขาเอากระเป๋าจากแม่ค้าอีกทีแล้วเอามาขายต่อ เขาไม่ได้ร่ำรวยมีกระเป๋าแอร์เมสเป็นร้อยใบ อย่างที่ภาพปรากฎ เขาสร้างภาพ คือเขาสร้างภาพเยอะมากจนทำให้คนอื่นไม่ชอบ ก็ว่าเขาด้วย ว่าเขาทำให้ประชาชนหมั่นไส้ในความร่ำรวย เขาก็บอกว่าเขาขอโทษ เขาเป็นนักร้องลูกทุ่งอยากอัปตัวเองให้ดูสูงเพื่อจะได้ขายของให้ได้ราคาดีๆ ต้องขายของแบรนด์เนม ทีนี้เขาเป็นนักร้องลูกทุ่ง จะขายของแบรนด์เนมก็ต้องทำตัวให้ดูรวย ให้ดูหรู เป็นความคิดของเขา เรียกว่าสร้างภาพแหละ
ส่วนดีเจแมน เขาทะเลาะกันต่อหน้าเราเลยทั้งสองคน ยังบอกใบเตยว่าให้สงสารดีเจแมนบ้าง ใบเตยโทษว่าสามีไปพาอภิรักษ์เข้ามา แต่ดีเจแมนก็บอกกับเราว่าอภิรักษ์มาหาเขาเอง เอาพระสิ่งที่เขาชอบมาให้ เมื่อเอาของที่เขาชอบให้ ก็คิดว่าอภิรักษ์น่าจะเป็นเพื่อนเขาได้ ก็กลายเป็นลูกค้าที่ดี ทำให้เขามีรายได้ เขาให้เช่าพระ ไม่ได้เอาเงินเปล่าๆ ค่าพรีเซ็นเตอร์ ไม่เคย และไม่เคยรีวิวชวนคนเข้ามา คนตามเข้ามาเขาก็ยังห้ามด้วยซ้ำไป
เขาไม่รู้ว่าอภิรักษ์ทำชั่ว ทำผิดกฎหมาย รู้แค่ว่าอภิรักษ์ร่ำรวย เป็นลูกค้าที่ดีของเขา และมีรสนิยมเหมือนเขา คือชอบพระเหมือนกัน ตอนเขาทะเลาะกันก็สงสาร ดีเจแมนก็มีสติ ไม่โต้ตอบ เขาก็บอกว่าที่รักอย่าโทษได้ไหม ถ้ารู้คงไม่มีวันนี้ มันไม่รู้จริงๆ เขาทะเลาะกัน เขาพูดอะไรก็ไม่มีใครฟังเขาแล้ว เขาทำอะไรก็ผิดไปหมด
นอกจากนี้ ติ๋ม ทีวีพูล เผยว่ากรณี “แม่อ้อย” แม่ของ “พิ้งกี้ สาวิกา ไชยเดช” ก็ถูกพวกอภิรักษ์ตีสนิทเพราะตั้งใจมาโกง ทุกคนที่เข้าไปก็ความโลภทั้งนั้น คิดว่าได้ง่าย แม่อ้อยเอาเงินของพิ้งกี้เป็น 10 ล้านมาเล่น ตัวเองก็เป็นผู้เสียหาย แต่กลับกลายต้องไปอยู่ในคุก ต้องไปแก้ปัญหาให้ได้ ให้ศาลเชื่อว่าเป็นผู้เสียหาย
พร้อมเผยว่าไม่ได้คุยกับ “ป๋อง พิมพ์แข กุญชร ณ อยุธยา” สงสารเขามาก เขาบอกเขาทนไม่ได้ วันนัดตรวจพยาน ป๋องไม่มา โดยญาติเขาบอกว่าป๋องไม่สามารถมาได้ เขาทนไม่ได้ที่จะเห็นลูกชายถูกล่ามโซ่ที่ข้อเท้า ฟังแล้วก็สะเทือนใจ